[CR] รีวิว ABC (Annapurana base camp,Poonhill, เส้นทาง Mardi Himal!) เดิน 11 วัน

คือว่าเรา กลับมาแล้ว 2 อาทิตย์ หลังจากเครื่อง Landed ที่ไทย ก็เหมือนกลับมาใช้กรรมทำงานแบบสับไม่หยุดไปเลย กว่าจะเริ่มตกตะกอนต่างๆ อยากจะนั่งติดเก้าอี้พิมอะไรมีสาระนี่มันยืดยาด มันยังคงคิดถึงการเดินทางสมบุกสมบัน เหมือนกับว่าใจยังไม่อยากยอมรับว่า งงงงง ทริปมันจบไปแล้วววว !! แต่โอเค๊ ตอนนี้เริ่มชินหน่อยๆกับอาการของ post-travel depression ก็เลยว่าจะมาฝอยให้อ่านนี่แหละ
ยาวหน่อยนะ สำหรับรีวิวนี้ ส่วนเรื่องราว Detail ต่างๆ เราตั้งใจจะเขียนเป็นหนังสือเล่นๆ เอาไว้อ่าน เอาไว้ฝากติดตามกันด้วย ไปกดติดตามไว้ที่ เพจ  https://www.facebook.com/wannagotoMars
เริ่มเลออออ!  

เราเริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับ ABC ก่อนหน้าที่จะไป 7-8 เดือน โดยช่วงเวลาที่กำหนดไว้คือ 8 เมษายน เนื่องจาก ติดกับวันหยุดยาว และ ลาหลักๆแค่ อาทิตย์เดียว และ คิดว่าอากาศน่าจะค่อนข้างโอเค มีร้อน ในเมือง หนาวบนภูเขา มีดอกไม้ และความเขียว น่าจะมีแอ่งหิมะพอสวยงาม โดยการหาอ่านรีวิวทั้งหมดเกี่ยวกับการเดินทาง และ หาทีมไกด์ ต่างๆ เราใช้เวลาในการคุยกับไกด์ และ บริษัทนำเที่ยวเยอะมาก ขอแผนการเดินทางและค่าใช้จ่ายต่างๆมาเปรีบบเทียบกันมากมาย จนสุดท้ายแล้วก็ได้เป็นไกด์ท้องถิ่นที่จัดทริปเองด้วย มีลูกหาบใน connection และที่สำคัญ นำเที่ยวเองด้วย เออ โอเค แล้วราคา สมเหตุสมผล! และไม่ต้องมัดจำ สัญญาใจๆไปเล๊ยย ดูซิ ใครจะแกงใครก่อน โดยเพื่อนร่วมทริปของเราก็มีกันทั้งหมด 4 คน.
การทำ VISA เข้า Nepal จะไปทำ On arrival ก็ได้จ้าแล้วแต่สะดวก แต่ขอบอกว่าเตรียมไปเลยง่ายกว่าเพราะต้องรอคิว ต่อแถวยาวเหมือนกัน และ เราไม่รับความเสี่ยงกับที่ใหม่ๆ ใดๆ ฮ่าๆ
 
