นิยาย...emergency love วิกฤตรักฉบับฉุกเฉิน ตอนที่ 3

ตอนที่ 4 ความหวังครั้งสุดท้าย


            แพทย์หญิงสิริลักษณ์กลับมาบ้านตัวเองนับเป็นรอบสองของเดือนจากครั้งแรกที่กลับไปเพื่อฉลองวันเกิดให้มารดา ยังนึกถึงความสุขที่ได้รับ เสียงหัวเราะ เสียงเพลงและปาร์ตี้วันเกิดแต่กลับมาคราวนี้ก็เพื่อมาบอกข่าวร้าย


              หญิงสาวเปิดประตูเข้าบ้านด้วยท่าทีอ้อยอิ่งเจอกับแพทย์หญิงขวัญฤทัยที่กำลังเปิดประตูออกมาพอดี ทั้งสองสบตากันอย่างมึนคง ไม่นานก็ถูกแพทย์หญิงสิริลักษณ์ลากออกมาคุยกันข้างนอกบ้าน

              “มาทำอะไรที่บ้านฉัน”

              “มาทำธุระนะ”

              “ธุระอะไร”

              “คืองี้แก ผู้อำนวยการโรงบาล ท่านเป็นห่วงกลัวแกจะกังวลเรื่องแม่อารี ท่านก็เลยให้ฉันมาคุยกับแกเรื่องที่จะให้แม่อารีไปอยู่บ้านพักพยาบาลกับฉัน ในวันที่ฉันต้องเข้าเวรก็จะมีพยาบาลที่รับจ๊อบพิเศษมาดูแลให้ ฉันโอเคนะที่จะให้แม่แกมาอยู่ด้วยเพราะถึงยังไงฉันก็รักและนับถือท่านเหมือนเป็นแม่คนหนึ่งของฉัน”

              “ขอบใจมากนะขวัญ ขอบใจจริงๆ” แพทย์หญิงสิริลักษณ์ดึงเพื่อนมากอด อีกฝ่ายกอดตอบแล้วดึงเพื่อนออก

              “ที่จริง เรื่องนี้ควรไปขอบคุณผู้อำนวยการน่าจะถูก ท่านคงทำดีที่สุดแล้ว ก็อีกฝ่ายคู่กรณีของแกนะมีอำนาจใช่ย่อย โอ๋ลูกตัวเองจนใจแตก เสียผู้เสียคนก็ยังไม่สำนึกผิด นี่ยังคิดกลั่นแกล้งคนที่ช่วยชีวิตลูกตัวเองอีก ถ้าฉันเป็นแก จะปล่อยให้ตกตึกตายไปเลย”

              “ดูพูดเข้า ไม่สมกับที่เป็นหมอเลยนะ”

              “ก็มันจริงนี่นา ทำคุณบูชาโทษแท้ๆ” คนพูดจิกตาด้วยความแค้นแทนเพื่อนก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นยิ้มระรื่นเมื่อถามถึงหนุ่มหน้าหล่อคนนั้น

              “ว่าแต่ วันนี้ได้เจอกับพ่อหนุ่มคนนั้นหรือเปล่า”

              “ใคร”

              “ก็หนุ่มพรหมลิขิตคนนั้นไง”

              แพทย์หญิงสิริลักษณ์นึกถึงหน้าครรชิตขึ้นมาทันที ตอบเพื่อนเสียงเรียบว่าเจอกันแล้วและก็ลากันเรียบร้อยแล้วคงจะไม่ได้เจอกันอีก

              “ได้เบอร์มาปะ” ถือโอกาสถามออกไปแต่คำตอบที่ได้มันน่าผิดหวังนัก

              “อ้าว นี่ไม่ได้แลกเบอร์กันหรอกหรือ”

              “เปล่า”

              “เพื่อนฉัน ทำไมซื่อบื่ออย่างนี้เนี่ย ผู้ชายอุตส่าห์มาถึงที่แล้วยังจะปล่อยให้หลุดมือไปอีก” แพทย์หญิงขวัญฤทัยทำหน้าเซ็งมองเพื่อนสาวที่ได้แต่ทำหน้าจ๋อย บางทีที่อยากล้างสมองในส่วนที่ยังฝังใจไม่หาย ทำไมถึงดื้อด้านยึดติดกับความทรงจำเดิมๆ จนพลาดโอกาสดีๆ ไป

จากนี้หากคิดถึงก็คงได้แค่คิดถึง หากอยากเจอหน้าก็คงได้แค่ฝันเท่านั้น


              “ถามจริง ตกลงแกไม่ได้ชอบหนุ่มพรหมลิขิตคนนั้นหรอกหรือ ดูดีซะขนาดนั้น”

              “ฉัน...”

