มาเล่าต่อ.....
หลังจากเคยเล่า ปสก ที่เพิ่งมาอยู่ใหม่ในออสเตรเลีย แล้วปรับตัวไม่ได้ จนต้องไปพบจิตแพทย์นั้น สิ่งที่ได้เรียนรู้คือ:
1.การตั้งคำถามผิดๆ กับตัวเอง
เริ่มด้วยการที่พอเกิดปัญหา แล้วเรามานั่งตั้งคำถามกับตัวเองว่า "ทำไมมันไม่เหมือนเดิม?", "ฉันมาทำอะไรที่นี่?", "ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้?" ฯลฯ จะสังเกตุว่าทุกคำถามที่พี่ตั้งถามกับตัวเองมีแต่คำว่า "ทำไม...." และคำถามอื่นๆ ที่มีแต่จะเพิ่มความสับสนให้กับตัวเอง
นักจิตวิทยา ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความรักและความสัมพันธ์ ได้บอกให้พี่เปลี่ยนวิธีการตั้งคำถามกับตัวเองใหม่ ให้เปลี่ยนจากคำว่า "ทำไม" เป็น "ทำอย่างไร" หรือในภาษาอังกฤษตามที่เค้าพูดคือคำว่า "How to....?" แทน ผู้เชี่ยวชาญฯ ชี้แจงให้พี่ฟังว่า คำถามว่า "ทำไม" เป็นคำถามเชิงลบ ยิ่งยูถามคำถามแบบนี้กับตัวเองมากเท่าไหร่ ยูยิ่งจะคิดลบ ติดลบกับปัญหาที่มีอยู่มากเท่าน้น
ส่วนคำถามว่า "How to" จะทำให้สมองของยู ขวนขวายหาคำตอบที่จะต้องทำอย่างไรให้.... ตามคำถามนั้นๆ เช่น ทำอย่างไรให้ยูอยู่ประเทศนี้อย่างมีความสุข เป็นต้น นี่คือสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญให้แง่คิดมา ซึ่งพอมาวันนี้ วันที่มีสติมากพอแล้ว เลิกซึมเศร้าแล้ว และกินวิตามิน D เติมเข้าร่างกายด้วย (อันนี้ไว้จะมาเล่าเพิ่มเติมนะคะ เพราะเรื่องของวิตามินในร่างกายนี่อะเมซิ่งมากๆ) พอสติมา ปัญญาก็เกิด 555+ จึงได้คิดว่า จริงๆ แล้ว การตั้งคำถามที่ผู้เชี่ยวชาญฯ แนะนำนั้น สามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ทุกเรื่องเลย ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของความสัมพันธ์ เช่น ถ้าเราตื่นสาย เข้างานเลท ผจก.เขม่น แล้วเราเอาแต่นั่งบ่นหรือถามกับตัวเองว่า "ทำไมต้องเป็นเรา", "ทำไมต้องมาตื่นสายเอาวันนี้", ทำไมๆๆๆๆ วันทั้งวันของวันนั้นของเราคงมีแต่เรื่องให้หมองใจไปตลอดวัน
แต่ถ้าเราลองมาเปลี่ยนมาตั้งคำถามใหม่กับตัวเองว่า "ทำอย่างไรไม่ให้ตื่นสายแบบวันนี้อีกดีนะ" พี่เชื่อว่า เราก็จะสามารถเห็นคำตอบขึ้นมาได้เองว่า อ้อ งั้นเราคงต้องงดดูละครดึก หรือเราต้องตั้งนาฬิกาปลุกเพิ่มอีกสักเรือน หรือเราควรจะเลิกกดสนูดนะ เป็นต้น
2.เครื่องปรับอากาศ (แอร์บ้าน) ใช้ทำความอุ่นได้