1.เอกสารวีซ่า มีแค่รูปถ่าย / Passport ตัวจริง และ ต้องกรอกใบสมัครผ่านออนไลน์ ตรงนี้ดูรายละเอียดดีๆ เพราะนี่ก็บ้งตั้งแต่กรอกผิดไป 3 รอบ
2.ค่าทำวีซ่าท่องเที่ยว 15 วัน 1000 บาท https://nepaliport.immigration.gov.np/onlinev.../application
3.CCMC เป็นเอกสารเข้าประเทศNepal ในสถานการณ์โควิดhttps://ccmc.gov.np/arms/person_add_en.php
4.เอกสารการฉีดวัคซีนเป็น ภาษาอังกฤษ 2 เข็มขึ้นไป สามารถขอได้ใน App หมอพร้อม มันจะส่งมาให้ในอีเมลล์
5.กรอก เอกสาร Thai pass และ Test and Go ( ใครไปหลัง 1 พค คิดว่าน่าจะไม่ต้องละ)
6.เตรียมรูปถ่ายขนาด passport สำหรับซื้อซิมโทรศัพท์ที่โน้น แต่ถ้าให้สะดวก จัดการเรื่อง package sim จากที่ไทยไปเลย จบ ถ้าไปซื้อซิมที่โน้น ก็ค่าซิม 400 เนปาลรูปี แล้วก็ต้องเติมเงินซื้อเนทอีก ประมาณ 1000 รูปี รวมๆแล้วก็ประมาณ 390บาทนิดๆ สมัครแพคเกจเนท แบบ unlimited ฮ่าๆ คนไทยหิวเน็ท แต่ของเราคนรักสบายและขี้เกียจเปลี่ยนซิมสมัครไปจากไทยเลย แพคเกจ 7 วัน 2 รอบ 399 x 2 เป็น 798 แบบแกรนด์ๆ
7.ซื้อประกันการเดินทาง เราซื้อของไทยวิวัฒน์ 961 บาท
8. แลกเงินไทย เป็น USD ด้วย เราจะเอาไปแลกที่โน้นอีกที เป็น Nepal rupee
 
ส่วนค่าทริป รวมโรงแรมทุกคน อาหารระหว่างการtrek ไกด์ ลูกหาบ หมดแล้ว เรา Request โรงแรมคืนแรก และคืนหลังจาก trek ได้จ้า
 
เน้นย้ำว่าเอกสารทุกอย่างควรปริ้นออกมาเน้ออ

สำหรับตั๋วเครื่องบิน เรารีบจองก่อนไป 2 เดือน สรุป โดน Canceled จ้า เลยต้องจองใหม่ เอ้าสรุปบินกับ Nepal airline ถูกกว่าเดิม แถมบินตรงด้วย! มาในราคา 15,775 บาท รวมประกันโดน Canceled แต่รอบเเรกโดนไป 16,440 ซึ่งเราจองผ่าน Agency เพราะฉะนั้นการคืนตังจะโดนหักค่าธรรมเนียมด้วย และ ก็ช้ามากกว่าจะได้คืน แถมตอนนี้ ขากลับก็ยังไม่ได้คืนจ้า เพราะฉะนั้น ซื้อประกันตั๋วด้วยช่วงปีนี้ เพราะนางไม่แน่ไม่นอนเด้อ
ต่อมาเรื่องของอุปกรณ์ เนื่องจากนี่เป็นคน ที่เดินป่าแล้วซื้อแต่ของถูก และใช้มันอย่างสมบุกสมบัน พอมาทริปนี้มันเดินระยะไกล และเดินทุกวัน เลยคิดว่าอาจจะต้องลงทุนอย่างน้อยๆก็รองเท้า และ เป้ ซึ่งสำหรับเราเราไม่ซื้อแพงมานะ คือไปที่ Decathlon เลย เอาที่แบบเหมาะกับเรา และ ซื้อของเพิ่มอีกนิดหน่อย แบบพวกเสื้อระบายเหงื่อ, เสื้อกันลม กัน ฝน ส่วนอื่นๆ เช่น ยา ข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัว ส่วนขนมใครจะไปซื้อที่โน้นก็ได้นะ ราคาถูกกว่า. อะ มาเริ่มจะแจกแจงให้เป็นวันๆเลยละกัน