              “อึกอักแบบนี้แสดงว่าคิด เอ้า...แล้วทำไมถึงไม่แลกเบอร์กันล่ะ”

              แพทย์หญิงสิริลักษณ์ได้แต่เงียบสายตาที่มองมายังเพื่อนสนิทบอกว่าได้พลาดโอกาสดีๆ ไปแล้ว จะมาคิดได้ตอนนี้ก็คงไม่มีประโยชน์

ขอบตาล่างๆ ร้อนผ่าวเตรียมรับกับหยดน้ำใสๆ ที่กำลังจะไหลรินแต่เสียงมารดาก็ดังขึ้นมาก่อน ดังนั้น เรื่องที่กำลังพูดคุยกันนั้นจึงต้องยุติลง

 “แอม กลับมาแล้วหรือลูก”

“ค่ะแม่” แพทย์หญิงสิริลักษณ์ตอบ ลุกขึ้นมาประคองมารดาแล้วพามานั่งที่เก้าอี้หินอ่อน

“หมอขวัญเล่าให้แม่ฟังหมดแล้วนะลูก”

“เล่าอะไรคะ” ปากถามขณะที่สายตาก็เล็งมาที่เพื่อนด้วย

“ก็เรื่องที่หนูจะต้องไปช่วยราชการในพื้นที่พิเศษนั่นนะสิ”

มาถึงตอนนี้แพทย์สาวก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ มันเหมือนระเบิดเวลาที่พอพูดถึงเรื่องนี้ทีไรก็พาให้ปวดใจจนอยากจะร้องไห้ออกมาดื้อๆ ขอบตาล่างร้อนผ่าว รู้สึกจุกที่คอจนพูดไม่ออก พยายามกลั้นเสียงสะอื้นเพื่อไม่อยากให้มารดาต้องกังวลกับเรื่องนี้ ลำพังแค่เรื่องสุขภาพของตัวท่านเองก็ถือว่าหนักหนาแล้ว

“รู้แบบนี้แล้ว แม่ไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ”คนพูดยังคงกอดมารดานิ่ง ส่วนอารีกำลังกอดลูกสาวไว้เผยรอยยิ้มน้อยๆ ไปให้ ถึงจะมองไม่เห็นแต่ก็รับรู้ได้ด้วยความรู้สึกว่าตอนนี้ลูกสาวของนางกำลังกังวลมากแค่ไหน

“ถึงแม่จะห่วงหนูที่ต้องไปอยู่ที่นั่น แต่ด้วยหน้าที่ของแอม แม่จะไม่รั้งให้แอมอยู่กับแม่ ไปเถอะลูก ไปทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด”ก็คงพูดได้แค่นี้จริงๆ แม้จะรู้สึกได้ว่าคนที่กอดอยู่นั้นกำลังร้องไห้แต่ด้วยหน้าที่ความรับผิดชอบก็ไม่อาจรั้งให้ลูกสาวอยู่ตนได้ เพราะทุกอย่างมันถูกกำหนดไว้หมดแล้ว

“ถ้าหนูไปแล้วแม่ต้องดูแลตัวเองด้วยนะคะ อยากกินอะไรก็บอกขวัญเค้าได้เลยหรือถ้าอยากออกไปไหนอยากทำอะไรก็บอกขวัญได้หมด หนูจะยอมให้เธอเป็นลูกสาวแม่อีกคน”

“จ้ะ แม่จะไม่เป็นอะไร แม่จะรอหนูกลับมานะลูก” อารีเอ่ยเสียงอ่อนมือยังกอดลูกสาวเอาไว้แน่น ข้างๆ นั้นมีหมอขวัญฤทัยยืนมองด้วยสายตาที่ซาบซึ้งในความรักความผูกพันของสองแม่ลูก ได้แต่ตบไหล่เพื่อนเบาๆ เพื่อปลอบใจ

