ปัญหาของผมได้รับการช่วยเหลือจากศูนย์รับเรื่องร้องเรียนธนาคารกสิกรไทย ติดต่อประสานงานกับทางสาขาจนตอนนี้สามารถปิดบัญชีของพ่อได้แล้วครับ
ผมขอเล่าแนวทางการจัดการทรัพย์สินของผู้เสียชีวิต จากประสบการณ์ของผมเองแบบคนที่ไม่รู้กฎหมาย และไม่ได้จ้างทนาย เพื่อเป็นแนวทางกับเพื่อนสมาชิกที่ไม่รู้จะเริ่มยังไง เพราะผมก็เคยเป็นมาก่อน เรื่องผ่านมากเกือบ3ปี อาจจะตกหล่นไปบ้าง รายละเอียดเช่นค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมศาลต่างๆผมจำไม่ได้แล้ว ข้อมูลบางส่วนเช่นเอกสารหลักฐานที่ต้องใช้ผมค้นหาข้อมูลเอามาเติมให้นะครับ เพราะจำไม่ได้แล้ว
เอกสารหลักฐานที่ต้องใช้
1. ใบมรณบัตรของผู้ตาย
2. ทะเบียนบ้านของผู้ตาย
3. ทะเบียนสมรสของของผู้ตาย (กรณีจดทะเบียนสมรส)
4. บัตรประจำตัวประชาชน และทะเบียนบ้านของผู้ขอและผู้เกี่ยวข้องในทรัพย์มรดกทุกคน
5. ใบสำคัญการเปลี่ยนชื่อตัวชื่อสกุล ของทุกคน ถ้ามี
6. พินัยกรรมของผู้ตาย(ถ้ามี)
7. เอกสารเกี่ยวกับทรัพย์มรดกของผู้ตาย เช่น โฉนดที่ดิน ทะเบียนรถ สมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร ใบหุ้น และอื่นๆ เป็นต้น
เตรียมเอกสารพร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง
ผู้เกี่ยวข้องที่เสียชีวิตแล้วต้องนำใบมรณะบัตรมาแสดง
เอกสารบ้างอย่างของผู้เกี่ยวข้องอาจจะหาได้ลำบากเช่นใบมรณะบัตรของบิดา มารดาผู้ตาย หากหาไม่เจอให้ไปติดต่อที่ว่าการอำเภอหรือเทศบาลเพื่อขอหนังสือรับรองการตาย
เริ่มแรกผมตกลงกับพี่น้องทั้งหมดต้องการเป็นผู้จัดการมรดกแต่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยจึงหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต ได้ข้อมูลเบื้องต้นมาจึงไปติดต่อที่ศาลจังหวัดตามภูมิลำเนาในทะเบียนบ้านของผู้ตาย ไปถึงก็สอบถามประชาสัมพันธ์ศาล ซึ่งก็บอกให้ใปติดต่อที่สำนักงานอัยการจังหวัด (มักอยู่ไม่ไกลจากศาล) พอไปถึงก็จะได้คุยกับอัยการซึ่งก็จะแจ้งเอกสารหลักฐานที่ต้องใช้ และให้เขียนรายชื่อผู้เกี่ยวข้องในทรัพย์มรดกทุกคนและมีความเกี่ยวข้องกับผู้ตายอย่างไร และให้ไปจัดเตรียมเอกสารหลักฐานมาพร้อมกับผู้เกี่ยวข้องทุกคนมาลงชื่อให้ความยินยอมขอแต่งตั้งผู้จัดการมรดกต่อหน้าพนักงานอัยการ ตรงนี้ถ้าทุกคนพร้อมก็เตรียมเอกสารหลักฐานแล้วไปพร้อมกันวันนั้นเลย จะได้ไม่เสียเวลา แต่กรณีของผม แต่ละคนว่างไม่ตรงกันก็สามารถทยอยกันไปได้ แต่ผู้ขอเป็นผู้จัดการมรดกต้องไปด้วยทุกครั้ง
หลังจากยื่นเอกสารหลักฐานต่างๆ และผู้เกี่ยวข้องลงชื่อครบทุกคนแล้วเจ้าหน้าที่ก็จะยื่นคำร้องขอแต่งตั้งเป็นผู้จัดการมรดก และแจ้งว่าจะมีจดหมายแจงวันและเวลานัดให้การต่อศาล
วันนัดให้การต่อศาล อัยการที่เราติดต่อด้วยก็จะมานัดแนะลูกความเกี่ยวกับห้องพิพากษา วิธีพูดให้การต่อศาล
เมื่อพิพากษาเสร็จ เราก็ออกมารอคิวเรียกไปรับหนังสือแต่งตั้งผู้จัดการมรดก (ตรงนี้มีค่าธรรมเนียมด้วยแล้วแต่ว่าเราต้องการกี่ชุด)
หลังจากนี้คือส่วนที่ผมพลาด เพราะไม่รู้ว่าหลังจากได้รับหนังสือแต่งตั้งผู้จัดการมรดก 30วันขึ้นไป สามารถไปขอหนังสือรับรองคดีถึงที่สุด ซึ่งเมื่อไปติดต่อเรื่องที่ต้องใช้หนังสือแต่งตั้งผู้จัดการมรดก บางที่จะต้องใช้หนังสือรับรองคดีถึงที่สุดด้วย เพราะผมไปที่สำนักงานที่ดิน2แห่งเพื่อโอนที่ดินของพ่อก็ไม่ได้ต้องใช้ แต่การปิดบัญชีธนาคารของพ่อ กลับต้องใช้