DAY 1 เดินทางจาก Bangkok ไป ยัง Kathmandu
แม่...คนจากประเทศไทยเยอะมาก อาจจะเป็นเพราะว่ามันมีแค่ Nepal air line บินแค่อาทิตย์ละวันไปเนปาล ทำให้เวลาที่เผื่อไว้ 2 ชั่วโมงแทบจะไม่พอหาอะไรรองท้องก่อนขึ้นเครื่องด้วยซ้ำ, จะมีเจ้าหน้าที่ checkin counter จะคอยเช็คเอกสารการฉัดวัคซีนตอนเราโหลดกระเป๋า ปริ้นเอกสารด้วยนะย้ำอีกที! พวกเราใช้เวลา 3 ชั่วโมงครึ่ง บินตรงสู่เนปาล มีอาหารหนึ่งมื้อ และ ไม่รวม 1 ชั่วโมง delay จุกๆ = =; จากนั้น พอถึงที่สนามบิน Tribhuvan international airport เราก็รีบจัดการยื่นเอกสารที่เราเตรียมมาจะ มี CCMC และ ผ่านจุดตรวจ ตม. อย่างราบรื่น ก่อนที่จะไปรับกระเป๋า ซึ่ง!! ตอนนี้ต้องดูดีๆ และระมัดระวังเป็นพิเศษเด้อ เพราะว่าจะมีคนที่ดูแลกรุ๊ปทัวร์จะคอหยิบกระเป๋าให้ลูกทริปเค้า ซึ่งนั้น อาจจะเป็นกระเป๋าเราก็ได้จ้า ฮ่าๆ . จากนั้นด้วยความที่ว่านี่รีบ อยากหาคนขับรถให้เจอ เพราะว่าไฟล์ทเรา delay มา 1 ชั่วโมง และ คิดเอาเองว่า เออ ตรงที่คนมาถือป้ายรอเราน่าจะมีบริการซิมโทรศัพท์และจุดแลกเงิน เลยเดินดุ่ยๆ ออกมานอกสนามบิน สุดท้าย เอ้าาาา ไม่มี เพราะจุดซื้อซิมและแลกเงินต่างๆ จะอยู่บริเวณที่เราออกจากประตูเลื่อนหลังจากที่เรารับกระเป๋าเสร็จทั้งหมด เพราะฉะนั้นใครไปก็จัดการไปตั้งแต่ตรงนั้นเลย. เราเจอคนขับรถมารอรับและเค้าก็รับเราไปที่โรงแรมใกล้ๆกับย่านตลาด Thamel สิ่งแรกที่ Amazing เลยก็คือการขับรถของคนที่นี้ เอาจริงๆคือ สุดยอดแห่งความวัดใจ ไฟแดงใช้ไม่ได้ และก็บีบแตรตลอดเวลา ปาดซ้ายปาดขวากันแบบ ว้าวซ่า แต่ก็ถึงโรงแรมโดยสวัสดิภาพ เราเป็นคนเดียวที่แลกเงินกับเจ้าของโรงแรม ณ ตรงนั้น เพื่อเอาไปใช้จ่ายยามค่ำคืนก่อน.โรงแรมที่ไกด์จัดไว้ให้ก็ถือว่าดีไม่ได้แย่. คืนนั้นพวกเราก็ออกไปเดินรอบๆตลาด Thamel เราไปถึงก็ค่ำแล้ว ร้านต่างๆก็ปิดหมด ยกเว้นร้านเหล้าจ้า ก็ตามนั้นเลย เห็นแสงสีวิบๆวับๆเป็นไม่ได้ ต้องเดินเข้าไปเยี่ยมเยียน ดื่มกันพอประมาณในระดับหนึ่ง เพราะพรุ่งนี้จะมีรถมารับเรากันแต่เช้าเพื่อไป Pokhara.ร้านที่อยากแนะนำคือ Shisha Lounge and Bar และ Tome & Jerry pub เหล้าเบียร์คือราคาถูกกว่ามากก็ถ้าไม่ติดว่าต้องตื่นเช้าก็คงจัดไปแล้ว non-stop และอาหารเนปาลที่ได้กินเป็นมื้อแรกก็จัดไปเลย Chicken Momo.

