[SR] รีวิว Mi 9SE รุ่นน้องเรือธง ทั้งเล็กเบาเงา แบตอึดถึกทน จบครบเครื่องด้วยกล้อง 3 ระยะ กับราคาไม่ถึง 1 หมื่นบาท




สวัสดี Mi Fans และชาวมาบุญครองทุกท่านครับ

      วันนี้มาพบกับรีวิว Mi 9SE ที่เปิดตัวไปแล้วประมาณ 2 เดือน รุ่นน้องระดับ Premium ที่มีวัสดุที่ดีทั้งตัวเครื่อง ลำโพงที่เสียงดีครบเครื่อง แบตที่อึดถึกทน มากับชิป Snapdragon 712 กล้อง 3 ตัว 3 ระยะ และแบตเตอรี่ 3,070 mAh
      Mi 9SE เป็นมือถือเครื่องเล็กที่บรรจุของดีไว้ภายในมากมาย มีกล้อง 3 ระยะที่จะได้เซนเซอร์ทั้งชุดที่ถูกยกไปใส่ใน Mi 9T Pro และ Redmi K20 Pro โดย Mi 9T มี Spec ดังนี้
หน้าจอ : 5.97 นิ้ว Super AMOLED ความละเอียด FHD+ อัตราส่วน 19.5:9 แบบติ่งหยดน้ำ ครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass 5 และรองรับ HDR
CPU : Qualcomm Snapdragon 712
GPU : Adreno 616 พร้อม Game Turbo 2.0
กล้องหน้า : 20 MP f/2.0 กับพิกเซลขนาด 0.9 micron
กล้องหลัง : 48 MP f/1.8 (Sony IMX586) ขนาด ½ นิ้ว PDAF + 8 MP f/2.4 Telephoto 2X Optical Zoom ขนาด ¼ นิ้ว PDAF + 13MP f/2.4 Ultrawide ขนาด 1/3 นิ้ว มุมกว้าง 123 องศา
Ram : LPDDR4X 6 GB
ความจุภายใน : UFS2.1 128 GB
ระบบปฎิบัติการ : Android 9.0 Pie ครอบทับด้วย MIUI 10.3.4
แบตเตอรี่ : 3,070 mAh ชาร์จด้วย USB-C 18Watt รองรับทั้ง Quickcharge 4+ และ Power Delivery 3.0
- Body –

     เครื่องที่ผมได้รับมาเป็นสี Ocean Blue ก็จะมีสีฟ้าเงาพิเศษ ครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass โดยจะสะท้อนแสงวิบวับ และส่องได้คล้ายกระจกฉาบปรอทที่พร้อมจะสะท้อนเป็นแถบรุ้งเมื่อเปลี่ยนองศา กับวงแหวนเงินสะท้อนแสง ที่จะให้สีที่สะท้อนออกเป็นสีต่างๆตามองศาที่เอียง ฝาหลังมีความเรียบเนียนไม่โค้ง ตัวเครื่องมีความบาง ทำให้ถือนานๆอาจจะเกร็งได้ ส่วนนี้แก้ปัญหาด้วยการใส่เคส ตัวกล้องหลัง 3 ตัว มีความนูนออกมามาก เคสที่ให้มาในกล่องไม่สามารถคลุมกล้องได้ ดังนั้นแนะนำให้ซื้อเคสใหม่นะครับ ป้องกันเลนส์ขูดนะ

      ด้านล่างของตัวเครื่อง Mi 9SE มากับลำโพงด้านขวาเพียงด้านเดียว มีเสียงที่กลมกล่อม มาในทุกๆย่าน ไม่มีการแตกแยกของเสียง ทำให้เป็นที่น่าสนใจ เพราะยังมากับความดัง 85dB ที่ไม่ทำให้แสบหู แต่ทำให้ฟังแล้วเพลิน ฟังได้นานไม่ว่าจะดังขนาดไหนก็ตาม ด้านซ้ายเป็นถาดซิมคู่ ที่ไม่สามารถใส่ Micro SD Card ได้ และตรงกลางจะเป็นพอร์ต USB 2.0 Type C ตามสไตล์ของ Xiaomi ที่รองรับการชาร์จเร็ว 18Watt ทั้ง QuickCharge 4+ และ Power Delivery 3.0

      ในส่วนของด้านข้าง ด้านขวาจะมีทั้งปุ่มล็อคหน้าจอ เพิ่มเสียง และลดเสียง ในฝั่งเดียวกันทั้งหมด และด้านซ้ายจะเป็นส่วนของถาดซิม ด้านบนสิน่าสนใจ มากับ Infrared ที่สามารถใช้เป็นรีโมทแอร์ ทีวี โปรเจคเตอร์ และอื่นๆอีกมากมายกับไมโครโฟนตัวที่ 2 โดยรุ่นนี้จะไม่มีรูเสียบหูฟัง 3.5มม. มาให้ แต่จะแถมหัวแปลง Type C to 3.5 มาในกล่อง