 
เช้าวันต่อมา นายแพทย์ครรชิตในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงดำทรงตรงราวกับนักศึกษาแพทย์กำลังมุ่งหน้ายังตึกอำนวยการหลังจากเมื่อคืนคิดทบทวนหลายตลบกระทั่งวันนี้ต้องไปล่าลายเซ็นผอ. ถึงที่ ระหว่างทางนั้นเจอกับแพทย์หญิงขวัญใจมหาชน เธอเดินเข้ามาทักพร้อมกับทำหน้าแปลกๆ

“เออ มองผมแบบนี้มีอะไรกับผมหรือเปล่าครับหมอดา”

“เห็นรุ่นพี่บอกว่าหมอเคนกำลังถูกความรักเล่นงาน”

เอาแล้วไง คำสารภาพต่อหน้านายแพทย์คิมหันต์เมื่อคืนถูกเปิดโปงเสียแล้ว ยอมรับว่าพลาดไปแล้วจริงๆ ที่ไปสารภาพหมดเปลือก ก็ถึงได้บอกยังไงละว่า‘ความลับไม่มีอยู่ในโลก’

“เธอคนนั้นคงสวยมากสินะ แบบนี้ดาคงต้องอำลาตำแหน่งคู่จิ้นอย่างถาวรแล้วสิ” คนพูดอารมณ์ดีสีหน้ายิ้มแย้มแต่ก็หุบยิ้มในทันทีเมื่อได้ฟังคำตอบโต้จากแพทย์หนุ่มชายาหล่อลากไส้ตลกหน้าตาย

“ก็ไม่เห็นจะต้องอำลาเลยนี่ครับ ไม่จิ้นกับผมก็ยังมีอีกคนที่จิ้นได้” แพทย์หนุ่มได้ทีเอาคืนแพทย์สาวทันที รู้แล้วว่าใครที่หญิงสาวแอบสนใจอยู่ หนุ่มรูปหล่อดีกรีแพทย์ผู้โด่งดังด้านศัลยกรรมความงาม ครั้งก่อนที่ไปด้อมๆ มองๆ อยู่โซนโอพีดีก็เพื่อมาแอบมอง หากตอนนั้นไม่บังเอิญมาเห็นก็คงไม่รู้แต่ถึงจะไม่เห็นตอนนั้น การกระทำของแพทย์สาวที่แสดงออกต่อแพทย์รุ่นพี่ก็ชัดเจนจนไม่ต้องตามสืบ ของแบบนี้ใช้แค่ตาอาจไม่เห็น ดังนั้น นายแพทย์คิมหันต์จึงไม่ฉลาดในเรื่องนี้

“หยุดพูดเลยนะ นี่คงไม่ได้เอาเรื่องในวันนั้นไปบอกรุ่นพี่ใช่ไหม” คำถามนั้นดูตื่นตระหนกไม่น้อย แพทย์หนุ่มส่ายหน้าแทนคำตอบ

“ค่อยยังชั่ว”

“ผมไม่บอกตอนนี้ก็ใช่ว่าต่อไปจะไม่บอก”

“หมอครรชิต...” แพทย์หญิงดาวิกาเรียกเสียงสูง ใช้สายตาเว้าวอน ชายหนุ่มเห็นแล้วหลุดหัวเราะออกมา แนะว่าหากไม่อยากให้เรื่องนั้นถึงหูนายแพทย์คิมหันต์ก็ต้องให้เขาได้ไปจากที่นี่เร็วๆ

“งั้นดาก็คงต้องนั่งลุ้นนอนลุ้นสินะ ภาวนาขอให้หมอเคนออกไปจากที่นี่เร็วๆ”เธอว่าเสียงอ่อนเห็นเพื่อนหนุ่มยิ้มตอบทำเอาเซ็ง

“ไปทำงานดีกว่า” ทั้งที่ตอนแรกคิดจะมาแค่เย้าแหย่แพทย์ครรชิตสักหน่อยแต่สุดท้ายกลับเป็นตัวเองที่โดนเอาคืน

