ความคิดเห็นจาก Expert Account
ความคิดเห็นที่ 1
ตามที่เล่ามา เข้าใจว่าสาเหตุที่ผ่าคลอด น่าจะเป็น “สภาวะของเด็ก ไม่น่าไว้ใจ และปากมดลูกเพิ่งเปิดเพียง 1 ซม”
ปากมดลูกต้องเปิด 10 ซม จึงจะเกิดลมเบ่งให้เกิดการคลอดออกมา และเบ่งต่ออีก 1-2 ชั่วโมงในครรภ์แรก
ถ้าให้รอจนคลอด เด็กน่าจะทนไม่ไหว
การใส่สายคาดหน้าท้อง ติดตามอัตราการเต้นของหัวใจเด็ก และการหดรัดตัวของมดลูก ทำให้รู้สภาวะของเด็กได้เร็ว ก่อนเกิดอันตรายอย่างชัดเจน
ที่เด็กอยู่ในสภาวะไม่น่าไว้ใจ คาดว่ามดลูกน่าจะหดรัดตัวแรงกว่าที่ควร และหดรัดตัวผิดปกติ
รู้จากได้จากการที่คุณเจ็บมาก เมื่อปากมดลูกเปิดเพียง 1 ซม เท่านั้น ที่ปกติจะไม่มีอาการเจ็บปวดเลย
แต่คุณเจ็บมากถึงขนาดต้องให้ยาแก้ปวด และหลายชั่วโมงผ่านไปปากมดลูกก็ไม่เปิดเพิ่มขึ้น
เท่าที่เล่ามา คุณได้รับการดูแลดีทีเดียว หมอลุกขึ้นมาตรวจคุณทุก 4 ชั่วโมง ถึงเขาจะเป็นหมอที่กำลังเรียนอยู่ก็เถอะ
ไม่คิดว่าเขาเป็นหมอฝึกหัด น่าจะเป็นแพทย์ประจำบ้าน เพราะเขาสามารถสั่งการรักษาได้
แต่การตรวจแล้วคุยกันกิ๊กกั๊กนั่น เป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ
ถ้า จขกท จะส่งเรื่องที่เล่ามา ไปยังหัวหน้าภาควิชาสูตินรี ก็จะเป็นพระคุณแก่วงการแพทย์
เพื่อแพทย์ที่กำลังฝึกอบรมจะได้รับทราบความรู้สึกของผู้เจ็บครรภ์ เป็นการตักเตือนและปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
ปากมดลูกต้องเปิด 10 ซม จึงจะเกิดลมเบ่งให้เกิดการคลอดออกมา และเบ่งต่ออีก 1-2 ชั่วโมงในครรภ์แรก
ถ้าให้รอจนคลอด เด็กน่าจะทนไม่ไหว
การใส่สายคาดหน้าท้อง ติดตามอัตราการเต้นของหัวใจเด็ก และการหดรัดตัวของมดลูก ทำให้รู้สภาวะของเด็กได้เร็ว ก่อนเกิดอันตรายอย่างชัดเจน
ที่เด็กอยู่ในสภาวะไม่น่าไว้ใจ คาดว่ามดลูกน่าจะหดรัดตัวแรงกว่าที่ควร และหดรัดตัวผิดปกติ
รู้จากได้จากการที่คุณเจ็บมาก เมื่อปากมดลูกเปิดเพียง 1 ซม เท่านั้น ที่ปกติจะไม่มีอาการเจ็บปวดเลย
แต่คุณเจ็บมากถึงขนาดต้องให้ยาแก้ปวด และหลายชั่วโมงผ่านไปปากมดลูกก็ไม่เปิดเพิ่มขึ้น
เท่าที่เล่ามา คุณได้รับการดูแลดีทีเดียว หมอลุกขึ้นมาตรวจคุณทุก 4 ชั่วโมง ถึงเขาจะเป็นหมอที่กำลังเรียนอยู่ก็เถอะ
ไม่คิดว่าเขาเป็นหมอฝึกหัด น่าจะเป็นแพทย์ประจำบ้าน เพราะเขาสามารถสั่งการรักษาได้
แต่การตรวจแล้วคุยกันกิ๊กกั๊กนั่น เป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ
ถ้า จขกท จะส่งเรื่องที่เล่ามา ไปยังหัวหน้าภาควิชาสูตินรี ก็จะเป็นพระคุณแก่วงการแพทย์
เพื่อแพทย์ที่กำลังฝึกอบรมจะได้รับทราบความรู้สึกของผู้เจ็บครรภ์ เป็นการตักเตือนและปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
แสดงความคิดเห็น
ประสบการณ์ผ่าคลอดที่ยังไม่รู้สาเหตุ
เริ่มจาก จขกท. ได้ตั้งครรภ์ลูกคนแรกตอนอายุ 26 ปี และได้เริ่มฝากครรภ์ตอน 8 week ที่ รพ.แห่งหนึ่งใน กทม. หลังจากตั้งครรภ์ได้ 4 เดือน ได้ติดสินใจลาออกจากงานเนื่องจากแฟนได้ย้ายงานมาปฎิบัติราชการที่ภาคเหนือ ซึ่งใกล้กับบ้านเกิดเราและแฟน เราได้ทำการปย้ายข้อมูลที่ฝากครรภ์ มาที่ รพ.แห่งหนึ่งในลำปาง ฝากครรภ์พบหมอปกติตามนัดปรกติทุกเดือน ไม่มีภาวะแทรกซ้อน ซึ่งทุกครั้งที่มาฝากครรภ์จะได้ตรวจกับ นศ.แพทย์ฝึกหัด พูดจาดีและให้คำแนะนำดีทุกคน จนเราตั้งครรภ์ได้ 39+4 ช่วงเช้าประมาณวันที่ 15 มี.ค. 06.00 น. มีอาการท้องแข็งถี่ๆ จนเวลาประมาณ 8 โมง แฟนพาไป รพ.ที่ฝากครรภ์ไว้ จนท.พาไปห้องรอคลอด นศ.แพทย์ ประมาณ 5 คน ได้ทำการจับหน้าท้องและตรวจภายในพบว่าปากมดลูกยังไม่เปิด แต่มีอาการท้องแข็งถี่จึงได้แอดมิด หลังจากผ่านไป 1 วัน อาการเจ็บเริ่มหายไป และเตรียมกลับบ้านในวันถัดไป หมอแจ้งว่าเป็นอาการปวดท้องหลอก หลังจากนั้นช่วงเช้าวันที่ 16 มี.ค. ได้เริ่มมีอาการปวดท้องถี่ขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งช่วงเช้ามีอาจารย์หมอมาตรวจภายในพบว่าปากหมดลูกเริ่มเปิด 1 ซม.จึงทำการกระตุ้นปากมดลูก และได้แอดมิดต่อ โดยหลังจากนั่นทุก 4 ชม.จะมี นศ.แพทย์ทำการตรวจปากมดลูก จนเวลาประมาณบ่ายโมงมีมูกเลือด แต่ไม่มีอาการปวดท้อง จึงได้พยาบาลที่ดูแลเคส และได้มีการตรวจภายในแต่ปากมดลูกยังเปิดเท่าเดิมคือ 1 ซม. จนถึงตอนเย็น นศ.แพทย์บันทึกเคสให้เราเตรียมกลับบ้านในวันพรุ่งนี้ เพราะปากมดลูกไม่เปิดเพิ่ม จนเวลาสองทุ่มเรารู้สึกปวดท้อง ท้องแข็งถี่มาก จนต้องร้องออกมาหลายครั้ง จนพยาบาลได้ตรวจจับหน้าท้องและบันทึกในชาจว่าท้องแข็งไม่ถี่ แต่เรากลับจับได้ว่าถี่และแรงมาก แต่ นศ.แพทย์ ได้กลับไปนอนโดยไม่มีใครตรวจอาการเราเพิ่มเติม (ขณะนั้นมีเราเพียงคนเดียวที่อยู่ห้องรอคลอด) จนเวลาประมาณสามทุ่มรู้สึกปวดฉี่แบบกลั้นไม่อยู่ จึงเรียกพยาบาลมาดู ปรากฎว่าน้ำคล่ำแตก จนพยาบาลต้องเรียก นศ.