“สามารถ” FBชี้ “ไพบูลย์” ยื่นเลิกกิจการพรรคมี2ข้อ
https://www.innnews.co.th/politics/news_471452/
"สามารถ" FB ระบุ "ไพบูลย์" ยื่นขอยุติกิจการพรรคการเมือง และย้ายไปอยู่พรรคอื่นได้ มี 2 กรณี
นาย
สามารถ แก้วมีชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Samart Kaewmechai ถึงกรณีที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน
ยื่นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งเพื่อขอยุติกิจการพรรคการเมือง ว่า
เปิดดูรัฐธรรมนูญแล้ว ส.ส.ที่สังกัดพรรคเดิมจะย้ายไปอยู่พรรคอื่นได้ มีอยู่ 2 กรณีเท่านั้น
1. กรณีถูกขับออกจากพรรคที่สังกัดด้วยเสียง 3 ใน 4 ของคณะกรรมการบริหารพรรคและ ส.ส. ที่สังกัดพรรคนั้น และต้องไปหาพรรคอื่นเข้าให้ได้ภายใน 30 วัน
2. พรรคการเมืองที่สังกัดถูกยุบ (กรณีไปทำอะไรที่เป็นความผิดร้ายแรงตาม กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ) ต้องหาพรรคเข้าภายใน 60 วัน นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ยุบพรรค
กรณียื่นขอเลิกกิจการพรรคหรือร้องขอให้ยุบพรรคที่ตัวเองสังกัด แล้วจะย้ายไปสังกัดพรรคอื่น ไม่น่าจะทำได้ แม้จะอ้างว่าทำตามข้อบังคับพรรคที่เขียนไว้ นอกจากจะขัดกับรัฐธรรมนูญแล้ว กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญยังห้ามควบรวมพรรคหลังเลือกตั้ง จะควบรวมได้ต้องหลังสภาสิ้นวาระหรือหลังสภาถูกยุบ
ไม่ว่าจะโดยลายลักษณ์อักษรหรือเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง จึงกระทำไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นก็จะเปิดช่องให้มีการกวาดต้อน ส.ส. จากพรรคเล็กเข้าพรรคใหญ่ด้วยวิธีขอเลิกกิจการพรรคกันหมด
ทั้งนี้ จะเอาคะแนนบัญชีรายชื่อจากพรรคเดิมไปรวมกับพรรคที่จะย้ายเข้าไปสังกัดได้อย่างไร จะตรงเจตนาของเสียงประชาชนที่เลือกสนับสนุนพรรคที่ถูกเลิกกิจการเองนั้นได้หรือ เรื่องนี้ไม่ง่ายอย่างที่คิด ไม่งั้นหลักการจะเสียหายหมด
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=1749043025239844&id=100004024892972
อดีตกมธ.ข้อบังคับสภาฯ หนุน ส.ส.LGBT ตั้งอนุความหลากหลายทางเพศ สู้ต่อ!
https://www.matichon.co.th/politics/news_1638617
อดีตกมธ.ข้อบังคับสภาฯ พอใจ เนื้อหาผ่านการพิจารณา หนุน ส.ส.LGBT ตั้งอนุความหลากหลายทางเพศ สู้ต่อในสภาฯ
เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม นาย
นิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะอดีตกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ภายหลังจากที่สภาฯลงมติเห็นชอบในร่างข้อบังคับฯ เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม ต้องรอให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา จึงสามารถบังคับใช้ได้ ในส่วนของรายละเอียดในการตั้งกมธ.สามัญ จำนวน 35 คณะ ต้องหารือร่วมกันระหว่างฝ่ายค้านกับพรรครัฐบาล ทั้งนี้ เชื่อว่า จะหารือและได้ข้อยุติก่อนที่สภาฯจะปิดสมัยประชุมวันที่ 18 กันยายนนี้ แต่ในเบื้องต้นทราบว่า มีส.ส.ที่ต้องการร่วมเป็น กมธ. บางคณะมีจำนวนเกินกว่าที่กำหนดคือ คณะละ 15 คน เช่น กมธ. ตำรวจ เป็นต้น
นาย
นิกร ยังกล่าวกรณีที่ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ ผิดหวังต่อกรณีที่ให้นำเรื่องความหลากหลายทางเพศ รวมเป็น กมธ.กิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์นั้น ในชั้นกมธ. ตนได้ทำความเข้าใจกับกลุ่มส.ส.ที่เสนอ และสงวนคำแปรญัตติจนตกลงร่วมกันได้ว่า ในกมธ.กิจการเด็กฯ ก็สามารถตั้งอนุกมธ. ว่าด้วยความหลากหลายทางเพศ เพื่อขับเคลื่อนประเด็นต่างๆได้ ซึ่งเขาพอใจระดับหนึ่ง แต่ยืนยันว่า จะขออภิปรายในสภา ซึ่งตนเข้าใจในบทบาทการต่อสู้ของส.ส. เมื่อแพ้ต้องบอกผู้ที่สนับสนุนว่า แพ้ แต่ไม่หมดความพยายาม เพราะการเมืองในสภาฯ ไม่สำเร็จภายในครั้งเดียวการต่อสู้ยังมีต่อไป
