[SR] รีวิว Mi 9T เรือกลางนักฆ่า หนึ่งในรุ่นที่ไม่ควรพลาด เพราะมากับคุณสมบัติระดับเรือธง และลำโพงระดับเครื่องตัดหญ้า!

สวัสดี Mi Fans และชาวมาบุญครองทุกท่านครับ

      วันนี้ผมมีมือถือตัวหนึ่งมารีวิวเช่นเคย โดยรุ่นนี้เป็นรุ่นใหม่ พึ่งเปิดตัวไปประมาณ 1 เดือน รุ่นแรกที่ใช้เทคโนโลยีกล้องแบบ Pop-up ที่พกคุณสมบัติเรือธงมาในตัวทั้งหมด ยกเว้นเพียงชิปเซ็ตที่ถูกลดลงมาจากรุ่นพี่อย่าง Mi 9T Pro ที่กำลังจะเปิดตัวเร็วๆนี้ โดยจะมากับ Snapdragon 730 ตัวรองท๊อป กล้อง 3 ตัว 3 ระยะ และแบตเตอรี่ที่มากถึง 4,000 mAh
      Mi 9T เป็นมือถือที่เพียบพร้อมเกือบทุกด้าน มีเกือบทุกคุณสมบัติที่ควรมี และยังมากับความคุ้มค่าในราคาระดับหมื่นนิดๆ ซึ่งการที่เราจะได้ความแรง ความเร็ว แบตเตอรี่ และชิปตัวใหม่แบบนี้ หาไม่ได้จากที่ไหน นอกจาก Mi 9T ตัวนี้แหละครับ โดย Mi 9T มี Spec ดังนี้
หน้าจอ : 6.39 นิ้ว Super AMOLED ความละเอียด FHD+ อัตราส่วน 19.5:9 แบบไร้ขอบไร้ติ่ง รองรับ Touch Sample Rate 180Hz 103.8% NTSC ครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass 5 และรองรับ HDR
CPU :
Qualcomm Snapdragon 730
GPU :
Adreno 618 พร้อม Game Turbo 2.0
กล้องหน้า :
Motorized Pop-Up 20 MP f/2.2 กับพิกเซลขนาด 0.8micron
กล้องหลัง :
48 MP f/1.8 (Sony IMX582) ขนาด ½ นิ้ว PDAF + 8 MP f/2.4 Telephoto 2X Optical Zoom ขนาด ¼ นิ้ว PDAF + 13MP f/2.4 Ultrawide ขนาด 1/3 นิ้ว มุมกว้าง 123 องศา
Ram :
6 GB
ความจุภายใน :
64 GB / 128 GB
ระบบปฎิบัติการ :
Android 9.0 Pie ครอบทับด้วย MIUI 10.3.10 รุ่นล่าสุด
แบตเตอรี่ :
4,000 mAh ชาร์จด้วย USB-C 18Watt รองรับทั้ง Quickcharge 4.0 และ Power Delivery 3.0

- Body –
      เครื่องที่ผมได้รับมาเป็นสี Carbon Black ก็จะได้รับฝาหลังลายคาร์บอนเคฟลาร์ กับวงแหวนสีแดงสะท้อนแสง ทำให้เราสามารถมองได้ชัด ว่านี่คือ Mi 9T Series ด้วยการที่ฝาหลังมีขอบด้านข้างโค้ง ตัวเครื่องมีความบาง ทำให้จับได้ถนัดมือมากๆ ตัวบอดี้ทั้งฝาหลังของตัวเครื่องและรอบๆจะเงาสะท้อนแสง แต่ก็อาจจะถูกเคสที่แถมมาในกล่องกัดได้ ตัวฝาหลังครอบทับด้วย Gorilla Glass 5 ทำให้ทนต่อรอยขีดข่วนได้ดีครับ ตัวกล้องหลัง 3 ตัว มีความนูนออกมาเล็กน้อย ใส่เคสที่ให้มาในกล่องสามารถคลุมกล้องได้ทั้งหมด ทำให้กล้องไม่โดนเวลาวางบนโต๊ะครับ

