สวัสดีชาวพันทิปทุกคนครับ วันนี้ผมจะมาแชร์ประสบการณ์ที่ไปเดิน Poon hill trek ที่ประเทศเนปาลกันนะครับ

สำหรับ Poon hill trek นั้นเราต้องเริ่มจากการเดินทางไปเมือง Pokhara ก่อนนะครับ. ซึ่งจะเลือกการเดินทางได้2แบบนะครับ.
แบบแรกเลยหรือว่าแบบประหยัดนั่นก็คือรถบัสครับ ซึ่งราคาจะอยู่ที่ประมาณ 600-800รูปีต่อเที่ยว ก็แล้วแต่ว่าเราจะไปซื้อกับเอเจ้นไหนนะครับ ไม่ต้องห่วงนะครับ ตั๋วรถบัสหาซื้อได้ทั่วเมืองกาฐมาณฑุครับ. โดยจะใช่เวลาประมาณ 8-10ชม.ครับ ค่อนข้างนานทีเดียว,แต่เค้าจะมีแวะข้างทางให้เข้าห้องน้ำแล้วก็กินข้าวครับ.
แบบที่สองหรือแบบคนรีบก็คือเครื่องบินครับ ซึ่งราคาก็จะแพงกว่ามาก อยู่ที่ประมาณ 80-100USD ต่อเที่ยวครับ. โดยใช้เวลาเพืยง25นาทีครับ.
ซึ่งแน่นอนครับ ผมเลือกแบบประหยัดเพราะว่าไม่รีบแถมถูกกว่าเยอะเลยครับ.
พอมาถึงเมือง Pokhara อย่างแรกที่ต้องทำเลยก็คือไปขอ Permitครับ ซึ่งจากสถานีรถบัสสามารถเดินไปได้ครับ. ผมก็เดินตามพวกฝรั่งไปครับ ประมาณ10-15นาทีก็ถึงครับ. พอเราถึงที่ออฟฟิศ ก็ไปขอไปกรอกข้อมูลได้เลยครับ เอกสารนี่ไม่ต้องเตรียมอะไรเลยครับ แค่รูปถ่ายกับเงินพอ. รูปถ่ายนี่ผมจำไม่ได่เหมือนกันว่ากี่รูปครับ แต่เตรียมเผื่อไปหน่อย ซัก3-4รูปก็พอครับ. พอเรากรอกข้อมูลเสร็จก็ยื่นไปให้คนตรงเค้าเตอร์ได้เลยครับ. ละเค้าก็จะเรียกไปจ่ายเงินละก็เรียบร้อยครับ. ใบ Permit จะประมาณนี้ครับ. (ตอนแรกเค้าพิมสัญชาติผมเป็นอิตาลี555)

ราคาก็ตามรูปเลยนะครับ, 2,260 รูปี
(1 บาท จะอยู่ที่ประมาณ 3.5 รูปีครับ)
เมือง Pokhara เป็นเมืองริมทะเลสาบ บรรยากาศเมืองดีมากๆครับ เหมาะแก่การมาพักร้อนอย่างยิ่ง.