การเรียนรู้ข้อนี้มันเกิดจากการที่บ้านสามีพี่อยู่นอกเมือง เกือบจะชนบทเลยทีเดียว แถมอยู่บนภูเขา ติดป่าสงวนของรัฐที่อยู่นี้ บ้านที่อาศัยทำจากไม้ และไม่มีฮีตเตอร์จร้า.... ขอย้ำไม่มีฮีตเตอร์นะคะ คือเครื่องทำความอุ่นนั่นเอง แล้วอุณหภูมิบนภูเขา แน่นอนค่ะว่าในเวลาที่หนาวก็หนาวเพิ่มมากกว่าบริเวณพื้นราบ และในเวลาที่ร้อน ก็จะร้อนมากกว่าอีกเช่นเดียวกัน หากใครนึกไม่ออก ขอให้นึกถึงอุณหภูมิตัวเมืองเชียงใหม่ที่เป็นพื้นราบ แต่เมื่อคุณขึ้นยอดดอยต่างๆ อุณหภูมิจะเย็นกว่าจับใจเลยค่ะ ซึ่งอุณหภูมิในโซนที่พี่อยู่ต่ำสุดคือ 0 แล้วเราไม่มีฮีตเตอร์กันจ้า คือทุกวันต้องแต่งตัวเป็นแหนมทั้งที่นั่งอยู่ในบ้าน จนสุดท้ายเจ้าความหนาวนี้มันเล่นงานไปถึงกล้ามเนื้อต่างๆ ในร่างกาย ที่หดเกร็ง ยึดโยงกัน ไปพบหมอนวดถี่ขนาดไหนก็ไม่สามารถช่วยคลายได้
พี่ได้คุยเรื่องนี้ให้กับผู้เชี่ยวชาญฯ ฟังว่า ถ้าหน้าหนาวกลับมาอีกครั้ง แล้วสามีชั้น เค้ายังไม่คิดจะติดฮีตเตอร์ที่บ้านด้วยเหตุผลว่าเปลืองไฟ ชั้นคงขอยุติความสัมพันธ์ทุกอย่าง และกลับเมืองไทย เพราะมันทรมาน แถมงานการก็ไม่มีทำ ชั้นเบื่อ ผู้เชี่ยวชาญฯ ถามกลับไปยังสามีของพี่ เค้าก็ตอบตามสิ่งที่เค้าเชื่อว่า เค้าคิดว่าพี่จะปรับตัวได้จ้า เหตุผลของเค้าคือ ตัวเค้าเองเกิดและเติบโตอยู่ในเมืองหนาวมาทั้งชีวิต พอไปเที่ยวบ้านเรา (ไทย) ที่เป็นเมืองร้อน เค้ายังสามารถปรับตัวได้เลย แล้วทำไมพี่จึงปรับตัวไม่ได้ เอิ่ม.....ได้ยินแล้วแบบว่าอยากกรี๊ดดดดดมาก
สรุป ผู้เชี่ยวชาญฯ ต้องมาเป็นกรรมการ ด้วยการปรับทัศนคติคุณสามีของพี่ ว่ามันไม่ง่ายขนาดนั้นกับการปรับตัวของแต่ละคน แต่เค้าก็ยังคงประหยัดตามแบบฉบับของเค้าอ่ะนะ เค้าก็ไปนั่งหาข้อมูลเปรียบเทียบอัตราการใช้ไฟ วัตต์ต่อวัตต์ ของเครื่องทำความอุ่นต่างๆ กระทั่งเค้าไปเจอเข้ากับข้อมูลที่ว่า แอร์บ้านสามารถทำความอุ่นได้ แถมกินไฟน้อยกว่าฮีตเตอร์ OMG! จร้า และแล้วพี่ก็ได้เครื่องปรับอากาศ หรือแอร์บ้านที่พวกเราใช้ทำความเย็นที่ไทย มาทำความอุ่นให้ที่นี่ ก็เรืยกว่าเป็นความรู้ใหม่ที่ไม่เคยรู้มาก่อน ก็ผู้หญิงอ่ะเนอะ 555+
สุดท้าย และท้ายสุด ก็ต้องบอกว่า ขอแอบชื่นชมคุณสามีหน่อยนะ อย่างน้อยเค้าก็เลือกที่จะช่วยกันประคับประคองและแก้ปัญหาให้ชีวิตคู่มันไปต่อกันได้ ไม่เลือกตัดปัญหาเหมือนที่พี่คิดเองว่า เอะอะ ก็จะกลับไทยๆ ก็เป็นอีกบทเรียนนึงทีว่า "ถ้าคนที่เค้ารักเราจริงๆ เค้าจะทำทุกอย่างเพื่อให้มีเราอยู่ในชีวิตของเค้า" พี่ว่าคำพูดนี้มันจริงมากๆ เลยทีเดียว น้องๆ ท่านไหนที่กำลังมีคำถาม หรือปัญหาเรื่องของความรัก-ความสัมพันธ์อยู่ ลองนำคำนี้ไปคิดดูนะคะ รวมถึงวิธีการตั้งคำถามกับตัวเองเมื่อเวลาที่เกิดปัญหา ลองปรับมาใช้คำถามว่า "ทำอย่างไร.....?" ดู เพื่อจะได้ผลในด้านบวกๆ กันค่ะ
แล้วพบกันใหม่ใน ปสก ต่อไปในครั้งหน้านะคะ
พี่โอ๋ ออสเตรเลีย
