[เล่าเรื่อง] สุนัขที่รับมาเลี้ยงจากบ้านของป้า

กระทู้สนทนา
วันนี้อยากเขียนบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับหมาที่เคยเลี้ยงไว้ เนื่องจากวันสุนัขโลก (26 สิงหาคม) ค่ะ (แอบย้อนหลังมาวันนึง)

บ้านของเรานั้น คุณแม่ทำงานในโรงงานของป้า ส่วนคุณพ่ออยู่บ้านทำนาและฟาร์มเป็ด
แม่เล่าว่า แม่ทำงานที่โรงงานของป้ามาตั้งแต่สมัยแม่ยังอายุ 14-15
ป้านั้น ไม่ใช่พี่สาวแท้ๆ ของแม่ แต่เป็นลูกพี่ลูกน้องแบบห่างมากๆ เพราะคุณตาของฉันเป็นเป็นลูกพี่ลูกน้องกับพ่อของป้า
แต่ป้าก็ให้ความไว้วางใจแม่เป็นอย่างมาก สมัยสาวๆ นั้นแม่จะพักกิน-นอนอยู่กับป้าที่โรงงานเลย เพราะถ้าจะไปกลับทุกวันต้องปั่นจักรยานด้วยระยะทาง 20 กิโลเมตร
ส่วนแม่นั้นก็ซื่อสัตย์และอดทนกับป้ามาก ไม่เคยเรียกร้องเรื่องขึ้นเงินเดือนหรืออะไรเลย
แม้จะมีคนพูดให้แม่ฟังอยู่บ่อยๆ ว่า แม่ทำงานกับป้ามานานขนาดนี้ เงินเดือนไม่ควรจะได้อยู่แค่นี้
แต่แม่ก็สอนฉันในวัยที่โตขึ้นมาเสมอๆ ว่า "จะทำงานที่ไหนก็ตาม ขอให้ซื่อสัตย์และอดทน อย่าเป็นคนขี้เกียจและไม่เอาการเอางาน"

โรงงานของป้านั้น มีผู้คนเข้าออกแทบตลอดทั้งวัน เพราะมีการส่งงานไปให้คนทำที่บ้าน ดังนั้นจึงมีทั้งคนมารับงานและมาส่งงาน
ป้ากับลุงจึงคิดอยากจะเสริมบารมี ด้วยการซื้อลูกสุนัขพันธุ์ต่างประเทศมาเลี้ยง

สามตัวแรก คือลูกสุนัขพันธุ์ชิสุผสมมอลทีส
เป็นตัวผู้ 1 ตัว ชื่อ ป๊อกกี้ (มีลายวัว) และตัวเมีย 2 ตัวชื่อแม็กกี้ (สีดำ) และมิ้นท์ (สีขาว)
ตอนที่ป้าซื้อมานั้น ฉันยังอยู่ประถมศึกษาชั้นปีที่ 1 ซึ่งยังไป-กลับโรงเรียนพร้อมกับแม่
(หลังจากแม่มีลูก แม่ก็เลิกพักที่โรงงาน แต่อาศัยไป-กลับทุกวันด้วยรถมอเตอร์ไซค์)
ดังนั้น ทุกเย็นหลังเลิกเรียน ฉันจะเดินไปหาแม่ที่โรงงาน และเล่นกับเจ้าสามตัวนี้เสมอๆ
(จริงๆ คือเล่นแค่สองตัว เพราะแม็กกี้มันจะออกแนวหยิ่งๆ ไม่เล่นกับคนที่มันไม่คุ้นเคย)
ดังนั้นฉันเลยรักเจ้ามิ้นท์มาก เพราะมันขี้อ้อน มารู้ทีหลังว่าเจ้ามิ้นท์นั้น เกิดคนละครอกกับป๊อกกี้และแม็กกี้
แต่พอฉันอยู่ประถมศึกษาปีที่ 3 แม่ก็ให้ไป-กลับโรงเรียนด้วยรถรับส่งเอง ดังนั้นฉันจึงไม่ค่อยได้เจอกับพวกมันอีก
แต่แม้นานๆ ครั้งฉันจะไปหาแม่ที่โรงงาน เจ้ามิ้นท์กับป๊อกกี้ก็จำฉันได้เสมอ