JJNY : 4in1 “สามารถ”FBชี้“ไพบูลย์”/อดีตกมธ.หนุนส.ส.LGBTสู้ต่อ!/ข้าวเหนียวราคาพุ่งทะลุ 40%/เขื่อนป่าสักฯวิกฤต
https://www.innnews.co.th/politics/news_471452/
"สามารถ" FB ระบุ "ไพบูลย์" ยื่นขอยุติกิจการพรรคการเมือง และย้ายไปอยู่พรรคอื่นได้ มี 2 กรณี
นายสามารถ แก้วมีชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Samart Kaewmechai ถึงกรณีที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน
ยื่นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งเพื่อขอยุติกิจการพรรคการเมือง ว่า
เปิดดูรัฐธรรมนูญแล้ว ส.ส.ที่สังกัดพรรคเดิมจะย้ายไปอยู่พรรคอื่นได้ มีอยู่ 2 กรณีเท่านั้น
1. กรณีถูกขับออกจากพรรคที่สังกัดด้วยเสียง 3 ใน 4 ของคณะกรรมการบริหารพรรคและ ส.ส. ที่สังกัดพรรคนั้น และต้องไปหาพรรคอื่นเข้าให้ได้ภายใน 30 วัน
2. พรรคการเมืองที่สังกัดถูกยุบ (กรณีไปทำอะไรที่เป็นความผิดร้ายแรงตาม กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ) ต้องหาพรรคเข้าภายใน 60 วัน นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ยุบพรรค
กรณียื่นขอเลิกกิจการพรรคหรือร้องขอให้ยุบพรรคที่ตัวเองสังกัด แล้วจะย้ายไปสังกัดพรรคอื่น ไม่น่าจะทำได้ แม้จะอ้างว่าทำตามข้อบังคับพรรคที่เขียนไว้ นอกจากจะขัดกับรัฐธรรมนูญแล้ว กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญยังห้ามควบรวมพรรคหลังเลือกตั้ง จะควบรวมได้ต้องหลังสภาสิ้นวาระหรือหลังสภาถูกยุบ
ไม่ว่าจะโดยลายลักษณ์อักษรหรือเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง จึงกระทำไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นก็จะเปิดช่องให้มีการกวาดต้อน ส.ส. จากพรรคเล็กเข้าพรรคใหญ่ด้วยวิธีขอเลิกกิจการพรรคกันหมด
ทั้งนี้ จะเอาคะแนนบัญชีรายชื่อจากพรรคเดิมไปรวมกับพรรคที่จะย้ายเข้าไปสังกัดได้อย่างไร จะตรงเจตนาของเสียงประชาชนที่เลือกสนับสนุนพรรคที่ถูกเลิกกิจการเองนั้นได้หรือ เรื่องนี้ไม่ง่ายอย่างที่คิด ไม่งั้นหลักการจะเสียหายหมด
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=1749043025239844&id=100004024892972
อดีตกมธ.ข้อบังคับสภาฯ หนุน ส.ส.LGBT ตั้งอนุความหลากหลายทางเพศ สู้ต่อ!
https://www.matichon.co.th/politics/news_1638617
อดีตกมธ.ข้อบังคับสภาฯ พอใจ เนื้อหาผ่านการพิจารณา หนุน ส.ส.LGBT ตั้งอนุความหลากหลายทางเพศ สู้ต่อในสภาฯ
เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะอดีตกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ภายหลังจากที่สภาฯลงมติเห็นชอบในร่างข้อบังคับฯ เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม ต้องรอให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา จึงสามารถบังคับใช้ได้ ในส่วนของรายละเอียดในการตั้งกมธ.สามัญ จำนวน 35 คณะ ต้องหารือร่วมกันระหว่างฝ่ายค้านกับพรรครัฐบาล ทั้งนี้ เชื่อว่า จะหารือและได้ข้อยุติก่อนที่สภาฯจะปิดสมัยประชุมวันที่ 18 กันยายนนี้ แต่ในเบื้องต้นทราบว่า มีส.ส.ที่ต้องการร่วมเป็น กมธ. บางคณะมีจำนวนเกินกว่าที่กำหนดคือ คณะละ 15 คน เช่น กมธ. ตำรวจ เป็นต้น
นายนิกร ยังกล่าวกรณีที่ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ ผิดหวังต่อกรณีที่ให้นำเรื่องความหลากหลายทางเพศ รวมเป็น กมธ.กิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์นั้น ในชั้นกมธ. ตนได้ทำความเข้าใจกับกลุ่มส.ส.ที่เสนอ และสงวนคำแปรญัตติจนตกลงร่วมกันได้ว่า ในกมธ.กิจการเด็กฯ ก็สามารถตั้งอนุกมธ. ว่าด้วยความหลากหลายทางเพศ เพื่อขับเคลื่อนประเด็นต่างๆได้ ซึ่งเขาพอใจระดับหนึ่ง แต่ยืนยันว่า จะขออภิปรายในสภา ซึ่งตนเข้าใจในบทบาทการต่อสู้ของส.ส. เมื่อแพ้ต้องบอกผู้ที่สนับสนุนว่า แพ้ แต่ไม่หมดความพยายาม เพราะการเมืองในสภาฯ ไม่สำเร็จภายในครั้งเดียวการต่อสู้ยังมีต่อไป