DAY 2 เดินทางจาก Kathmandu ไป Pokara
ทุกคน… ถ้ามีตัง รบกวนเครื่องบินที อีกหนึ่งการเดินทางที่โคตรเปลืองเวลาชีวิต 555 เพราะมันคือการนั่งรถ เป็นระยะเวลา 7-8 ชั่วโมง เลาะผ่านรอบเขา เพราะสภาพภูมิศาสตร์ของประเทศนี้มันคือภูเขาแหละ พร้อมกับการขับรถแบบสุดโต่งของพี่เนปาลกับแยกวัดใจ และโค้งวัดดวง ยังไม่รวมฝุ่นเอยอะไรเอยแต่โชคดีหน่อยที่ออกเร็ว รถจึงไม่ค่อยติดมาก จะมีแค่ช่วงแรกๆที่เรียกได้ว่า นรกจ้าา. แต่เนื่องจาก 1 ในสมาชิกเรานำยาแก้เมารถมา ทุกคนจึงพร้อมใจกันกินและ นั้นแหละ คือการวางยานอนหลับ ที่ไม่รู้สึกตัวอีกเลย ยันถึงจุดพักอาหารเที่ยงซึ่งถ้าใครไม่อยากรู้สึกตัวเลยโยกเยกไปมาระหว่างนั่งรถ แนะนำเลยว่า กินยาหลับไปเลยจ้า.

พอมาถึง Pokhara สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือความสวยงามของเมือง ความสะอาดสะอ้านผิดหูผิดตา มีคาเฟ่เยอะมาก และร้านอุปกรณ์เดินป่าก็เยอะไม่แพ้กัน พวกเราจัดการซื้อซิมกัน และเติมอินเตอร์เนทเรียบร้อย ก็หวังว่าจะได้เดินเล่นสักหน่อยในเมือง แต่เราไม่ได้หยุดที่นี่จ่ะ เพราะพี่ไกด์เราที่คุยกันมาเนิ่นนานกว่า 6 เดือน ก็มาเจอเราจัดที่พักไว้ให้เราที่ Homestay ไกลออกไปอีกจากตัวเมืองประมาณ 1 ชั่วโมงกว่า ซึ่งเป็นหมู่บ้านในหุบเขาที่เราจะต้องไปหยุดนอน 1 คืน.

คือ มันไกลมากเว้ยจากตัวเมืองและทางขึ้นก็คือเขย่ารถขั้นสุด และมันก็เป็นบ้าน Homestay ที่แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติ และนาขั้นบันไดต่างๆ มีความจังหวัดน่าน หนึ่ง! ทางพี่ไกด์ ก็ตามเรามาอธิบายความเป็นมาต่างๆ ความเชื่อทางวัฒนธรรมทางพุทธ และ ฮินดู เดินดูรอบๆหมู่บ้านฟีลแบบทัศนศึกษาอีกหนึ่ง! ให้เห็นถึงวิถีของชาวบ้านที่นี่ ส่วนอาหารค่ำก็คือ Dal bhat ก็จะมาเป็นเซทๆ มีผักโขม มันฝรั่งทอดอันนี้อร่อย แกงแพะ ข้าว และซุปถั่วเขียว.

DAY 3 อยู่ที่ Homestay!
แพลนวันนี้ไม่มีอะไรมากเลย เป็นวันที่เราได้อยู่นิ่งๆ กินอาหารพื้นบ้านของคนในหมู่บ้านแบบง่ายๆ ซึ่งวันนี้ก็ถือว่าเป็นวันว่างที่เราอยู่นิ่งๆท่ามกลางธรรมชาติ มีไปเดินรอบๆ ช่วยคุณพ่อของไกด์แบกหญ้ามาให้ควายกินนิดหน่อย ไปเล่นน้ำตกนิดนึง และ นั่งเม้า อัพเดทชีวิต ซึ่งจะบอกว่าเรา ทั้ง 4 คนนั้น ไม่ได้รู้จักกันหมดทุกคน จะมีแค่เรากับเพื่อน ผู้หญิงจากมหาวิทยาลัย ชือ่เฟิร์น และ น้องผู้ชายอีก2 คน เกท กับ อาร์ต ที่เป็นเพื่อนกัน และรู้จักกันตอนเดินป่าไทย ก็จากอีเพจ https://www.facebook.com/MOVEPA.official/นั้นแหละ. ส่วนห้องน้ำน่ะหรอ ไม่มีน้ำอุ่น และ นั่งยองๆ แต่จะว่าไปที่บ้านสะอาดมากเลยนะ. ส่วนกลางคืนโดยปกติจะมีชาวบ้านมาร้องรำทำเพลงให้เราดูเป็น Traditional ฟีลรอบกองไฟ แต่ดันฝนตก กิจกรรมนี้เลยต้องพักก่อน.\