ตัวต่อมาคือ ต้นหอม สุนัขพันธุ์ไทยหลังอานผสมอัลเซเชียนเพศผู้
ป้าซื้อมาตอนฉันอยู่ประมาณประถมศึกษาปีที่ 3
ใครเห็นก็ต้องชมว่า มันสวยมาก เพราะมันมีลักษณะที่ดีของพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์มาอย่างดี หลังอาน ตัวใหญ่ บนอานมีสีของอัลเซเชียน
แต่มันดุมาก และมันชอบแกล้งเด็กมาก เป็นไม้เบื่อไม้เมากับฉันเลยล่ะ
ดังนั้นเวลาฉันไปหาแม่ที่โรงงานในช่วงหลังจากที่ป้าเอามันมาเลี้ยง ฉันจะต้องรอแม่ออกมารับที่ประตูโรงงานทุกครั้ง
ฉันจึงเกลียดและกลัวมันมาก ร้องไห้เพราะมันก็หลายครั้ง

ตัวต่อมาคือ แหลม สุนัขพันธุ์โดเบอร์แมนเพศเมีย
เจ้าตัวนี้ฉันไม่ค่อยคุ้นเคยเท่าไหร่ เพราะป้ารับต่อมาจากคนอื่นอีกทีในช่วงที่ฉันเข้าเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นแล้ว และฉันก็ไม่ค่อยได้ไปโรงงานของป้าอีก
รู้แต่ว่ามันเคยตั้งท้องครั้งหนึ่ง แต่มันคงไม่คุ้นเคยกับการมีลูกเพราะเป็นท้องแรก
มันเลยทับลูกตายไป 2 ตัวและอีกตัวนึงพิการ 2 ขาหลัง ส่วนตัวที่ดีๆ ก็มีคนมารับไปเลี้ยงต่อ
แม่เล่าว่า มันนอนร้องไห้ข้างๆ หลุมศพลูกมันอยู่เป็นวันๆ ส่วนเจ้าตัวที่พิการนั้นป้าก็ยังเลี้ยงเอาไว้

เหตุเกิดในวันเสาร์วันหนึ่งช่วงมัธยมศึกษาปีที่ 1 ในขณะที่ฉันนอนอ่านหนังสืออยู่หน้าบ้าน ก็มีรถปิคอัพขับเข้ามาที่บ้าน
บนกระบะหลังรถนั้น มีสุนัขตัวหนึ่งท่าทางตื่นตระหนกอยู่ พอเพ่งมองดีๆ มันคือไอ้ต้นหอมที่ฉันเกลียดนักหนา
เมื่อรถจอด แม่ก็เปิดประตูฝั่งข้างคนขับ และเล่าแบบเร็วๆ ว่า ลุงกับป้าบอกให้แม่รับไอ้หอมมาเลี้ยง เพราะมันไม่เหมาะกับอยู่ที่โรงงาน เนื่องจากดุมาก ชอบไล่คนมาส่งงาน
แม่และคนขับรถช่วยกันเอามันลงมาจากกระบะหลัง พร้อมทั้งกระสอบอาหารอีก 3 กระสอบที่ป้าแถมมาให้
แม่ล่ามมันไว้กับเสาหน้าบ้าน ก่อนจะกลับไปทำงานต่อ ทิ้งฉันเอาไว้กับหมาที่ชอบไล่กัดฉันเพียงลำพัง (ตอนนั้นพี่สาวฉันอยู่หอพักมหาวิทยาลัย นานๆ จะกลับมาที)
ฉันไม่รู้จะทำยังไง เลยได้แต่นอนอ่านหนังสือเฝ้ามันอยู่อย่างนั้น รอตอนเย็นแม่กลับมาจากที่ทำงานค่อยว่ากัน
ตอนบ่ายแก่ๆ พ่อกลับมาจากเล้าเป็ด เจอหมาแปลกหน้าถูกล่ามอยู่ ฉันจึงเล่าเรื่องราวให้ฟัง
ตกเย็นเมื่อแม่กลับมา พ่อก็บ่นว่า เอามาเลี้ยงทำไม เอากลับไปคืนลุงกับป้าเดี๋ยวนี้เลย
แต่แม่บอกว่า คืนไม่ได้ เพราะลุงเพิ่งโกรธมันมากที่มันไล่คน เลยถอดรองเท้าแตะฟาดใส่หัวมันอย่างแรง มันสลบไป 2 วัน 2 คืนเพิ่งฟื้น
ป้าเลยรีบให้แม่ฉันเอากลับมาที่บ้าน เพราะขืนเอาไว้ที่โรงงานต่อ ลุงฉันเอามันตายแน่
พ่อเองก็เกรงใจป้ากับลุงที่มีบุญคุณกับแม่ เลยต้องจำใจรับเลี้ยงเอาไว้

