OKINAWA | โอกินาว่า สี่วันสามคืน ไม่มีรถก็เที่ยวได้นะ ! 4days 3nights

สวัสดีทุกคน นี่เราเอง เราไหนละ55555555555 นี่คือบันทึกการเดินทางของเราเอง เขียนไว้เผื่อตัวเองจะกลับมาอ่านอีกครั้ง แหะๆ
ทริปกินแหลก สาม สอง หนึ่ง เริ่ม หัวเราะ


—การเดินทาง

ก่อนไปทริปมีหลายคนบอกว่าไม่มีรถอาจจะลำบากนะ แต่เอาจริงๆ ก็ไปได้เด้อ ในตัวเมืองยังมีรถไฟโมโนเรลนอกเหนือจากนนั้นก็มีรสบัส อาจจะไม่สะดวกเท่าเช่ารถขับเอง แต่มันไปได้จริงๆนะเอ้อ

-ขาไป > เราจองตั๋วของสายการบิน peach จากสนามบินคันไซไปลงสนามบินนาฮะ ราคาประมาน 2,300 บาท เราไม่แน่ใจว่าถ้าบินจากไทยน่าจะถูกกว่าไหม อาจจะเป็นเพราะเราจองใกล้วันไปด้วย ตั๋วเหลือเท่าจำนวนคนพอดี ลักกี้!

-ขากลับ > เราจองของ jetstar เพราะของสายกินบินอื่นที่นั่งเต็มแล้ว ราคาเท่าๆกัน ประมาน 2,500 บาท แต่วันกลับเกิดเหตุนิดหน่อยทำให้เราไม่ได้นั่ง jetstar กลับโอซาก้าแต่นั่งสายการบินอื่นแทน

-เดินทางจากตัวเมืองไปอควาเรียม > ที่พักเราอยู่ในตัวเมืองเพราะค่อนข้างใกล้สนามบิน แต่อควาเรียมอยู่ทางเหนือของเกาะ เราเลยใช้บริการรถทัวร์ 1 วันแทน เราซื้อทัวร์ของบริษัทนี้ http://www.tabione.com/en/okinawabus/ ตอนเราซื้อมีส่วนลดพอดี เหลือคนละ 4,500 เยน เป็นทริปหนึ่งวัน ไปหลายที่อยู่ ใครสนใจก็ลองเลือกดูเน้อ

-เดินทางรอบๆตัวเมือง > รถไฟโมโนเรล ตัวเดียวกับที่ใช้ไปสนามบิน ,แท็กซี่,เดิน

—ที่พัก

ที่พักเราจองจาก agoda เพราะได้ส่วนลดพอดี โรงแรมอยู่ห่างจากสนามบินประมาน 20-30 นาที เดินทางง่าย ใกล้กับถนนคนเดิน แหล่งหาของกินด้วย คืนละประมาน 3,200 บาท นอนได้สี่คน แต่ไม่มีอาหารเช้า จะซื้อเพิ่มเอาก็ได้ ชื่อโรงแรม smile hotel naha city resort 

—ค่าใช้จ่าย

ทริปนี้เราเอาเงินค่ากินและค่าซื้อของไปประมาน 40,000 เยน ตอนกลับบ้านเหลือประมานหมื่นนึง รวมค่าของฝากให้ตัวเองและคนอื่นๆ แล้ว เอาจริงๆ พวกของกินไม่ได้แพงมากขนาดนั้น แต่กินไปเยอะมากๆ เลยเหลือตังแค่นี้555555555555

Day1

วันแรกเราไปถึงสนามบินก็เกือบๆห้าโมงแล้ว นั่งรถโมโนเรลจากสนามบินไปที่พัก 260 เยน ลงสถานี Asahibashi รถไฟมีสายเดียว เพราะงั้นไม่หลงแน่นอน เดินจากสถานีไปอีกประมาน 10 นาทีก็ถึงที่พัก เก็บของร็จแล้วเลยออกมากหาของกิน เจอร้านโซบะที่อยู่ตรงแยกไฟแดงพอดี ร้านจิ๋วๆ คนลุงเจ้าของดูน่ากลัวนิดๆเพราะแกไม่พูด พยักหน้าอย่างเดียว


เราสั่งโซบะเต้าหู้ไป (沖縄そばきつね) เส้นโซบะเหนียวๆดี เส้นอวบๆไม่เหมือนที่เคยกินมาก่อน 480 เยน



เสร็จแล้วเดินไปหาของกินต่อ กินอีกแล้ว...