      ด้านล่างของตัวเครื่อง Mi 9T มากับลำโพงด้านขวาเพียงด้านเดียว มีเสียงที่ดังมากๆๆๆๆ เน้นไปทางเสียงที่ใส เคลียร์ มีเสียงสูงและเสียงกลางที่ชัดมากๆ แต่ก็น่าเสียดายที่แทบจะไม่มีเบสเลย มีความดังเป็นจุดเด่น เพราะดังถึง 90dB ระดับเสียงเครื่องตัดหญ้า! จากเรือธงปกติที่ยังเพียงประมาณ 80dB ด้านซ้ายเป็นถาดซิมคู่ ที่ไม่สามารถใส่ Micro SD Card ได้ และตรงกลางจะเป็นพอร์ต USB 2.0 Type C ตามสไตล์ของ Xiaomi ที่รองรับการชาร์จเร็ว 18Watt ทั้ง QuickCharge 4.0 และ Power Delivery 3.0

      ในส่วนของด้านข้าง ด้านขวาจะมีทั้งปุ่มล็อคหน้าจอ เพิ่มเสียง และลดเสียง ในฝั่งเดียวกันทั้งหมด มีปุ่มล็อคหน้าจอที่โดดเด่นเป็นสีแดง และด้านซ้ายจะไม่มีอะไรเลย เรียบสนิท และด้านบนเป็นส่วนของกล้อง Pop-up 20 Megapixel f/2.0 รูเสียบหูฟัง 3.5มม. แบบ Hi-Res และไมโครโฟนตัวที่ 2

- Highlights –

       สามารถจับต้อง Snapdragon 730 พร้อมระบบระบายความร้อนด้วยแผ่นกราไฟต์ 8 ชั้น แบตเตอรี่ 4,000 mAh ดีไซน์จอเต็มไร้ติ่งขอบบางพิเศษ พาแนลจอแบบ Super AMOLED ความสว่างถึง 720 nits และกล้อง Pop-up ที่ใช้มอเตอร์ในการเลื่อนแล้ว มาพร้อม Touch Sampling Rate 180Hz กล้อง 3 ระยะ ทั้ง Normal Telephoto Ultrawide รูหูฟัง 3.5มม. Hi-res และยังมีลำโพงที่ดังระดับเครื่องตัดหญ้า!

โดยหลังจากนี้จะเป็นส่วนของการใช้งานจริงแล้ว โดยผมก็จะเรียงลำดับเป็นหัวข้อตามนี้เพื่อให้ง่ายต่อการอ่านครับ
1. หน้าจอ, ความสว่าง, สีที่แสดงผล และการตอบสนองทัชสกรีน
2. ประสิทธิภาพ, การเล่นเกม และความร้อน
3. เสียงจากลำโพง และสายแปลงที่ให้มาในกล่อง
4. การใช้งานประจำวัน, GPS และ User Interface
5. กล้องหลัง 3 ตัว Triple AI Camera
6. แบตเตอรี่ และการชาร์จ