DAY 4 Trekking in Poon Hill Area: จาก Home stay ไป Ulleri และเดินไป Ghorepani
เริ่มละวันนี้! วันแรกของการเดิน หลังจากที่นั่งเกาเท้ามานานหลายวัน เราตื่นขึ้นมาดูหมอกยามเช้า และวิวภูเขา พร้อมกับพิธี Tika เป็นเหมือนพิธีดั่งเดิมของชาวเนปาลสำหรับการเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ เหมือนเป็นการให้ขวัญให้พรจากญาติผู้ใหญ่นั้นแหละ ก็จะมีข้าวกับน้ำแดงๆ แปะเป็นการอวยพรที่หน้าผาก พร้อมกับผ้ามนต์ตราที่มีบทสวดมนต์ให้ไปผูกที่ ABC และหมวก Nepali จบพิธีเราเดินทางจาก Homestay ผ่าน Pokhara ไปถึงจุดเริ่มเดิน คือ Ulleri เรานั่งรถผ่านจุดที่คนเดินมาเยอะพอสมควร โดยใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง เพราะทางไกด์เราเห็นว่ามันไม่ได้มีอะไรให้ดูมาก ซึ่งพวกเราต่างก็เห็นด้วยเพราะก็ไม่อยากเดินขนาบไปกับรถที่สวนไปมา พร้อมกับฝุ่นที่คลุ้งไปหมด จากนั้นเราก็เดินไปชิวๆกัน ถึง Ghorepani Poon hill ที่ความสูง 2,874เมตร (Ghore : ม้า / Pani : น้ำ ในภาษา Nepali) เป็นเส้นทางที่ม้าขนน้ำ ก็เลยชื่อนี้ตรงตัว ส่วน poon คือชื่อของชนเผ่าพื้นเมืองที่อาศัยที่นี่ และ ด้วยความสูงแค่ 3210 m ก็เป็นได้แค่ Hill นะจ๊ะ ไม่ช่ Mountain เพราะจะเป็น Mountain ได้ต้องมีความสูงตั้งแต่ 6,000 m ขึ้นไป และได้รับการสำรวจ และตั้งชื่ออีกด้วย!
เส้นทางการเดินวันแรกไม่มีอะไรมาก เน้นบันไดชันๆ, มีหูอื้อๆ ตึงๆเหมือนขึ้นเครื่องบิน ทางไกด์จะจัดการเตรียมอาหาร และเครื่องดื่มตามจุดพักต่างๆ อากาศยังร้อน อยู่แนะนำว่า Airsm คือดีควรนำติดไปด้วยจ้า พอถึงที่พักของการเดินวันแรกก็ถือว่าดีเลยเป็นโรงแรมดีๆ ที่ไม่ใหญ่มาก มีน้ำอุ่นและห้องน้ำในตัว อาหารโอเค และมี เตาเผา Heater อยู่กลางร้านตรงห้องอาหาร,ในส่วนของน้ำเปล่า และ เบียร์ ยังซื้อดื่มได้ชิลๆ เพราะยังไม่แพงมาก! สรุปการเดินวันแรกอยู่ที่ ประมาณ 5 ชั่วโมง.

ชื่อสินค้า:   เดินเขา ABC
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่