เดินไปเรื่อยๆอีกประมาน 10 นาทีจะเจอถนนคนเดิน kokusaidori 国際通りแหล่งรวมของกินในตัวเมือง มีทุกอย่างตั้งแต่ของคาว ของหวาน ร้านนั่งดริ้ง บุฟเฟ่ ของฝาก ไอติมblue seal(มีทั่วทั้งเกาะ) เสื้อผ้าตั่งต่าง มีทุกอย่างรวมไว้ให้หมดแล้วเด้อ

แวะกินไอติมแพร้พ เราสั่งไอติมรส Okinawa Salted cookies ข้างบนเป็นซอฟต์ครีมรสมันม่วงกับวะนิลา 600 เยน ใหญ่มั่กกก ไอติมข้างล่างอร่อยมากกก แบบกรุบกรุบนิดนึง ดีงาม


เดินเล่นต่อนิดหน่อยแล้วก็กลับที่พัก เอ้อ ใครมาก็อย่าลืมลองเบียร์ orion นะ ของขึ้นชื่อของเกาะเค้าเลย มีทุกร้าน

Day2

วันนี้ตื่นเช้ามากก เพราะไปกับทัวร์ (ลิ้งอยู่ข้างบนเน้อ) วันนี้หลักๆคือไปอวาเรียม Churaumi ที่อยู่ทางเหนือ > Kouri beach > Cape Manzamo > จบที่สุดท้าย American Village ใช้เวลาหนึ่งวันเต็มๆ แต่คุ้มค่ามากๆ
สถานที่ขึ้นรถคือถนนคนเดิน kokusaidori เดินจากที่พักประมาน15นาที

นั่งรถไปประมานเกือบสองชั่วโมงก็ถึง อควาเรียมคือยิ่งใหญ่มากๆ ติดริมทะเลเลย มีโชว์ปลาโลมาด้วย แต่เราไม่ได้ดูเพราะเวลาจำกัด ดูฟรีด้วยนา 
ข้างในอควาเรียมมีคาเฟ่ที่นั่งติดกับตู้กระจก ดูสัตว์น้ำแบบชัดๆกันไปเลย แต่คนต่อแถวยาวมากกก ถ้าใครมีเวลาก็ลองเข้าไปดูเด้อ



ชายหาด Kouri น้ำใสมากๆ เป็นสีเขียวเลย ทรายขาวมากกก สามารถลงเล่นได้ มีคนมาเล่นเยอะพอสมควร ข้างหน้าชายหาดมีขายของกิน พวกผลไม้ แล้วก็ขนมขึ้นชื่อ มีกล้วยน้ำหว้าด้วย แล้วก็ไอติม Blue seal (เค้าอยู่ทุกที่จริงๆนะ)



ก่อนแวะไปหน้าผาพี่ไกด์พาแวะร้านของฝาก ที่จริงๆในตัวเมืองก็มีร้านนี้เหมือนกัน
ทาร์ตมันม่วง ของขึ้นชื่อ


หน้าผา Manzamo มองจากหน้าผาแล้วน้ำทะเลสวยมาก วิวสวยมากๆ เอาจริงๆมองจากที่ไหนก็สวย ลมเย็นดีด้วย แต่แดดร้อนไปหน่อย ทุกคนเลยรีบถ่ายรูปแล้วก็กลับขึ้นรถ55555555555


American Village ที่สุดท้ายของทัวร์วันนี้ เป็นคล้ายๆ Community mall ที่ตกแต่งด้วยสไตล์อเมริกัน มีของขายค่อนข้างเยอะ ทั้งของกิน เสื้อผ้า ความรู้สึกเหมือน Outlet