ปิดบัญชี kbank ของพ่อที่เสียไปแล้วไม่ได้ เจอเงื่อนไขแปลกๆ
ผมขอเล่าแนวทางการจัดการทรัพย์สินของผู้เสียชีวิต จากประสบการณ์ของผมเองแบบคนที่ไม่รู้กฎหมาย และไม่ได้จ้างทนาย เพื่อเป็นแนวทางกับเพื่อนสมาชิกที่ไม่รู้จะเริ่มยังไง เพราะผมก็เคยเป็นมาก่อน เรื่องผ่านมากเกือบ3ปี อาจจะตกหล่นไปบ้าง รายละเอียดเช่นค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมศาลต่างๆผมจำไม่ได้แล้ว ข้อมูลบางส่วนเช่นเอกสารหลักฐานที่ต้องใช้ผมค้นหาข้อมูลเอามาเติมให้นะครับ เพราะจำไม่ได้แล้ว
เอกสารหลักฐานที่ต้องใช้
1. ใบมรณบัตรของผู้ตาย
2. ทะเบียนบ้านของผู้ตาย
3. ทะเบียนสมรสของของผู้ตาย (กรณีจดทะเบียนสมรส)
4. บัตรประจำตัวประชาชน และทะเบียนบ้านของผู้ขอและผู้เกี่ยวข้องในทรัพย์มรดกทุกคน
5. ใบสำคัญการเปลี่ยนชื่อตัวชื่อสกุล ของทุกคน ถ้ามี
6. พินัยกรรมของผู้ตาย(ถ้ามี)
7. เอกสารเกี่ยวกับทรัพย์มรดกของผู้ตาย เช่น โฉนดที่ดิน ทะเบียนรถ สมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร ใบหุ้น และอื่นๆ เป็นต้น
เตรียมเอกสารพร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง
ผู้เกี่ยวข้องที่เสียชีวิตแล้วต้องนำใบมรณะบัตรมาแสดง
เอกสารบ้างอย่างของผู้เกี่ยวข้องอาจจะหาได้ลำบากเช่นใบมรณะบัตรของบิดา มารดาผู้ตาย หากหาไม่เจอให้ไปติดต่อที่ว่าการอำเภอหรือเทศบาลเพื่อขอหนังสือรับรองการตาย
เริ่มแรกผมตกลงกับพี่น้องทั้งหมดต้องการเป็นผู้จัดการมรดกแต่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยจึงหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต ได้ข้อมูลเบื้องต้นมาจึงไปติดต่อที่ศาลจังหวัดตามภูมิลำเนาในทะเบียนบ้านของผู้ตาย ไปถึงก็สอบถามประชาสัมพันธ์ศาล ซึ่งก็บอกให้ใปติดต่อที่สำนักงานอัยการจังหวัด (มักอยู่ไม่ไกลจากศาล) พอไปถึงก็จะได้คุยกับอัยการซึ่งก็จะแจ้งเอกสารหลักฐานที่ต้องใช้ และให้เขียนรายชื่อผู้เกี่ยวข้องในทรัพย์มรดกทุกคนและมีความเกี่ยวข้องกับผู้ตายอย่างไร และให้ไปจัดเตรียมเอกสารหลักฐานมาพร้อมกับผู้เกี่ยวข้องทุกคนมาลงชื่อให้ความยินยอมขอแต่งตั้งผู้จัดการมรดกต่อหน้าพนักงานอัยการ ตรงนี้ถ้าทุกคนพร้อมก็เตรียมเอกสารหลักฐานแล้วไปพร้อมกันวันนั้นเลย จะได้ไม่เสียเวลา แต่กรณีของผม แต่ละคนว่างไม่ตรงกันก็สามารถทยอยกันไปได้ แต่ผู้ขอเป็นผู้จัดการมรดกต้องไปด้วยทุกครั้ง
หลังจากยื่นเอกสารหลักฐานต่างๆ และผู้เกี่ยวข้องลงชื่อครบทุกคนแล้วเจ้าหน้าที่ก็จะยื่นคำร้องขอแต่งตั้งเป็นผู้จัดการมรดก และแจ้งว่าจะมีจดหมายแจงวันและเวลานัดให้การต่อศาล
วันนัดให้การต่อศาล อัยการที่เราติดต่อด้วยก็จะมานัดแนะลูกความเกี่ยวกับห้องพิพากษา วิธีพูดให้การต่อศาล
เมื่อพิพากษาเสร็จ เราก็ออกมารอคิวเรียกไปรับหนังสือแต่งตั้งผู้จัดการมรดก (ตรงนี้มีค่าธรรมเนียมด้วยแล้วแต่ว่าเราต้องการกี่ชุด)
หลังจากนี้คือส่วนที่ผมพลาด เพราะไม่รู้ว่าหลังจากได้รับหนังสือแต่งตั้งผู้จัดการมรดก 30วันขึ้นไป สามารถไปขอหนังสือรับรองคดีถึงที่สุด ซึ่งเมื่อไปติดต่อเรื่องที่ต้องใช้หนังสือแต่งตั้งผู้จัดการมรดก บางที่จะต้องใช้หนังสือรับรองคดีถึงที่สุดด้วย เพราะผมไปที่สำนักงานที่ดิน2แห่งเพื่อโอนที่ดินของพ่อก็ไม่ได้ต้องใช้ แต่การปิดบัญชีธนาคารของพ่อ กลับต้องใช้