ค้างคืนมรณะในป่าตอนหนึ่ง(สองตอนจบครับ)

ผมเห็นสิ่งปลูกสร้างสูงตระหง่านเกือบจะเทียบยอดไม้นั้นแล้วรู้สึกทึ่ง เสาสี่ต้นที่ทำด้วยไม้ตะแบก ใช้เส้นหวายเหนียวมัดขวางท่อนซุงลำเขื่องทั้งสี่ต้นเพื่อกันโครงโยกเยกนับเป็นภูมิปัญญาคนสมัยก่อนแท้ๆ มาสร้างเป็นทานแก่ผู้ผ่านทางเพื่อพักแรมในป่า

ส่วนบนสุดนั้นเป็นเรือนไม้เรียงพื้นเป็นระนาดมีขอบสูงกันคนนอนแล้วกลิ้งตก แต่ไร้ฝาผนังเปิดไว้โล่งทั้งสี่ด้าน หลังคาเรือนเป็นแฝกคลุมกว้างรูปจั่วแบนๆ 

ขณะนั้นฝนและพายุเริ่มตั้งเค้าแล้ว อันตรายในป่ากว้างตอนนี้สิ่งที่น่ากลัวกว่าสัตว์ร้ายใดๆคือน้ำป่าที่อาจไหลบ่ามาโดยไม่รู้ตัว

นายเคอะอดีตพรานป่าผู้ละมือจากการล่าเมื่อกฎหมายคุ้มครองสัตว์ป่าบังคับใช้ มองบรรยากาศรอบตัวด้วยความพินิจอยู่ครู่หนึ่งแล้วบอกกับผมและพวกนักผจญป่ามือสมัครเล่นว่า

“คืนนี้คงต้องขึ้นไปนอนบนนู้นครับ ตั้งเต็นท์บนดินไม่ได้แน่นอน ถึงตรงนี้ไม่ใช่ทางลาดแต่เวลาฝนตกน้ำมันจะไหลมาเรื่อยๆยังไงพวกคุณก็นอนกันไม่ได้ เพราะป่าแถวนี้มันเป็นดินชื้น”

พวกเราทั้งหมดเงยหน้าขึ้นมองเพิงยกสูงแห่งนั้นอีกครั้งแล้วกลืนนำ้ลายเอือก จะให้เราปืนกันขึ้นไปอย่างไร ยังไม่ต้องพูดถึงสัมภาระ เครื่องกระป๋อง อาหารแห้ง ยาทากันยุงแมลง สารพัดที่แบกกันมา

พวกเรานั่นคือผม นายเรศ เจ้าคงและเจ้าโรจน์สามคนที่มีเวลาหยุดยาวและเห็นพ้องต้องกันมาเที่ยวป่า โดยว่าจ้างนายเคอะคนท้องถิ่นที่เมื่อก่อนเคยเป็นพรานยังชีพแต่ตอนนี้ได้ผันตัวเองมาเป็นผู้นำทางให้กับเราที่ต้องการมาเปลี่ยนบรรยากาศ อยู่ กิน นอน เดินชมป่า น้ำตก ลำธาร แมกไม้เขียว

เหมือนกับว่านายเคอะจะมองสีหน้าพวกผมออก

“ข้างบนมีบันไดลิงเป็นเชือกขดซ่อนอยู่ครับ ประเดี๋ยวผมจะไปตัดไม้ไผ่ลำสูงมาต่อตะขอเกี่ยวลงครับ ระหว่างนี้พวกคุณไปล้างเนื้อล้างตัวกันก่อน  ถัดไปตรงนั้นมีทางน้ำเล็กไหลอยู่ครับ”

พวกเราเดินไปตามทางนั้นและก็เป็นอย่างที่ว่าจริงๆ มีร่องดินเปนทางยาวถึงน้ำมีสีฝาดเล็กน้อย แต่ก็ไหลเอื่อยๆตลอดแสดงว่าสะอาดแน่เพราะไม่นิ่ง พวกเราวักน้ำลูบหน้า ร่างกายชำระความเหนียวเหนอะจากการเดินท่องป่ามาทั้งวัน