- Highlights –

     เป็นรุ่นที่เครื่องเล็ก แต่ใจใหญ่ เพราะ Xiaomi พยายามจะให้ทุกๆอย่างที่มี ในวันที่ Mi 9SE ถือกำเนิดมา Snapdragon 712 คือชิปรุ่นใหม่ในขณะนั้น ใส่เซนเซอร์ Sony IMX 586 มาให้เป็นรุ่นแรกๆของ Xiaomi มีลำโพงที่เสียงกลมกล่อมเป็นอย่างดี มาพร้อมพาแนลจอแบบ Super AMOLED ความสว่าง 600 nits กล้อง 3 ระยะ ทั้ง Normal Telephoto Ultrawide แบตเตอรี่ที่อยู่ได้เต็มวันถึงแม้จะให้มาน้อย สแกนนิ้วบนหน้าจอที่มีความแม่นยำสูง และด้วยความเล็กและเบา ทำให้เป็นรุ่นที่พกสะดวกมากๆรุ่นหนึ่งครับ

โดยหลังจากนี้จะเป็นส่วนของการใช้งานจริงแล้ว โดยผมก็จะเรียงลำดับเป็นหัวข้อตามนี้เพื่อให้ง่ายต่อการอ่านครับ
1. หน้าจอ, ความสว่าง, สีที่แสดงผล และการตอบสนองทัชสกรีน
2. ประสิทธิภาพ, การเล่นเกม และความร้อน
3. เสียงจากลำโพง และสายแปลงที่ให้มาในกล่อง
4. การใช้งานประจำวัน, GPS และ User Interface
5. กล้องหลัง 3 ตัว Triple AI Camera
6. แบตเตอรี่ และการชาร์จ
- หน้าจอ, ความสว่าง, สีที่แสดงผล และการตอบสนองทัชสกรีน –


      ในส่วนของด้านหน้าก็มากับหน้าจอขนาด 5.97 นิ้ว ติ่งแบบหยดน้ำเล็กๆด้านบน เป็นพาแนลแบบ Super AMOLED ความละเอียด FHD+ ตัวจอครอบด้วยกระจก 2.5D ที่เป็น Gorilla Glass 5 ที่ทนต่อการขูดขีด โดยจะมีสีสันสวยงามตามฉบับของจอจาก Samsung ฟีลลิ่งในการทัชกรีนก็ถือว่าดีระดับกลางๆ พบว่าไม่มีทัชลั่นเอง ไม่หน่วง แต่ก็ไม่ได้ติดนิ้วเป๊ะๆขนาดนั้น หน้าจอมีความสว่าง 600 nits เมื่อนำไปใช้จริงแล้วสามารถสู้แดดได้ ไม่มีปัญหา ในส่วนของสแกนลายนิ้วมือรุ่นที่ 5 ทำงานได้ไวพอประมาณ มีพื้นที่วางนิ้วเล็กกว่ารุ่นที่ 7 พอสมควร แต่มีความแม่นยำสูง ไม่มีผิดพลาดหรือทำงานช้าลง ไม่ว่าจะติดฟิล์มด้าน หรือว่าจะรีบแตะ แต่อย่างไรก็ตาม ยังพบว่ารุ่นที่ 7 หรือรุ่นใหม่ให้ความเร็วในการสแกนที่เร็วกว่าแบบรู้สึกได้ครับ

- ประสิทธิภาพ, การเล่นเกม และความร้อน –


      เรื่องของประสิทธิภาพของ Snapdragon 712 ชิปที่อัปเกรดจาก Snapdragon 710 เพียงเล็กน้อยจากการ Overclock สามารถเล่นเกมปรับได้เท่ากับ Snapdragon 730 ทั้ง ROV และ PubG โดย ROV นั้นสามารถปรับได้ในระดับ Medium +, High Framerate ในส่วนของ PubG จะปรับได้ระดับ Balanced+Ultra หรือ HD+High ซึ่งถ้าให้แนะนำ เล่น Balanced+Ultra จะดีกว่าครับ เฟรมเรทจะอยู่ในช่วง 30-55 แต่ก็ยังมี Framerate ตกให้เห็น ถ้าให้ดีก็แนะนำให้เล่น Smooth+Ultra แทน โดยการปรับ Balanced+Ultra GPU จะแตะ 90-99% แล้ว เพราะฉะนั้นเราคงไม่เหมาะกับการใช้ GFX Tools ในการปรับเพิ่ม