ที่เมืองนี้ผมเลือกพักที่ Pokhara backpacker hostel นะครับ ราคาคืนละแค่ 150บาท แต่ดีเลยทีเดียว มีที่ปรึกษาสำหรับเรื่องเดินเขาโดยเฉพาะ พอผมไปถามเค้าว่า Poon hill ไปเองได้มั้ย เค้าตอบกลับมาว่า no problem. ผมก็เลยรู้สึกมั่นใจขึ้นมาหน่อย. คือ Poon hill trek นี่นับว่าเป็นการเดินเขาในระดับง่ายของที่เนปาลเลยครับ. แนะนำสำหรับคนที่อยากเริ่มเดินเขาครับ.
สำหรับ Poon hill trek เราต้องไปเริ่มเดินที่หมู่บ้าน Nayapul ซึ่งจากเมือง Pokhara ก็มาเดินทางไปได้โดย Local bus หรือว่า แทกซี่นะครับ. ถ้าเป็นรถบัสนี่จะประมาณ 200รูปีครับ. แต่ตัวผมเลือกเป็นแทกซี่ครับ ซึ่งปกติราคาจะประมาณ 1800-2000 รูปีครับ แต่ผมให้ที่ทางโฮสเทลเรียกให้เลยลดได้เหลือ 1500 รูปีแล้วก็ผมแชร์กับฝรั่งที่โฮสเทลอีก3คน ก็เลยเหลือคนละแค่ประมาณ 400รูปี. ซึ่งถือว่าโอเคเลย.
นั่งมาเมือง Nayapul(ความสูงอยู่ที่1,100 เมตร) ก็จะประมาณ 2ชม.นะครับ. พอมาถึงที่เมือง Nayapul เราก็จะต้องเดินต่อลงไปที่ Check point เพื่อตรวจ Permit ครับ.
*อันนี้เป็นทางเข้านะครับ.
พอผ่านเช็คพ้อยท์เรียบร้อยเราก็เริ่มเดินเลยนะครับ.
วันที่1
ผมได้ยินมาว่าวันแรกจะใช้เวลาประมาณ4ชม.นะครับ. ช่วงแรกๆทางเดินก็จะประมาณนี้นะครับ. เรียบๆ ยังไม่มีอะไรมากครับ.
ข้างทางนี่จะมีร้านอาหารกับบ้านพักอยู่ตลอดนะครับ. เผื่อใครหิวข้าวก็แวะทานได้ครับ.
มีธงสีๆอยู่ตลอดนะครับ, ส่วนตัวชอบมากๆ
ตามปกติแล้ววันแรกที่เดิน Poon hill ส่วนใหญ่คนจะเดินไปพักที่หมู่บ้าน Tikhedhunga (ความสูงที่1,480 เมตร) ครับเพื่อเตรียมตัวเดินบันได 3พันขั้นไปยังหมู่บ้าน Ulleri(ความสูง 1,960เมตร) ในวันที่2 แต่ตัวผมไม่รู้คิดไง ตัดสินใจที่จะไป Ulleri ตั้งแต่วันแรก หวังว่าวันที่2จะได้พัก5555
พอผ่าน Tikhedhunga มา(ผมใช้เวลาประมาณ3ชม.ครึ่ง) เราก็จะเริ่มเจอบันไดกันนะครับ. เหมือนเดินไปเรื่อยๆแบบไม่สิ้นสุด5555.
*บันไดประมาณนี้นะครับ

ตอนแรกเดินไปก็นั่งนับขั้นไป ซักพักไปก็ชั่งมันละครับ555 เดินไปเรื่อยๆ. ผมใช้เวลาอีกประมาณ3ชม.ครับแวะนั่งบ้าง กินข้าวบ้าง คุยกับชาวบ้านข้างทางบ้าง. สุดท้ายก็มาถึงที่หมู่บ้าน Ulleri. พอมาถึงที่หมู่บ้านอย่างแรกที่ต้องทำเลยก็คือหาที่พักครับ. คือไม่ต้องห่วงว่าจะไม่มีที่พักนะครับ มีเยอะมากจนผมตกใจเลย. ผมก็เดินไปเรื่อยๆ จนถึงเกือบสุดหมู่บ้านเค้าก็บอกผมที่จะหมดหมู่บ้านละนะ ผมก็เลยเลือกพักบ้านพักตรงนั้นเลย (จำไม่ได้ว่าชื่ออะไร)
บ้านพักส่วนใหญ่อาหารจะเหมือนกันหมดนะครับ แต่มาเนปาลแล้วที่จะพลาดไม่ได้คือ Dal bhat ครับ.
*Dal bhat นี่กินหมดเค้าจะมาเติมข้าวให้เรื่อยๆนะครับ ฟรีด้วย เรียกว่ากินจนกว่าจะอิ่มจริงๆ