เมื่อกลับมาก็ได้พบว่านายเคอะพรานเก่าเอาไม้ไผ่เกี่ยวบันไดลิงห้อยลงมาพื้นได้สำเร็จ ตอนนั้นเวลาเริ่มเย็นอ่อนๆแล้ว แต่เมฆฝนที่ตั้งครึ้มมาแต่ไกล ทำให้ความมืดมาเร็วกว่าปกติ ลมก็เริ่มพัดกระพือ กิ่งก้านต้นกระแตกที่ห่างออกไปเริ่มไหวเอนแล้ว

อดีดพรานเก่าเหมือนชั่งใจอยู่ชั่วขณะในที่สุดก็ตัดสินใจเด็ดขาด บอกให้พวกผมขึ้นไปบนเพิงสูงนั่นทันที  ด้วยความที่มันเป็นบันไดห้อยติดกับข้างบนจึงปืนยากเล็กน้อย ต้องมีคนคอยยึดไว้ไม่ให้แกว่งจากข้างล่าง จึงพากันทยอยเอาสัมภาระที่จำเป็นเอาไปเก็บได้ ส่วนเต็นท์และอื่นๆนั้นจำเป็นต้องทิ้งไว้ข้างล่าง เพราะสุดวิสัยที่จะนำขึ้นมา

แล้วม่านฝนก็เริ่มโรยตัวมาพร้อมกับความมืด นายเคอะพูดไม่ผิดในที่สุดน้ำก็เริ่มไหลมาจากไหนไม่รู้ลากเอาดินชะเปียกไปตามทิศทาง ขืนพวกเราตั้งเต็นท์นอนกันข้างล่างมีสิทธิ์ไถลไปจากที่เดิมแน่นอนแม้ว่าจะไม่รุนแรงนัก

แต่พวกเราก็ไม่อดอาหารเย็น เพราะเตาแก๊สขนาดพกพาได้ทำหน้าที่ของมันในการต้มมาม่าใส่ปลากระป๋องให้พวกเราพอประทังความหิวไปได้ในชั้นบนสุดนั้น กลิ่นเครื่องปรุงช่างหอมกรุ่นเสียนี่กระไร 

เจ้าโรจน์ล้วงขวดบรั่นดีชั้นดีออกมาจากเป้สะพายเปิดรินแจกจ่ายทุกคน สายฝนเริ่มกระหน่ำขึ้นกระทบหลังคาและตกดิ่งลงสู่พื้นเหมือนม่านนำ้ตก

เมื่อรินผ่านรอบวงไปเป็นครั้งที่สอง ทุกคนก็เริ่มกรึ่มๆกัน สายฝนไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตกพอๆกับสี่ชีวิตบนเพิงสูงแห่งนั้นที่หยุดดื่มกันไม่ได้แล้ว

ในที่สุด เจ้าคง เจ้าโรจน์ก็ล้มตัวลงนอนแบบหมดสภาพ เหลือเพียงแค่ผมกับอดีตพรานอาวุโสนายเคอะเป็นสองคนสุดท้ายในวงที่ยังร่ำสุรากันอยู่ แต่ไปๆมาๆเราก็ต่างไม่ไหวกันทั้งคู่ค่อยๆล้มตามกระแสของความง่วงและด้วยฤทธิ์ของสุรา

แต่ผมดันมาตื่นเอาช่วงหนึ่งในเวลาดึกสงัด รอบข้างยังมืดสนิท แต่ไร้เสียงฝนที่หยุดตกไปเมื่อตอนไหนก็ไม่รู้  ไอชื้นลอยสูงขึ้นมาจากพื้นดินพร้อมกลิ่นกระดังงาป่าหลังฝนเทใส่ลอยมา

แถมได้ยินเสียงเคลื่อนไหวพลุกพล่านข้างล่าง แต่ผมงัวเงียเกินกว่าจะชะโงกหน้าลงไปดู ขณะนั้นคิดว่าไม่มีอะไร กำลังจะเข้าสู่ภวังค์หลับต่อ เกิดได้ยินภาษาพูดขึ้นมาเหมือนกับภาษาคนเลยไม่หลับในทันทีทันใด นอนนิ่งฟังสักครู่ก็พอจับใจความได้

“ไอ้แก่นั้นหัวไวชักกระไดขึ้นหลบไปเก็บข้างบน แต่บ่พ้นความสามารถข้อยดอก ข้อยจะเอื้อมมือสูงโต้ขึ้นไปล้วงก้นมันบัดเดี๋ยวนี้”
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่