ช่วงแรกๆ นั้น ฉันกับไอ้หอมก็แอบเป็นไม้เบื่อไม้เมา แต่เมื่อฉันต้องเป็นคนให้อาหารมันทุกวัน เนื่องจากแม่กว่าจะกลับก็ค่ำมืด สุดท้ายไอ้หอมมันก็เข้ากับฉันได้ในที่สุด
นิสัยของไอ้หอมนั้น มันดื้อมาก เวลาคุณตาลากสายยางมาฉีดน้ำรดน้ำพืชผักหน้าบ้าน มันจะชอบไปไล่กัดสายยางให้คุณตาต้องโวยวายอยู่เสมอ
แต่มันก็ไม่หยุดนะ ทำแบบนั้นทุกวันแหละ ไม่มีเบื่อ
แต่คนที่มันรักมากกลับเป็นพ่อ มันรักพ่อมาก จำเสียงรถของพ่อได้ เวลาได้ยินเสียงมอเตอร์ไซค์พ่อกลับมาจากเล้าเป็ดหรือที่ไหนๆ
แม้จะเป็นเสียงที่ไกลมากๆๆๆๆ จนฉันยังไม่ได้ยิน แต่ถ้าเห็นมันหูผึ่งและรีบวิ่งไปครางหงิงๆ เสียงดังหน้าบ้านเมื่อไหร่ เป็นอันรู้กันว่าพ่อใกล้จะกลับบ้านแล้ว
อาจจะเพราะพ่อเป็นคนเดียวที่สู้แรงมันไหว เพราะแม่ฉันก็ตัวเล็ก ฉันเองตอนนั้นก็ตัวเล็ก (แต่ตอนนี้ตัวเป็นยักษ์) แต่เจ้าหอมมันเป็นลูกครึ่งอัลเซเชียน แน่นอนว่าตัวมันต้องใหญ่พอสมควร
เวลามันเล่นกับพ่อนั้น อย่างกับดูหนังมวยปล้ำดีๆ เลยล่ะ ดังนั้นก็คงมีแต่พ่อคนเดียวที่เล่นกับมันได้
หรือเวลาพ่อเอารถอีแต๋นจะออกไปนา มันจะครางหงิงๆ ลั่นบ้านเพราะอยากจะไปด้วย พ่อต้องเอามันใส่กระบะไปนาด้วยทุกครั้ง แม้ที่นาจะร้อนแสนร้อนจนมันหอบลิ้นห้อย แต่มันก็ร้องขอตามพ่อไปนาด้วยทุกครั้ง
คนแถวบ้านฉัน เวลาเห็นมันต่างก็พูดว่าบ้านฉันรวยที่มีเงินซื้อหมาสวยๆ มาเลี้ยง แม่ต้องรีบบอกว่าป้าให้มาฟรี เพราะมันดุมาก
ส่วนหมาแถวบ้านนั้นไม่ต้องพูดถึง ไม่มีใครกล้ามาแหยมกับไอ้หอม แค่วิ่งผ่านก็รีบวิ่งกลับบ้านใครบ้านมันกันหมด

ไอ้หอมตายตอนฉันอยู่มัธยมศึกษาปีที่ 6
เป็นช่วงที่ฉันง่วนอยู่กับการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ฉันคิดว่าสาเหตุการตายของมันส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะฉัน
ฉันรู้ว่ามันกำลังป่วย และมันกลัวเสียงดัง เพราะมันโดนลุงตะคอกบ่อยๆ จนมันฝังใจ เวลาได้ยินเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่า มันจะรีบเข้ามาเบียดคนทันที
บ่ายวันนั้นฝนตก ฉันนอนอ่านหนังสือเตรียมสอบ ฟ้าร้องฟ้าผ่าเสียงดังตามประสาบ้านแถบชนบท ไอ้หอมพยายามจะเข้ามาหาฉันในบ้าน
แต่ฉันก็ตะคอกเสียงดังใส่มัน ไล่มันไปนอนนอกบ้านทั้งๆ ที่ฝนตก เพราะฉันขี้เกียจเช็ดพื้นเลอะเทอะ
มันก็ยอมนอนอยู่บานประตูเข้าบ้าน
จนตกเย็น ฉันเข้าครัวเตรียมหุงข้าวทำกับข้าวและให้อาหารหมา แต่พอฉันร้องเรียกให้มันมากินข้าว มันก็ไม่กระดิกหางอย่างดีใจมาเหมือนเคย
มันตายแล้ว นอนตายอยู่ตรงหน้าประตูที่ฉันไล่มันไปนอนนั่นแหละ
ฉันร้องไห้ ไม่รู้จะทำยังไง ได้แต่รอพ่อกลับมาจากเล้าเป็ดในตอนค่ำ พอพ่อรู้ก็เงียบๆ แล้วเดินไปหยิบจอบในโรงเรือน
เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นพ่อน้ำตาไหล ตอนที่ขุดดินฝังร่างของไอ้หอมตรงที่ดินบริเวณหลังบ้านใต้ต้นมะม่วง
ต่อไปนี้ไม่มีแล้ว หมาตัวใหญ่ ดุแสนดุ แต่เวลาอยู่กับพ่อกลับกลายร่างเป็นลูกหมาทุกครั้ง