วันที่2
ผมออกเดินประมาณ8โมงเช้าครับ. ตื่นมา6โมงชมวิวนิดหน่อย, กินข้าว แพ็คของ แล้วก็ออกเดินครับ. วันที่สองส่วนใหญ่จะเป็นเดินในป่านะครับ. ใช้เวลาประมาณ 4-5ชม. ไปยังหมู่บ้าน Ghorephani (ความสูง2,860เมตร)
ทางเดินจะมีทั้งขึ้นทั้งลงครับ. แต่เพราะว่าเดินในป่า ทำให้ลมพัดเย็นสบาย ไม่ค่อยรู้สึกร้อนหรือเหนื่อยมากครับ.
*ทางจะประมาณนี้ครับ.



*ระหว่างทางมีน้ำตก ถ้าร้อนๆก็ลงไปเล่นได้เลยครับ.

*เจอต้นไม้ที่มีดอกชมพูทั้งต้นด้วย.

วันนี้เดินรู้สึกว่าแปปเดียวจริงๆ ประมาณบ่ายโมงผมก็ถึงที่หมู่บ้าน Ghorephani
*อันนี้เป็นวิวจากบ้านพักครับ

บ่ายนี้มีเวลาว่างเยอะเลยครับเลยได้พักผ่อนเยอะพอสมควร, คิดแล้วก็ถือว่าคิดถูกที่วันแรกเลือกเดินบันได3พันขั้น เพราะว่าพรุ่งนี้เราต้องตื่นแต่เช้ามืดเพื่อเดินไปชมวิวที่ Poon hill.
วันที่3
วันนี้ผมออกเดินตั้งแต่ตี4เพราะว่ากลัวขึ้นไปแล้วคนจะเยอะครับ. อยากไปเอนจอยวิวแบบคนน้อยๆซักพัก. เวลาเดินก็ต้องเปิดไฟโทรสับไปครับ เพราะว่ามันมืดมากๆ. เดินมาประมาณ 1ชม.ก็มาถึงครับ
Poon hill
วิวก็อลังมากเลยครับ, โชคดีมากที่ไม่มีหมอก.

พอสายๆคนก็จะเยอะขึ้นมากครับ.

ที่เราเห็นอยู่นั้นคือแนวเขา Annapurna ครับ.
พอชมวิวเสร็จผมก็รีบลงไปกินข้าวที่บ้านพักครับ. เพราะว่าวันนี้เราต้องเดินลงไปยังที่หมู่บ้าน Ghandruk(ความสูง 1,940 เมตร) ซึ่งผมออกมาเห็นแค่ป้ายก็ท้อละครับ55555. เพราะว่ามันเขียนไว้7ชม. (จะเดินผ่านหมู่บ้าน Tadapani ในตอนกลางวันครับ)
*ส่วนใหญ่พวกป้ายนี้เวลาเดินจะนับจากคนท้องถิ่นนะครับ, แน่นอนนักท่องเที่ยวอย่างเรา ต้องบวกเพิ่มครับ.
ทางสำหรับไป Ghandruk นี่โหดพอสมควรครับมีทั้งขึ้น ทั้งลง.
โดยเฉพาะทางลงครับ, เดินลงจนเข่าปวด555