จบแล้วทัวร์วันนี้ เย้ รู้สึกคุ้มเพราะได้ไปที่ที่อยากไป แล้วก็พี่ไกด์น่ารักมากกก คือเป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว ร้องเพลงเอย เล่นเครื่องดนตรีเอย เอนเตอเทนคนบนรถสุดๆ พี่เค้าร้อง A whole new world เป็นภาษาถิ่นของโอกินาว่าด้วย เท่มากกก

ตอนจบรถทัวร์มาส่งที่หน้าถนนคนเดิน kokusaidori พอดี ก็เลยแวะกินข้าวเย็นที่นี่ (อีกแล้ว5555555555) วันนี้ลองเข้าร้านอาหารที่เป็นจานๆ ดู ฟีลเหมือนร้านนั่งดริ้ง แต่ไม่ใช่บาร์นะ ร้านที่ไปเป็นครอบครัวก็ได้ ไปนั่งเม้าก็ดี 
มีองุ่นพวงที่เหมือนจะมีอยู่ทุกร้านในโอกินาว่า

มะระผัดไข่ ขมมากกก แต่กินไปเรื่อยๆแล้วอร่อยดี

มันฝรั่งรสมันม่วง มีเฉพาะแค่ที่นี่นะเอ้อ


แวะเดินเล่นต่ออีกนิดหน่อยแล้วก็กลับห้อง จบวันนี้แล้วจ้าาา

Day3 

เมื่อวานตื่นเช้ามากๆ แล้วใช้พลังงานเต็มวัน วันนี้เลยออกเที่ยง555555555ทุกคนสลบ วันนี้ไปดำน้ำกับบริษัททัวร์ เป็นโปรแกรมครึ่งวัน โชคดีมากๆที่เราโทรไปถามเค้าตอนเช้าวันนั้นแล้วคิวยังไม่เต็มพอดีก็เลยได้ไป จริงๆบริษัททัวร์พาดำน้ำมีหลายที่มากๆ ราคาก็ไม่ได้ต่างกันมาก เราไปกับของเรือชื่อ you and I เป็นโปรแกรมพาดำน้ำครึ่งวัน คนละ 8500 เยน ซึ่งเอาจริงๆคือลงใต้น้ำลึกยี่สิบนาที แต่แค่นั้นก็เหนื่อยแล้ว คุ้มค่านะ จริงๆ ! 

จากโรงแรมเราเดินออกไปหาของกินกันเป็นมื้อเที่ยงก่อน เมนูเดิมเลยคือโซบะ แต่คุณป้าเจ้าของร้านใจดีมากๆ
โซบะกับหมูสามชั้น


อิ่มท้องแล้วก็ออกไปตามสถานที่ที่นัดกันไว้ เป็นท่าเรือ อยู่ไม่ไกลจากตัวเมือง จะมีหลายๆบริษัททัวร์อยู่ตรงนั้น 

เกาะที่เค้าพานั่งเรือออกไปชื่อ kerama Island เป็นเกาะที่ไม่มีคนอยู่ น้ำทะเลใสมากกกก คือมองเห็นลึกลงไปถึงข้างล่าง เห็นปลาตัวจิ๋วๆด้วย น่าร้ากกกกก เป็นประสบกาณ์ที่คุ้มค่ามากๆ พี่ๆสตาฟก็น่ารักมากๆ คืออธิบายละเอียด ช่วยถ่ายรูปให้อีก 


จบจากดำน้ำแล้วก็เรียกแท็กซี่จากท่าเรือกลับโรงแรม วันนี้คืนสุดท้ายแล้ว เลยออกไปหาของกินกับเดินซื้อของที่ถนนคนเดิน kokusaidori อีกเหมือนเดิม(ไปทุกวันเลย55555555555)
ของทอดที่ข้างในเป็นอะไรก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน

เครปจากร้านไอติมร้านเดิม blue seal แกมันอร่อยมากกกก สำหรับเรานะ55555555555


จบคืนสุดท้ายแล้วจ้าาาา

Day 4

วันสุดท้ายแล้ว แง เร็วจัง

วันนี้เชคเอาท์ออกจากโรงแรมเช้า เพราะเป้าหมายวันนี้คือศาลเจ้า naminoue หอศิลป์กลางเมือง กับพระราชวังชูริ
แวะซื้อไอติมblue sealแบบถ้วยรสกาแฟอะโวคาโด้ นี่คือข้าวเช้าหรอ55555555555


จากโรงแรมสามารถเดินไปศาลเจ้าได้ประมาน 10 นาที คือสะดวกมากเว่อ ใกล้เกือบทุกอย่าง ข้างๆศาลเจ้าไปชายหาดชื่อเดียวกัน สามารถเดินลงไปได้เลย ไปถ่ายรูปเท่ๆก็ได้ น้ำใสมากกก เราไปถึงตอนสิบโมงก็มีคนมาเล่นน้ำเยอะพอสมควร


ก่อนออกไปหอศิลป์ก็แวะกินข้าวมื้อกลางวัน(รึเปล่านะ) ที่อยู่ตรงหน้าทางเข้าศาลเจ้าพอดี ร้านออกแนวเหมือนครอบครัวทำกันเอง คุณลุงคุณป้าน่ารักมากๆ
สแปมคือเมนูที่มีเกือบทุกร้าน น่าจะเป็นเพราะอิทธิพลจากอเมริการึเปล่า


กินข้าวเสร็จแล้วก็นั่งแท๊กซี่ไปลงที่หอศิลป์ ค่ารถประมาน 1,000 เยน ถ้ามีคนหารเยอะก็จะถูกลงอีก ของเราเหลือคนละ 300 กว่าๆ หอศิลป์ทำดีมาก คือมีทั้งส่วนที่เป็นภาพวาดศิลปะ กับส่วนที่เป็นพิพิธภัณฑ์ทางธรรมชาติ ค่าเข้าไม่แพง ยิ่งถ้ามีบัตรนักเรียนของที่นี่จะลดลงไปอีกเยอะเลย วันที่เราไปมีจัดแสดงนิทรรศการของจิบลิด้วย เราใช้เวลาที่นี่ค่อนข้างนาน ประมานเกือบสามชั่วโมงได้ แต่คุ้มค่า ไปเถอะ


เสร็จจากหอศิลป์แล้วก็ไปต่อที่พระราชวังชูริ นั่งแท๊กซี่ไปเหมือนเดิม ระยะทางเท่าๆกันจากศาลเจ้าไปหอศิลป์ 

พระราชวังใหญ่จริง ทุกอย่างเป็นสีแดง มีส่วนที่ให้เข้าชมเยอะดี คือเดินตามรูทไปเรื่อยๆ มีส่วนการแสดงให้ดูด้วย เดินไปเรื่อยๆก็จะจบที่ส่วนสูงสุดของพระราชวัง เป็นคล้ายๆกำแพงสูงๆ มองเห็นวิวรอบเมืองเลย สวยมากๆ




บรรลุเป้าหมายทั้งหมดของวันนี้แล้ว ได้เวลากลับบ้าน...

เรานั่งรถโมโนเรลจากพระราชวังชูริ (สถานีค่อนข้างไกลจากพระราชวัง เดินประมาน15นาที) ไปลงสถานีปลายทางคือสนามบินนาฮะ 360 เยน แวะกิน A&W กับไอติมblue seal ซื้อของฝากจากสนามบินนิดหน่อย แล้วก็ได้เวลากลับบ้าน...  เร็วจัง


ร้านโอนิกิริในสนามบิน หาง่ายมากเพราะมีร้านเดียว แล้วคนต่อแถวเยอะมั่กกกก แต่อร่อยจริง


ขอบคุณผู้ร่วมทริปทั้งสอง จบทริปแล้วววว พุงแตกกลับบ้านไปเลยจ้ะ5555555555555

จบบันทึกการท่องเที่ยวแต่เพียงเท่านี้ ขอบคุณค่า หัวเราะ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่