นายแพทย์ครรชิตมองแล้วยิ้มก่อนจะปั้นหน้าขรึมเมื่อนึกถึงสิ่งที่ต้องไปเผชิญ มีภารกิจสำคัญที่ต้องจัดการให้เสร็จ ยิ่งเร็วยิ่งดีแต่ทุกอย่างจะผ่านพ้นไปด้วยดีหรือไม่นั้น เขาไม่มั่นใจ

“เอกสารยื่นจำนงไปช่วยงานที่สามจังหวัด”

ผอ. กรรชัยเงยหน้าขึ้นมองศัลยแพทย์มือดีที่รอเอกสารอนุมัติจากเขา แปลกใจตั้งแต่ได้รับเรื่องจากเลขาหน้าห้องแล้วว่ามีเอกสารด่วนที่ต้องเซ็นแต่ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องนี้

ความจริงการส่งแพทย์ไปช่วยราชการในสามจังหวัดนั้นทางรัฐบาลก็มีเอกสารให้ทางโรงพยาบาลแล้วโดยมีค่าตอบแทนเป็นเงินเสี่ยงภัยและยังมีเหรียญผู้กล้ามอบให้อีก เรื่องนี้ได้มีการเรียกคณะผู้บริหารของโรงพยาบาลมาพูดคุยกันบ้างแล้วซึ่งยังไม่มีมติเป็นเอกฉันท์ว่าจะส่งใครไป จึงไม่คิดว่าเรื่องเสี่ยงๆ แบบนี้จะมีคนอาสาไปเอง

“ผมมีความจำเป็นต้องไปที่นั่นครับ จึงอยากขอความเห็นใจจากผอ. ช่วยเซ็นอนุมัติให้ผมทีครับ”

“เรื่องอนุมัตินะไม่มีปัญหาอยู่แล้ว กังวลก็แต่ประธานสายการบินไฟติ้งแอร์ แม่ของคุณนั่นแหละ ท่านรู้เรื่องนี้หรือยัง”

“ผอ. ไม่ต้องห่วงหรอกครับ เรื่องนี้แม่ผมกำลังจะได้รู้ในอีกไม่ช้านี้เพราะผมได้ส่งตัวช่วยไปเจรจากับท่านเรียบร้อยแล้ว” เป็นอย่างที่นายแพทย์ครรชิตเอ่ยเพราะตอนนี้ตัวช่วยที่ว่ากำลังปฏิบัติหน้าที่อย่างสุดความสามารถ

“ลมอะไรหอบหมอคิมมาถึงที่ทำงานแม่ได้จ๊ะ”

เสียงของคุณหญิงรัตนาดังขึ้น แม้จะเป็นคนญี่ปุ่นโดยกำเนิดแต่ยี่สิบกว่าปีที่ได้มาทำงานอยู่ที่เมืองไทยก็ทำให้ภาษาของนางแข็งแรงมากราวกับเป็นคนไทยโดยแท้และปัจจุบันท่านเปลี่ยนชื่อจากฮานาโกะเป็นรัตนาซึ่งก็เพิ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นคุณหญิงหลังทำคุณประโยชน์มากมายให้กับโรงพยาบาลและสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้าในอีกหลายแห่ง

หลังจากได้รับรายงานจากเลขาหน้าห้องว่า นายแพทย์คิมหันต์มาหาก็ขอเลื่อนไฟท์การเดินทางเป็นอีกเที่ยวบินก่อนจะมาพบหน้าแขกพิเศษแต่ก็แอบผิดหวังเล็กน้อยที่รู้ว่านายแพทย์ครรชิตผู้เป็นลูกชายไม่ได้มาด้วย

“ลมคิดถึงครับ” แพทย์คิมหันต์รอให้คุณหญิงรัตนานั่งลงก่อนถึงตอบกลับไป แม้ไม่ถนัดเรื่องประจบสอพลอแต่ในการนี้คงต้องงัดเอาทุกทางเพื่อช่วยนายแพทย์ครรชิตซึ่งจะได้ผลไหม นั่นคือสิ่งที่ต้องติดตามต่อไป

50 %
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่