- หน้าจอ, ความสว่าง, สีที่แสดงผล และการตอบสนองทัชสกรีน –

      ในส่วนของด้านหน้าก็มากับหน้าจอขนาด 6.39 นิ้วแบบไร้ติ่งขอบบาง เป็นพาแนลแบบ Super AMOLED ความละเอียด FHD+ ตัวจอครอบด้วยกระจก 2.5D ที่เป็น Gorilla Glass 5 แต่ก็ยังแนะนำให้ติดฟิล์มนะ โดยมีขอบบางเล็กเรียวทั้ง 4 ด้าน พร้อมคางที่เล็กบางกว่าปกติ ไม่มีติ่งให้รำคาญสายตา โดยจะมีสีสันสวยงามตามฉบับของจอจาก Samsung ฟีลลิ่งในการทัชกรีนก็ถือว่าดีมากๆ ไม่มีทัชลั่นเอง ไม่มีความหน่วงของทัชให้เห็น พบกับความลื่นของทัชที่แท้จริง สมกับที่มี Touch Sampling Rate 180Hz แต่เมื่อติดฟิล์มกระจกก็เห็นได้ถึงความแย่ลงอย่างชัดเจนประมาณหนึ่ง หน้าจอมีความสว่างสูงถึง 720 nits มากเกินกว่าเรือธงเสียอีก เมื่อนำไปใช้จริงแล้วสามารถสู้แดดได้สบายๆ ไม่มีปัญหาครับ ในส่วนของสแกนลายนิ้วมือรุ่นที่ 7 ทำงานได้ไวมากๆ และมีพื้นที่สแกนลายนิ้วมือเพิ่มขึ้นมาพอสมควร ในช่วงแรกๆหลังจากจำรอยนิ้วมือจะตอบสนองได้อย่างรวดเร็วแบบไร้ที่ติ เร็วสะใจคนชอบสแกนนิ้วเร็วๆ แต่หลังจากประมาณ 5 วันก็จะสแกนได้ยากขึ้นเรื่อยๆ และสแกนไม่ติดบ่อยครั้งขึ้น

- ประสิทธิภาพ, การเล่นเกม และความร้อน –
      เรื่องของประสิทธิภาพของ Snapdragon 730 ชิปรองท๊อปของปีนี้นั้น มาพร้อมสถาปัตยกรรมใหม่ 8nm เป็นรองเพียง Snapdragon 845,855,855+ แต่กลับไม่สามารถเล่นปรับสุดได้ทั้ง ROV และ PubG โดย ROV นั้นสามารถปรับได้ในระดับ Medium +, High Framerate โดยเฟรมเรทก็จะเกาะอยู่ที่ 59-60 ในส่วนของ PubG จะปรับได้ระดับ Balanced+Ultra หรือ HD+High ซึ่งถ้าให้แนะนำ เล่น Balanced+Ultra จะดีกว่าครับ เฟรมเรทจะอยู่ในช่วง 45-55 ซึ่งไม่มีอาการตกให้เห็น และใช้ GPU ไม่เกิน 60% ถ้าใครอยากเล่นให้สุด สามารถใช้ GFX Tools อัดทุกอย่างเต็ม HDR+Extreme ปรับหน้าจอ Default ก็จะใช้ GPU ประมาณ 80-95% ซึ่งมันก็ยังอยู่ในระดับที่ Snapdragon 730 ยังสบายอยู่ครับ

      คะแนน Antutu ของ Mi 9T ไม่ใช่จุดเด่นเลยแม้แต่น้อย เพราะมีคะแนนเพียง 207,223 คะแนน ไม่เยอะใช่มั๊ยล่ะครับ แต่ถ้าเกิด Stresstest 15 นาทีแล้วก็จะมีอาการ Throttle น้อยมากๆ ไม่สามารถเทียบกับ Snapdragon 8xx Series ที่มักจะพบอาการ Throttle ได้เลย

      AndroBench วัดความเร็วของความจำภายในที่เป็น UFS 2.1 นั้นสามารถบอกได้ว่า ภายในของรุ่นนี้ให้มาจัดเต็มจริงๆ เพราะยังมีความเร็วการอ่านในระดับ 500MB/s และเขียนประมาณ 200MB/s เมื่อใช้งานจริงยังไม่พบอาการหน่วงแม้แต่ครั้งเดียว และยังโหลดแมพในเกมได้เร็วเป็นอย่างดี

