นายตุ๊ดตู่ นักลงทุนมือใหม่ซิง ๆ ไม่มีความรู้ทางด้านบัญชี ไม่มีความรู้ทางด้านการบริหารธุรกิจ อยากลงทุนในหุ้น กำเงินสด สองล้าน
มาเปิดพอร์ท ซื้อหุ้นเสือไปสี่ไม้ แต่ละไม้มีต้นทุนและจำนวนหุ้นต่างกัน แล้วทำการแบ่งขายออกไป 2 ครั้ง โดยนึกว่าตัวเอง มีกำไร
เพราะไม่มีความรู้ในระบบ FIFO ผลปรากฎว่า ขาดทุนจาการขาย เนื่องจากต้นทุนไม้แรก และไม้สอง มีราคาสูงกว่าราคาขาย เลยทำให้เค้าขาดทุน
เรื่องมันยังไม่จบแค่ตรงนั้น เพราะเค้ายังคงซื้อเข้า ขายออก อีก ระบบ FIFO ยิ่งแผลงฤทธิ์หนักขึ้น ดูซิจะจบยังไง
ตาราง 3
ลำดับ จำนวน (หุ้น) ราคาซื้อต่อหน่วย (บาท) จำนวนเงินที่ซื้อ (บาท) ต้นทุนเฉลี่ยต่อหน่วย(บาท) มีหุ้นสามารถขาย (หุ้น)ที่ต้นทุนเฉลี่ย
ไม้แรก 1,000 500 500,000 500 1,000
( ผลจากการขยับ ไม้สาม เป็น ไม้สอง และจาก ไม้สองมาเป็นไม้แรก ในครั้งนี้ )
ไม้สอง 2,000 480 960,000 486.67 3,000
( ผลจากการขยับ สี่ มา สาม มา สอง )
*** ในช่อง มีหุ้นสามารถขาย (หุ้น)ที่ต้นทุนเฉลี่ย ตาราง 1 กับ ตาราง 2 ผมลืมพิมพ์คำว่า ที่ต้นทุนเฉลี่ย
หมายถึง ถ้าอยากจะขายให้ได้ในราคา 486.67 บาท ต้องขายหุ้นนี้ทิ้งทั้งหมด 3,000 หุ้น ในครั้งเดียว ถ้าแบ่งขายไม่ครบทั้งหมด ระบบ FIFO จะถูก เปิดสวิต ขึ้นมาทันที
มาคำนวณเงินที่หายไปกันครับ
หุ้นเสือเหลือ 3,000 หุ้น คูณ ราคาต้นทุนเฉลี่ยใหม่ 486.67 บาท /หุ้น = 1,460,000 บาท
เงินสดคงเหลือในพอร์ท ( เงินคงเหลือตอนแรก 25,000 + เงินที่ได้จากการขายครั้งสอง 254,000 ) = 279,000 บาท
เงินที่ได้จากการขายหุ้นครั้งที่สอง ( 506 บาท คูณ 500 หุ้น ) = 253,000 บาท
รวมเป็นเงิน = 1,992,000 บาท
ขาดทุนจาการขายหุ้นสะสม ( ครั้งแรก 6,000 บาท + ครั้งสอง 2,000 บาท = 8,000บาท ) + ยอดเงินรวม 1,992,000 บาท = 2,000,000 บาท
ตอนนี้ ตุ๊ดตู่ ยังคงไม่เข้าใจ ว่าตัวเองขาดทุนไปแล้ว 8,000 บาท
ส่วนหุ้นเสือ ยังคงด่ำดิ่งต่อเนื่องมาหลาย ๆ อาทิตย์แล้ว เช้าวันนี้ ราคาสวิงมาก จากต่ำสุด 390 บาท สูงสุด 402 บาท
ตุ๊ดตู่ เพ่งที่หน้าจอ มองเห็นโอกาส ( มุมมองของคนไม่รู้ ) ถ้าเราตั้งซื้อทิ้งไว้ 390 บาท ซัก 1,000 หุ้น แล้วมาขาย ที่ 402 บาท ก็กำไรบาน