*มีจุดชมวิวให้พักครับ

*ระหว่างทางเจอลุงคนท้องถิ่นแบกของ 50กิโลครับ. สุดยอดจริงๆ

*อันนี้เป็นแผนที่ใหญ่นะครับ มีหลายเส้นทางมาก

ผมใช้เวลาประมาณเกือบ9ชม.ครับ. มาถึงที่ Ghandruk ประมาณ 5โมงเย็น. ถึงบ้านพักนี่แทบอยากลงไปนอนเลยครับ, เหนื่อยจริงๆวันนี้.
*เรื่องรองเท้าเดินเขานี่สำคัญเหมือนกันนะครับ, ควรใส่รองเท้าที่เดินสบายและควรใส่รองเท้านั้นเดินเล่นก่อนที่จะมาเดินเขาครับ เพื่อเป็นการปรับเท้าไปในตัว.
วันที่4
วันสุดท้ายก็ไม่มีอะไรมากครับ , เตรียมตัวกลับเมือง Pokhara.
*อันนี้เป็นวิวตอนตื่นเช้านะครับ, สวยใช้ได้เลยทีเดียว.

จากหมู่บ้าน Ghandruk เราก็เดินลงไปประมาณ10-15ก็จะเจอรถเมล์ครับ สามารถขึ้นรถเมล์นั้นกลับเมือง Pokhara ได้เลยครับ. (ขออภัยที่ไม่มีรูปนะครับ, ตอนนั้นรีบๆเลยไม่ได้ถ่ายมา)
*ข้างในก็นั่งอัดๆกันครับ
สรุปทริปนี้นะครับ สำหรับผมคิดว่ามาเดินเองง่ายพอสมควรครับ, คือทางมีคนเดินผ่านตลอดครับ หลงยากมาก, แล้วก็มีบ้านพักหรือร้านอาหารตลอดครับ.
ผมก็อยากให้ทุกคนที่ได้มาเนปาลแล้วมีเวลา ลองไปเดิน Poon hill trek กันดูนะครับ ใช้เวลาไม่มากแล้วก็รับรองว่าวิวสวยคุ้มกับที่เหนื่อยแน่นอนครับ.
[CR] Poon hill trek มาคนเดียวก็เดินได้
แบบแรกเลยหรือว่าแบบประหยัดนั่นก็คือรถบัสครับ ซึ่งราคาจะอยู่ที่ประมาณ 600-800รูปีต่อเที่ยว ก็แล้วแต่ว่าเราจะไปซื้อกับเอเจ้นไหนนะครับ ไม่ต้องห่วงนะครับ ตั๋วรถบัสหาซื้อได้ทั่วเมืองกาฐมาณฑุครับ. โดยจะใช่เวลาประมาณ 8-10ชม.ครับ ค่อนข้างนานทีเดียว,แต่เค้าจะมีแวะข้างทางให้เข้าห้องน้ำแล้วก็กินข้าวครับ.
แบบที่สองหรือแบบคนรีบก็คือเครื่องบินครับ ซึ่งราคาก็จะแพงกว่ามาก อยู่ที่ประมาณ 80-100USD ต่อเที่ยวครับ. โดยใช้เวลาเพืยง25นาทีครับ.
ซึ่งแน่นอนครับ ผมเลือกแบบประหยัดเพราะว่าไม่รีบแถมถูกกว่าเยอะเลยครับ.
พอมาถึงเมือง Pokhara อย่างแรกที่ต้องทำเลยก็คือไปขอ Permitครับ ซึ่งจากสถานีรถบัสสามารถเดินไปได้ครับ. ผมก็เดินตามพวกฝรั่งไปครับ ประมาณ10-15นาทีก็ถึงครับ. พอเราถึงที่ออฟฟิศ ก็ไปขอไปกรอกข้อมูลได้เลยครับ เอกสารนี่ไม่ต้องเตรียมอะไรเลยครับ แค่รูปถ่ายกับเงินพอ. รูปถ่ายนี่ผมจำไม่ได่เหมือนกันว่ากี่รูปครับ แต่เตรียมเผื่อไปหน่อย ซัก3-4รูปก็พอครับ. พอเรากรอกข้อมูลเสร็จก็ยื่นไปให้คนตรงเค้าเตอร์ได้เลยครับ. ละเค้าก็จะเรียกไปจ่ายเงินละก็เรียบร้อยครับ. ใบ Permit จะประมาณนี้ครับ. (ตอนแรกเค้าพิมสัญชาติผมเป็นอิตาลี555)