     คะแนน Antutu ของ Mi 9SE สูงจนเข้าไปชิดคะแนนของ Snapdragon 730 กันเลยทีเดียว มีคะแนนถึง 181,305 คะแนน แต่ถ้าเกิด Stresstest 15 นาทีแล้วก็จะมีอาการ Throttle มากๆโดยไม่ทราบสาเหตุ เนื่องจากความร้อนยังไม่ถึง 60 องศาเซลเซียสด้วยซ้ำไป และการระบายความร้อนของ Mi 9SE ทำได้ดีมากๆ ความร้อนจากภายในแพร่ออกมาอย่างรวดเร็ว ทำให้ไม่เกิดการอมความร้อนเลยแม้แต่น้อย ส่วนการ Throttle แบบนี้คาดว่าน่าจะเกิดจากการที่ใช้ไฟมากเกินไปมากกว่าครับ

     AndroBench วัดความเร็วของความจำภายในที่เป็น UFS 2.1 ทำให้พบได้ว่ามีความเร็วการอ่านในระดับ 500MB/s และเขียนประมาณ 200MB/s เมื่อใช้งานจริงยังไม่พบอาการหน่วงแม้แต่ครั้งเดียว สลับแอปได้เร็ว และโหลดเกมได้เร็ว


    สำหรับ Geekbench 4 ที่มีคะแนน Single Core ประมาณ 1,900 และ Multi Core ประมาณ 6,000 ก็จะกล่าวได้ว่า มี CPU อยู่ในระดับเดียวกับ Snapdragon 835 เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน แต่ถ้าเล่นเกมเราต้องหันกลับไปมองที่ GPU กันครับ โดยก็จะต่างกับตระกูล 8xx Series อยู่มากพอสมควรเลย

- เสียงจากลำโพง และรูหูฟัง 3.5 มม. -


     ลำโพงของ Mi 9SE จะมีเพียงหนึ่งตัวด้านล่างขวาของตัวเครื่อง เป็นลำโพงที่มีเสียงที่ครบในทุกๆด้าน กลมกล่อมและฟังได้สบายหู มีเสียงแหลมที่กลางๆ เสียงกลางค่อนข้างจะมาก มีเบสที่นุ่ม ไม่กระแทก มีเสียงดังประมาณ 85dB เนื้อเสียงอาจจะไม่เหมาะกับคนชอบเสียงแหลม เน้นไปในทางคนชอบฟังเรื่อยๆ หรือฟังเพลงที่มีเบสครับ
     หางหนูตัวแปลง Type C to 3.5มม. ที่แถมมาในกล่องของ Mi 9SE ให้เสียงที่ออกมากลางๆ มีเสียงที่ดรอปไปในทุกๆด้าน จากไฟล์ HiRes และ Master ของ Tidal โดยผู้ชื่นชอบในเสียงเพลง อยากที่จะให้มีย่านเสียง รายละเอียดในทุกๆด้านเพิ่มขึ้นมา แนะนำให้หา DAC ก็จะแนะนำเป็น DAC 3.5มม. ที่มีคุณภาพระดับสูง Hi-Res เพื่อจะได้สัมผัสความต่างครับ

- การใช้งานประจำวัน, GPS, Software และ User Interface –

     Mi 9SE มากับหน่วยความจำภายในแบบ UFS 2.1 มีการตอบสนองที่รวดเร็ว ไม่มีการหน่วงให้เห็น แต่ MIUI ของ Mi 9SE ยังคงเป็น MIUI 10.3.4 ที่ไม่พบ Bug เลยแม้แต่น้อย แต่กล้องยังไม่ได้รับการอัพเดต Software เป็นรุ่นใหม่ ส่งผลให้การถ่ายวีดีโอ EIS ยังทำได้ไม่ดีนัก ในส่วนของ GPS ตัวนี้ถือว่าดี ไม่มีอาการหมุนหรือพาหลงให้เห็น ไม่วาปไปมา ในการใช้งานประจำวันแบบไม่เล่นเกม แบตเตอรี่ของรุ่นนี้จะอยู่ได้ประมาณ 12-16 ชั่วโมง โดยจะมี Screen On time ได้ประมาณ 5-7 ชั่วโมง ก็จะเหลือแบตเตอรี่ประมาณ 10% แต่ถ้าอยู่ในที่แดดจัดๆอาจจะลดเวลาที่ใช้ได้ไปพอสมควรครับ

+++++ ในส่วนของกล้องหลัง และข้อดี ข้อควรพิจารณา จะมาต่อด้านล่างนะครับ และถ้าชอบก็อย่าลืมกด Vote กระทู้ตรงด้านล่างนี้ครับ +++++
(อย่าเผลอโหวตคอมเมนต์ล่ะ) รบกวนทุกๆท่านที่เข้ามาอ่านด้วยนะครับ เพื่อที่จะให้มีคนได้เห็นมากขึ้น ขอบคุณครับ
ชื่อสินค้า:   Mi 9 SE
คะแนน:     

SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - ได้รับสินค้ามาใช้รีวิวฟรี โดยต้องคืนสินค้าให้เจ้าของสินค้า
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ

    ข้อมูลเพิ่มเติม

  • การรีวิวครั้งนี้ทำด้วยใจ ไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆ ถ้าผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่