ปสก พบนักบำบัดชีวิตคู๋ ในออสเตรเลีย หรือผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ ซึ่งก็คือนักจิตวิทยานั่นเอง
หลังจากเคยเล่า ปสก ที่เพิ่งมาอยู่ใหม่ในออสเตรเลีย แล้วปรับตัวไม่ได้ จนต้องไปพบจิตแพทย์นั้น สิ่งที่ได้เรียนรู้คือ:
1.การตั้งคำถามผิดๆ กับตัวเอง
เริ่มด้วยการที่พอเกิดปัญหา แล้วเรามานั่งตั้งคำถามกับตัวเองว่า "ทำไมมันไม่เหมือนเดิม?", "ฉันมาทำอะไรที่นี่?", "ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้?" ฯลฯ จะสังเกตุว่าทุกคำถามที่พี่ตั้งถามกับตัวเองมีแต่คำว่า "ทำไม...." และคำถามอื่นๆ ที่มีแต่จะเพิ่มความสับสนให้กับตัวเอง
นักจิตวิทยา ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความรักและความสัมพันธ์ ได้บอกให้พี่เปลี่ยนวิธีการตั้งคำถามกับตัวเองใหม่ ให้เปลี่ยนจากคำว่า "ทำไม" เป็น "ทำอย่างไร" หรือในภาษาอังกฤษตามที่เค้าพูดคือคำว่า "How to....?" แทน ผู้เชี่ยวชาญฯ ชี้แจงให้พี่ฟังว่า คำถามว่า "ทำไม" เป็นคำถามเชิงลบ ยิ่งยูถามคำถามแบบนี้กับตัวเองมากเท่าไหร่ ยูยิ่งจะคิดลบ ติดลบกับปัญหาที่มีอยู่มากเท่าน้น
ส่วนคำถามว่า "How to" จะทำให้สมองของยู ขวนขวายหาคำตอบที่จะต้องทำอย่างไรให้.... ตามคำถามนั้นๆ เช่น ทำอย่างไรให้ยูอยู่ประเทศนี้อย่างมีความสุข เป็นต้น นี่คือสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญให้แง่คิดมา ซึ่งพอมาวันนี้ วันที่มีสติมากพอแล้ว เลิกซึมเศร้าแล้ว และกินวิตามิน D เติมเข้าร่างกายด้วย (อันนี้ไว้จะมาเล่าเพิ่มเติมนะคะ เพราะเรื่องของวิตามินในร่างกายนี่อะเมซิ่งมากๆ) พอสติมา ปัญญาก็เกิด 555+ จึงได้คิดว่า จริงๆ แล้ว การตั้งคำถามที่ผู้เชี่ยวชาญฯ แนะนำนั้น สามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ทุกเรื่องเลย ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของความสัมพันธ์ เช่น ถ้าเราตื่นสาย เข้างานเลท ผจก.เขม่น แล้วเราเอาแต่นั่งบ่นหรือถามกับตัวเองว่า "ทำไมต้องเป็นเรา", "ทำไมต้องมาตื่นสายเอาวันนี้", ทำไมๆๆๆๆ วันทั้งวันของวันนั้นของเราคงมีแต่เรื่องให้หมองใจไปตลอดวัน
แต่ถ้าเราลองมาเปลี่ยนมาตั้งคำถามใหม่กับตัวเองว่า "ทำอย่างไรไม่ให้ตื่นสายแบบวันนี้อีกดีนะ" พี่เชื่อว่า เราก็จะสามารถเห็นคำตอบขึ้นมาได้เองว่า อ้อ งั้นเราคงต้องงดดูละครดึก หรือเราต้องตั้งนาฬิกาปลุกเพิ่มอีกสักเรือน หรือเราควรจะเลิกกดสนูดนะ เป็นต้น
2.เครื่องปรับอากาศ (แอร์บ้าน) ใช้ทำความอุ่นได้