(1 บาท จะอยู่ที่ประมาณ 3.5 รูปีครับ)
เมือง Pokhara เป็นเมืองริมทะเลสาบ บรรยากาศเมืองดีมากๆครับ เหมาะแก่การมาพักร้อนอย่างยิ่ง.
ที่เมืองนี้ผมเลือกพักที่ Pokhara backpacker hostel นะครับ ราคาคืนละแค่ 150บาท แต่ดีเลยทีเดียว มีที่ปรึกษาสำหรับเรื่องเดินเขาโดยเฉพาะ พอผมไปถามเค้าว่า Poon hill ไปเองได้มั้ย เค้าตอบกลับมาว่า no problem. ผมก็เลยรู้สึกมั่นใจขึ้นมาหน่อย. คือ Poon hill trek นี่นับว่าเป็นการเดินเขาในระดับง่ายของที่เนปาลเลยครับ. แนะนำสำหรับคนที่อยากเริ่มเดินเขาครับ.
สำหรับ Poon hill trek เราต้องไปเริ่มเดินที่หมู่บ้าน Nayapul ซึ่งจากเมือง Pokhara ก็มาเดินทางไปได้โดย Local bus หรือว่า แทกซี่นะครับ. ถ้าเป็นรถบัสนี่จะประมาณ 200รูปีครับ. แต่ตัวผมเลือกเป็นแทกซี่ครับ ซึ่งปกติราคาจะประมาณ 1800-2000 รูปีครับ แต่ผมให้ที่ทางโฮสเทลเรียกให้เลยลดได้เหลือ 1500 รูปีแล้วก็ผมแชร์กับฝรั่งที่โฮสเทลอีก3คน ก็เลยเหลือคนละแค่ประมาณ 400รูปี. ซึ่งถือว่าโอเคเลย.
นั่งมาเมือง Nayapul(ความสูงอยู่ที่1,100 เมตร) ก็จะประมาณ 2ชม.นะครับ. พอมาถึงที่เมือง Nayapul เราก็จะต้องเดินต่อลงไปที่ Check point เพื่อตรวจ Permit ครับ.
*อันนี้เป็นทางเข้านะครับ.
พอผ่านเช็คพ้อยท์เรียบร้อยเราก็เริ่มเดินเลยนะครับ.
วันที่1
ผมได้ยินมาว่าวันแรกจะใช้เวลาประมาณ4ชม.นะครับ. ช่วงแรกๆทางเดินก็จะประมาณนี้นะครับ. เรียบๆ ยังไม่มีอะไรมากครับ.
ข้างทางนี่จะมีร้านอาหารกับบ้านพักอยู่ตลอดนะครับ. เผื่อใครหิวข้าวก็แวะทานได้ครับ.
มีธงสีๆอยู่ตลอดนะครับ, ส่วนตัวชอบมากๆ
ตามปกติแล้ววันแรกที่เดิน Poon hill ส่วนใหญ่คนจะเดินไปพักที่หมู่บ้าน Tikhedhunga (ความสูงที่1,480 เมตร) ครับเพื่อเตรียมตัวเดินบันได 3พันขั้นไปยังหมู่บ้าน Ulleri(ความสูง 1,960เมตร) ในวันที่2 แต่ตัวผมไม่รู้คิดไง ตัดสินใจที่จะไป Ulleri ตั้งแต่วันแรก หวังว่าวันที่2จะได้พัก5555
พอผ่าน Tikhedhunga มา(ผมใช้เวลาประมาณ3ชม.ครึ่ง) เราก็จะเริ่มเจอบันไดกันนะครับ. เหมือนเดินไปเรื่อยๆแบบไม่สิ้นสุด5555.