ในช่วงเวลาคาบเกี่ยวกันนั้น (ประมาณ ม.2) วันหนึ่งเมื่อแม่กลับมาจากโรงงาน มีหมาตัวหนึ่งอยู่ในตะกร้าหน้ารถแม่มาด้วย
มันคือ เจ้าแม็กกี้ หมาน้อยจอมหยิ่งนั่นเอง
แม่เล่าว่าเจ้ามิ้นท์มันกัดกับเจ้าแฮม หมาไส้กรอกตัวใหม่ของป้า กัดกันจนเจ้ามิ้นท์ลูกกะตาหลุดจากเบ้าข้างนึง
ป้าเลยรีบพาเจ้ามิ้นท์ไปโรงพยาบาลสัตว์ ส่วนเจ้าแม็กกี้นั้นป้าให้แม่เอากลับมาเลี้ยงที่บ้าน เพราะกลัวประวัติศาสตร์ซ้ำรอย
(ส่วนเจ้าป๊อกกี้ตัวผู้นั้น ตายไปก่อนหน้านั้น 2 - 3 ปีแล้ว เนื่องจากมันวิ่งตามลุงไปที่รถตู้ ขณะที่ลุงกำลังจะออกไปตรวจงาน ลุงไม่รู้เลยขับรถตู้ทับ)
คืนแรกนั้น แน่นอนว่ามันไม่ยอมมาสุงสิงกับฉัน เอาแต่เดินตามแม่ไปรอบบ้าน
แต่พอตกกลางวัน แม่ไปทำงานแล้ว เหลือแต่ฉันอยู่ที่บ้าน ช่วงเช้ามันก็ยังนอนไกลๆ จากฉัน
แต่พอตกบ่าย ขณะที่ฉันนอนบนเปลหน้าบ้านอ่านหนังสือการ์ตูน มันก็เดินมาหา ทำท่าทางเหมือนอยากขึ้นเปลด้วย ฉันเลยลองเอามือไปจับอย่างกล้าๆ กลัวๆ ว่ามันจะกัด แล้วอุ้มมันขึ้นมาบนเปล มันก็กระดิกหางเบาๆ แล้วก็นอนอยู่ข้างๆ ฉันบนเปล
หลังจากนั้นฉันกับมันก็ผูกมิตรกันได้สำเร็จ
ส่วนเจ้ามิ้นท์นั้น พอรักษาเสร็จ แม่ก็เอากลับบ้านตามมาในวันหนึ่งไม่นานนัก
เจ้ามิ้นท์นั้นยังกระดิกหางให้ฉันเหมือนเดิม มันจำฉันได้ และแน่นอนว่ามันหวงฉันมาก แม้มันจะตัวเล็ก แต่เวลามันเห็นไอ้หอมเข้าใกล้ฉันเมื่อไหร่ มันจะรีบวิ่งไปเห่าใส่อย่างบ้าคลั่งทุกครั้งอย่างไม่เกรงใจขนาดตัว
การมาของทั้ง 2 ตัวนี้ ถือว่าเป็นครั้งแรกเลยที่แม่ยอมให้เอาหมามาเลี้ยงในบ้าน เพราะมันตัวเล็กมาก คงเลี้ยงนอกบ้านไม่ไหว
ช่วงนั้นแม่ของฉันทำงานดึกมาก กลับบ้าน 3-4 ทุ่มทุกวัน
มีมันทั้ง 2(+1 รวมไอ้หอม) ตัวอยู่ช่วยให้ฉันรู้สึกสบายใจที่จะอยู่บ้านคนเดียวตอนกลางคืน ยิ่งช่วงนั้นมีละครเจ้ากรรมนายเวรฉายด้วย (บอกอายุไปอีก) ก็เลยกล้าดูละครคนเดียว
นิสัยของทั้ง 2 ตัวต่างกันชัดเจน เจ้าแม็กกี้จะเรียบร้อย หยิ่ง เวลาฉันกลับบ้าน นางจะดีใจเดินเข้ามาหา แต่ดีใจเพียงเสี้ยววิเท่านั้น พอเราอยากจะจับจะเล่นด้วย นางจะถอนหายใจแล้วเดินหนีไปนอนต่อทันที
ส่วนเจ้ามิ้นท์นั้น ขี้อิจฉา และซ่ามาก พอเห็นเราจะไปเล่นกับตัวอื่น จะรีบวิ่งมาเห่าทันที และระริกระรี้อยากเล่นกับเรามากๆ เล่นกับเราได้ทั้งวันไม่มีเบื่อ

(ตัวอักษรเกิน ต่อความคิดเห็นที่ 1 นะคะ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่