ได้พาภรรยาไปดินเนอร์อีกแล้ว ช้าอยู่ไยไปต่อคิว ที่ราคา 390 บาท ตั้งเสร็จ ปิดจอ ไปทำธุระส่วนตัว ( ซักผ้า กวาดบ้าน ถูบ้าน ล้างจาน ตากผ้า
ขัดห้องน้ำ ) กินข้าวเที่ยง ทำธุระต่อ ( ซื้อสบู่ ยาสีฟัน ผงซักฟอก ฯลฯ ) กลับมาบ้าน เปิดตลาดบ่าย พอดี
เปิดจอ ดูซิได้พี่เสือมาป่าว โอ้ ..... แม่เจ้า ไม่น่าเชื่อ ตั้งทิ้งไว้เล่น ๆ ได้อีก เรานี่ดวงถูกโฉลกกับเล่นหุ้นแน่แท้
( ผมอยากทะลุหน้าจอของผม ไปบอกตู่ ว่า อย่าขายตามที่คิดนะโว๊ย แต่ผมทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะผมจะนำเสนอ
ความโหดร้าย ของระบบ FIFO ให้สุด { หุ ..หุ..หุ } ต้องขยี้อีก ทุกคนถึง จะรู้ว่ามันโหดร้ายจริง ๆ ก่อนผมจะบอกวิธีแก้ให้กับตุ๊ดตู่ )
ก็ไม่น่าเชื่ออีก เปิดตลาดบ่าย หุ้นเสือ วิ่งหูตาตั้งมาที่ 410 บาท แต่ยืนอยู่ได้ไม่นาน ฟุบลงไปที่ 400 บาท ตุ๊ดตู่ งง กับราคาที่สุดสวิงลิงโก้
ของพี่เสือในวันนี้ เพราะพี่เสือส่วนใหญ่แล้วจะขยับในวัน 2 - 3 ช่อง เค้าต้ดสินใจโยนซ้าย ขายคืนให้เจ้าในทันที ที่ราคา 400 บาท
ไม่ไปต่อคิวฝั่งขวาแล้ว เพราะแถวยาว ยิ่งกว่างาน มีตติ้งจับมือ เสียอีก ทำให้เค้า สามารถซื้อขาย จบได้ในวัน ( ชีวิตจริง ซื้อขายไม่ง่ายแบบนี้ )
เค้าคิดว่าได้กำไรจากการซื้อขายในครั้งนี้เป็นเงิน 10,000 บาท ( มาจาก การคิดไปว่า ขายที่ 400 บาท ซื้อครั้งนี้ 390 บาท 1,000 หุ้น ก็ต้องได้กำไร
10,000 บาท ) และยังคิดว่าทำกำไรได้มากขึ้นทุกครั้ง
มาคำนวณกันครับ
ราคาซื้อวันนี้ 390 บาท คูณ จำนวนหุ้นที่ซื้อ 1,000 หุ้น = 390,000 บาท
ส่วนระบบ FIF0 คำนวณ
ราคาต้นทุนไม้แรก 500 บาท คูณ จำนวนที่มี 1,000 หุ้น = 500,000 บาท
ราคาขายได้ 400 บาท คูณ จำนวนขาย 1,000 หุ้น = 400,000 บาท
= - 100,000 บาท ( ขาดทุน )
ตาราง 4
ลำดับ จำนวน (หุ้น) ราคาซื้อต่อหน่วย (บาท) จำนวนเงินที่ซื้อ (บาท) ต้นทุนเฉลี่ยต่อหน่วย (บาท) มีหุ้นที่สามารถขาย (หุ้น)ที่ต้นทุนเฉลี่ย
ไม้แรก 2,000 480 960,000 480 2,000
( ผลจากการขยับ สี่ มา สาม สาม มา สอง และสอง มาเป็น ไม้แรก )
ไม้สอง 1,000 390 390,000 450 3,000
( ผลมาจาการซื้อเข้ามาใหม่ )
มาคำนวณเงินที่หายไปอีกครับ
หุ้นเสือเหลือ 3,000 หุ้น คูณ ราคาต้นทุนเฉลี่ยใหม่ 450 บาท /หุ้น = 1,350,000 บาท
เงินสดคงเหลือในพอร์ท ( 25,000 + 254,000 + 253,000 ) = 532,000 บาท