*บันไดประมาณนี้นะครับ
บ้านพักส่วนใหญ่อาหารจะเหมือนกันหมดนะครับ แต่มาเนปาลแล้วที่จะพลาดไม่ได้คือ Dal bhat ครับ.
*Dal bhat นี่กินหมดเค้าจะมาเติมข้าวให้เรื่อยๆนะครับ ฟรีด้วย เรียกว่ากินจนกว่าจะอิ่มจริงๆ
วันที่2
ผมออกเดินประมาณ8โมงเช้าครับ. ตื่นมา6โมงชมวิวนิดหน่อย, กินข้าว แพ็คของ แล้วก็ออกเดินครับ. วันที่สองส่วนใหญ่จะเป็นเดินในป่านะครับ. ใช้เวลาประมาณ 4-5ชม. ไปยังหมู่บ้าน Ghorephani (ความสูง2,860เมตร)
ทางเดินจะมีทั้งขึ้นทั้งลงครับ. แต่เพราะว่าเดินในป่า ทำให้ลมพัดเย็นสบาย ไม่ค่อยรู้สึกร้อนหรือเหนื่อยมากครับ.
*ทางจะประมาณนี้ครับ.
*อันนี้เป็นวิวจากบ้านพักครับ
วันที่3
วันนี้ผมออกเดินตั้งแต่ตี4เพราะว่ากลัวขึ้นไปแล้วคนจะเยอะครับ. อยากไปเอนจอยวิวแบบคนน้อยๆซักพัก. เวลาเดินก็ต้องเปิดไฟโทรสับไปครับ เพราะว่ามันมืดมากๆ. เดินมาประมาณ 1ชม.ก็มาถึงครับ
Poon hill
วิวก็อลังมากเลยครับ, โชคดีมากที่ไม่มีหมอก.
พอชมวิวเสร็จผมก็รีบลงไปกินข้าวที่บ้านพักครับ. เพราะว่าวันนี้เราต้องเดินลงไปยังที่หมู่บ้าน Ghandruk(ความสูง 1,940 เมตร) ซึ่งผมออกมาเห็นแค่ป้ายก็ท้อละครับ55555. เพราะว่ามันเขียนไว้7ชม. (จะเดินผ่านหมู่บ้าน Tadapani ในตอนกลางวันครับ)
*ส่วนใหญ่พวกป้ายนี้เวลาเดินจะนับจากคนท้องถิ่นนะครับ, แน่นอนนักท่องเที่ยวอย่างเรา ต้องบวกเพิ่มครับ.
ทางสำหรับไป Ghandruk นี่โหดพอสมควรครับมีทั้งขึ้น ทั้งลง.
โดยเฉพาะทางลงครับ, เดินลงจนเข่าปวด555
*เรื่องรองเท้าเดินเขานี่สำคัญเหมือนกันนะครับ, ควรใส่รองเท้าที่เดินสบายและควรใส่รองเท้านั้นเดินเล่นก่อนที่จะมาเดินเขาครับ เพื่อเป็นการปรับเท้าไปในตัว.
วันที่4
วันสุดท้ายก็ไม่มีอะไรมากครับ , เตรียมตัวกลับเมือง Pokhara.
*อันนี้เป็นวิวตอนตื่นเช้านะครับ, สวยใช้ได้เลยทีเดียว.
*ข้างในก็นั่งอัดๆกันครับ
สรุปทริปนี้นะครับ สำหรับผมคิดว่ามาเดินเองง่ายพอสมควรครับ, คือทางมีคนเดินผ่านตลอดครับ หลงยากมาก, แล้วก็มีบ้านพักหรือร้านอาหารตลอดครับ.
ผมก็อยากให้ทุกคนที่ได้มาเนปาลแล้วมีเวลา ลองไปเดิน Poon hill trek กันดูนะครับ ใช้เวลาไม่มากแล้วก็รับรองว่าวิวสวยคุ้มกับที่เหนื่อยแน่นอนครับ.
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้