การเรียนรู้ข้อนี้มันเกิดจากการที่บ้านสามีพี่อยู่นอกเมือง เกือบจะชนบทเลยทีเดียว แถมอยู่บนภูเขา ติดป่าสงวนของรัฐที่อยู่นี้ บ้านที่อาศัยทำจากไม้ และไม่มีฮีตเตอร์จร้า.... ขอย้ำไม่มีฮีตเตอร์นะคะ คือเครื่องทำความอุ่นนั่นเอง แล้วอุณหภูมิบนภูเขา แน่นอนค่ะว่าในเวลาที่หนาวก็หนาวเพิ่มมากกว่าบริเวณพื้นราบ และในเวลาที่ร้อน ก็จะร้อนมากกว่าอีกเช่นเดียวกัน หากใครนึกไม่ออก ขอให้นึกถึงอุณหภูมิตัวเมืองเชียงใหม่ที่เป็นพื้นราบ แต่เมื่อคุณขึ้นยอดดอยต่างๆ อุณหภูมิจะเย็นกว่าจับใจเลยค่ะ ซึ่งอุณหภูมิในโซนที่พี่อยู่ต่ำสุดคือ 0 แล้วเราไม่มีฮีตเตอร์กันจ้า คือทุกวันต้องแต่งตัวเป็นแหนมทั้งที่นั่งอยู่ในบ้าน จนสุดท้ายเจ้าความหนาวนี้มันเล่นงานไปถึงกล้ามเนื้อต่างๆ ในร่างกาย ที่หดเกร็ง ยึดโยงกัน ไปพบหมอนวดถี่ขนาดไหนก็ไม่สามารถช่วยคลายได้
พี่ได้คุยเรื่องนี้ให้กับผู้เชี่ยวชาญฯ ฟังว่า ถ้าหน้าหนาวกลับมาอีกครั้ง แล้วสามีชั้น เค้ายังไม่คิดจะติดฮีตเตอร์ที่บ้านด้วยเหตุผลว่าเปลืองไฟ ชั้นคงขอยุติความสัมพันธ์ทุกอย่าง และกลับเมืองไทย เพราะมันทรมาน แถมงานการก็ไม่มีทำ ชั้นเบื่อ ผู้เชี่ยวชาญฯ ถามกลับไปยังสามีของพี่ เค้าก็ตอบตามสิ่งที่เค้าเชื่อว่า เค้าคิดว่าพี่จะปรับตัวได้จ้า เหตุผลของเค้าคือ ตัวเค้าเองเกิดและเติบโตอยู่ในเมืองหนาวมาทั้งชีวิต พอไปเที่ยวบ้านเรา (ไทย) ที่เป็นเมืองร้อน เค้ายังสามารถปรับตัวได้เลย แล้วทำไมพี่จึงปรับตัวไม่ได้ เอิ่ม.....ได้ยินแล้วแบบว่าอยากกรี๊ดดดดดมาก
สรุป ผู้เชี่ยวชาญฯ ต้องมาเป็นกรรมการ ด้วยการปรับทัศนคติคุณสามีของพี่ ว่ามันไม่ง่ายขนาดนั้นกับการปรับตัวของแต่ละคน แต่เค้าก็ยังคงประหยัดตามแบบฉบับของเค้าอ่ะนะ เค้าก็ไปนั่งหาข้อมูลเปรียบเทียบอัตราการใช้ไฟ วัตต์ต่อวัตต์ ของเครื่องทำความอุ่นต่างๆ กระทั่งเค้าไปเจอเข้ากับข้อมูลที่ว่า แอร์บ้านสามารถทำความอุ่นได้ แถมกินไฟน้อยกว่าฮีตเตอร์ OMG! จร้า และแล้วพี่ก็ได้เครื่องปรับอากาศ หรือแอร์บ้านที่พวกเราใช้ทำความเย็นที่ไทย มาทำความอุ่นให้ที่นี่ ก็เรืยกว่าเป็นความรู้ใหม่ที่ไม่เคยรู้มาก่อน ก็ผู้หญิงอ่ะเนอะ 555+
สุดท้าย และท้ายสุด ก็ต้องบอกว่า ขอแอบชื่นชมคุณสามีหน่อยนะ อย่างน้อยเค้าก็เลือกที่จะช่วยกันประคับประคองและแก้ปัญหาให้ชีวิตคู่มันไปต่อกันได้ ไม่เลือกตัดปัญหาเหมือนที่พี่คิดเองว่า เอะอะ ก็จะกลับไทยๆ ก็เป็นอีกบทเรียนนึงทีว่า "ถ้าคนที่เค้ารักเราจริงๆ เค้าจะทำทุกอย่างเพื่อให้มีเราอยู่ในชีวิตของเค้า" พี่ว่าคำพูดนี้มันจริงมากๆ เลยทีเดียว น้องๆ ท่านไหนที่กำลังมีคำถาม หรือปัญหาเรื่องของความรัก-ความสัมพันธ์อยู่ ลองนำคำนี้ไปคิดดูนะคะ รวมถึงวิธีการตั้งคำถามกับตัวเองเมื่อเวลาที่เกิดปัญหา ลองปรับมาใช้คำถามว่า "ทำอย่างไร.....?" ดู เพื่อจะได้ผลในด้านบวกๆ กันค่ะ
แล้วพบกันใหม่ใน ปสก ต่อไปในครั้งหน้านะคะ
พี่โอ๋ ออสเตรเลีย