{ เงินสดคงเหลือในพอร์ท ( เงินสดคงเหลือครั้งแรก 25,000 บาท + เงินขายครั้งแรก 254,000 บาท + เงินขายครั้งสอง 253,000 บาท ) }
เงินที่ได้จากการขายหุ้นครั้งที่สาม ( 400 บาท คูณ 1,000 หุ้น ) = 400,000 บาท
รวมเป็นเงิน = 2,282,000 บาท
หักเงินที่ซื้อหุ้นเข้ามาใหม่ ( 390 บาท คูณ 1,000 หุ้น ) = - 390,000 บาท
เป็นเงินคงเหลือ = 1,892,000 บาท
ขาดทุนสะสม ( ครั้งแรก 6,000 + ครั้งสอง 2,000 + ครั้งสาม 100,000 ) + ยอดเงิน 1,892,000 บาท = 2,000,000 บาท
ตุ๊ดตู่ขาดทุนรวมจากการขายสามครั้งเป็นเงิน 108,000 บาท ภรรยารู้เอาตายแน่
2 เดือนต่อมา ใกล้ฤดูกาลแห่งปันผล หุ้นที่มีการจ่ายปันผล และมีข่าวผลประกอบการไปในทางบวก โดยส่วนมาก ราคาจะขึ้น
พี่เสือเอง ราคาวันนี้ ขึ้นลงในกรอบที่ 454 - 460 บาท ตุ๊ดตู่เห็นแล้วไม่รอช้าบอกอำลาพี่เสือในวันนี้ ขายหมดพอร์ท 3,000 หุ้น โยนยัดใส่มือเจ้า
ที่ราคา 454 บาท ทีนี้จะได้ไปโม้กับเพื่อน ๆ ได้ว่า ตัวเองทำกำไรได้ ไม่เห็นต้องจ่ายค่าเรียน อะไรเลย ( แล้วมันใช่ แบบตุ๊ดตู่คิดไหมครับ )
มาคำนวณกันครับ ดูตาราง 4 ควบคู่ไปด้วย
ราคาขายวันนี้ 454 บาท คูณ จำนวนขาย 3,000 หุ้น = 1,362,000 บาท
ราคาต้นทุนเฉลี่ย 450 บาท คูณ จำนวนทั้งหมด 3,000 หุ้น = 1,350,000 บาท
เป็นเงิน = 12,000 บาท ( กำไร )
การขายครั้งสุดท้ายนี้ ระบบ FIFO ไม่สามารถ ปฏิบัติภารกิจได้ เพราะเค้าขายหุ้นทิ้งทั้งหมด ระบบเลยนำค่าต้นทุนเฉลี่ย มาคำนวณ
กันครับ ตกลงเค้าขาดทุนหรือกำไร กันแน่ หลายคนบอกขาดทุนทางบัญชีไม่ใช่นะครับ ขาดทุนจริง ๆ ถ้าเป็นเงื่อนไขนิยายนี้
การขายครั้งสุดท้ายได้เงินมา ( 454 คูณ 3,000 ) 1,362,000 บาท
เงินสดคงเหลือในพอร์ท 532,000 บาท
รวมเป็นเงิน 1,894,000 บาท
มีเงินลงทุน 2,000,000 - 1,894,000 = 106,000 บาท
*** ถ้าหากคำนวณ อีกวิธีได้ตัวเลข ขาดทุนไม่ตรงกัน ( ผมเองยัง งง มากๆ แต่เริ่มมีนแล้ว ขอผ่านก่อนนะครับ )
คำนวณว่า ขาดทุนมาสามครั้งรวม 108,000 บาท มาลบกับกำไรที่ได้จากการขายครั้งสุดท้าย 12,000 บาท ก็น่าจะขาดทุนแค่ 96,000 บาท
ตัวเลขต่างกัน 10,000 บาท ผมไปผิดตรงไหน *** แต่ไม่ไหวหาหลายรอบ เริ่มปวดกบาล
กับดัก FIFO ( ตอนต่อ ) สำหหรับนักลงทุนมือใหม่