แพทย์มาตรวจภายในพบว่าปากมดลูกยังเปิดเท่าเดิม แต่ได้แจ้งเราว่าหลังจากน้ำคล่ำแตกปากมดลูกจะเริ่มเปิด ชม. ล่ะ 1 ซม. ซึ่งได้กำหนดเวลาเราคลอดประมาณตีสอง แต่เชื่อไหมค่ะหลังจากสามทุ่มเป็นต้นไป เป็นช่วงที่เราทรมานมากที่สุดในชีวิต ปวดท้องถี่ขึ้นเรื่อยๆ และมีเครื่องฟังเสียงหัวใจลูกรัดอยู่ตลอดเวลา เป็นอะไรที่ทรมานมาก จากเหตุการณ์นี้ทำให้เรารู้สึกรักแม่เพิ่มขึ้นมากๆ จนถึงช่วงตีสองพยาบาลได้ตรวจภายใน พบว่าปากมดลูกยังเปิดเท่าเดิมที่ 1 ซม. แต่อาการปวดของเราถี่ทุก 5 นาที ไม่ได้พัก ทรมานมากจนอยากตาย อยากให้ผ่านคืนนี้ไปเร็วๆ ซึ่งหลังจากนั้นพยาบาลแจ้งว่าต้องรอไปถึง 6 โมงเช้า โดนเราต้องทนปวดท้องทุก 5 นาที ตั้งแต่สามทุ่มถึงหกโมงเช้า ระหว่างนั้นเราก็ร้องตลอดเพราะทนไม่ไหว จนเวลาประมาณตี 5 นศ.แพทย์ ได้มาตรวจอากาศเราอีกรอบพบว่าน้องหัวใจเต้นอ่อนลง จึงไลน์บอกแพทย์เจ้าของไข้ ซึ่งตอนนั้นเราปวดจนเริ่มร้องไม่ออก เพราะไม่ได้นอนทั้งคืน เหมือนจะหมดแรง พยาบาลจึงรีบโทรประสานแพทย์เวร ให้มาดูอาการเรา ซึ่งระหว่างนั้นพยาบาลได้ฉีดยาแก้ปวดและใส่สายอ๊อกซิเจนให้เรา เนื่องจากน้องเริ่มไม่ไหวแล้ว หลังจากนั้นประมาณ 8 โมง นศ.แพทย์ได้ทำการตรวจภายในอีกครั้งพบว่าปากมดลูกยังเปิดแค่ 1 ซม. ซึ่งตอนนั้นเรากับน้องเริ่มไม่ไหว แพทย์เจ้าของไข้จึงวินิจฉัยให้เราผ่าคลอด โดยมีการแจ้งผ่านไลน์มาทาง นศ.แพทย์ โดยเราได้รับการผ่าตัดเวลา 9.04 น. น้องก็คลอดออกมาปลอดภัย ด้วยน้ำหนัก 3300 กรัม
** แต่สิ่งที่เราสงสัยคือสาเหตุที่เราคลอดเองไม่ได้เพราะปากมดลูกไม่เปิดเกิดจากสาเหตุอะไร (อันนี้พยายามจะถามแพทย์แล้วแต่ไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน)
- ในช่วงระหว่างรอคลอกจะมีการตรวจภายในทุก 4 ชม. โดน นศ.แพทย์ ซึ่งจะมาประมาณ 5-6 คน เกือบทุกครั้งจะหัวเราะเราคิกคักจนเราไม่มั่นใจ ซึ่งเราตั้งใจว่าคลอดครั้งหน้าจะคลอดที่ รพ.เอกชน เพราะสบายใจกว่า
- ในช่วงที่รอเปลมารับไปห้องผ่าคลอดไม่มีแจ้งสาเหตุและให้คำแนะนำจากแพทย์ในการผ่าคลอดจนพยาบาลดูแลเคสเรา ต้องบอกให้ นศ.แพทย์มาแจ้งเราถึงสาเหตุและข้อจำกัดในการตั้งครรภ์ครั้งต่อไป ซึ่งเราได้รับข้อมูลเพียงว่าน้องหัวใจเต้นอ่อนแรง ซึ่งข้อนี้เราอยากทราบว่าเกิดจากอะไร (เราไม่มีโรคประจำตัวและออกกำลังกายตลอด)
*** ส่วนสุดท้ายอยากจะทราบว่าใครพอมีประสบการณ์ใกล้เคียงกันบ้างค่ะ และมันเกิดจากสาเหตุอะไร