- เสียงจากลำโพง และรูหูฟัง 3.5 มม. -
      ลำโพงของ Mi 9T จะมีเพียงหนึ่งตัวด้านล่างขวาของตัวเครื่อง เป็นลำโพงที่มีเสียงที่ดังสุดๆ ถ้าอยู่ที่เงียบๆอาจจะดังจนรบกวนห้องข้างๆได้ มีเสียงแหลมที่เด่น เสียงกลางคม แต่ไม่ค่อยมีเบส คาดว่าเป็นผลมาจากช่องว่างในลำโพง 0.9cc. ทำให้มีเสียงดังถึง 90dB เนื้อเสียงที่ออกมานั้นฟังได้สะใจสำหรับสายที่ชอบเสียงสูง แต่ถ้าสายเบสก็อาจจะไม่ถูกใจนัก
      รูเสียบหูฟัง 3.5มม. บนหัวเครื่องของ Mi 9T ให้เสียงที่ออกมาแบบไม่เสียรายละเอียดเลย มีเสียงที่มาเต็มที่ในทุกๆด้าน จากไฟล์ HiRes และ Master ของ Tidal โดยถ้าจะหา DAC ก็จะแนะนำเป็น DAC 3.5มม. ที่มีคุณภาพระดับสูงหน่อย และถ้าเป็นหางหนูก็จะแนะนำในระดับเกรดพรีเมียมหน่อยนะครับ ไม่งั้นจะไม่เห็นความต่างนะฮะ

- การใช้งานประจำวัน, GPS และ User Interface –
      Mi 9T มากับหน่วยความจำภายในแบบ UFS 2.1 มีการตอบสนองที่รวดเร็ว ไม่มีหน่วงให้เห็นสักครั้ง และยังสามารถโหลดเข้าเกมได้ไวมากๆเช่นกัน MIUI 10.3.10 ใน Mi 9T ยังคงพบ Bug เป็นจำนวนมาก ตามสไตล์รุ่นออกใหม่ โดยเราก็จะเจอทั้งจอค้าง กดอะไรก็ไม่ติดเลย เข้า Messenger แล้วแถบ Notification Bar กระพริบเป็นลายม้าลาย และยังพบการงงๆของการสแกนลายนิ้วมือ ที่ผ่านไปใกล้ๆครบอาทิตย์นึงก็จะเจอว่าสแกนไม่ผ่าน หรือผ่านยากเอง ต้องกดจำลายนิ้วมือใหม่ ในส่วนของ GPS ตัวนี้ถือเป็นตัวที่ทำให้ผมกลับมาเชื่อใจใน GPS ของ Xiaomi อีกครั้ง เนื่องจากสามารถแยกแยะได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าเราจะเดินเพียงแค่ในห้าง ก็ยังมีทิศตรง ตำแหน่งเป๊ะ ไม่เคยหมุนให้เห็น ไม่เคยวาปแบบ Dual GPS ครับ ในการใช้งานประจำวันแบบไม่เล่นเกม แบตเตอรี่ของรุ่นนี้จะอยู่ได้ประมาณ 20 ชั่วโมง โดยจะมี Screen On time ได้ประมาณ 9-10 ชั่วโมง ก็จะเหลือแบตเตอรี่ประมาณ 10% แต่ถ้าอยู่ในที่แดดจัดๆอาจจะลดเวลาที่ใช้ได้ไปพอสมควรครับ

+++++ ในส่วนของกล้องหลัง และข้อดี ข้อควรพิจารณา จะมาต่อด้านล่างนะครับ และถ้าชอบก็อย่าลืมกด Vote กระทู้ตรงด้านล่างนี้ครับ +++++
(อย่าเผลอโหวตคอมเมนต์ล่ะ) รบกวนทุกๆท่านที่เข้ามาอ่านด้วยนะครับ เพื่อที่จะให้มีคนได้เห็นมากขึ้น และคลายคำถามให้ผู้อยากรู้ทุกๆท่านครับ 
ชื่อสินค้า:   Xiaomi Mi 9T
คะแนน:     

SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - ได้รับสินค้ามาใช้รีวิวฟรี โดยต้องคืนสินค้าให้เจ้าของสินค้า
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ

    ข้อมูลเพิ่มเติม

  • ในการรีวิวครั้งนี้ ผมไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆทั้งสิ้น แต่เป็นการทำด้วยใจที่อยากทำครับ ถ้าผิดพลาดประการใด สามารถแนะนำและติชมได้ทางคอมเมนต์ด้านล่างเลย ผมจะนำมาปรับใช้ครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่