สวัสดีครับ กระทู้นี้ผมจะขอรีวิวบัตรเครดิต Apple Card ซึ่งผมได้เชิญให้สมัครเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ก่อนจะเปิดให้คนทั่วไปได้สมัครในวันนี้ ซึ่งวิธีสมัครก็ไปหาได้ใน google ได้เลยนะครับ สำหรับในอเมริกาต้องมีหมายเลขประกันสังคม เพื่อทางธนาคารจะได้ไปเช็คเครดิตสกอร์ก่อนจะอนุมัติบัตรเครดิต
ข้อดีของ Apple Card
- คืน 1% เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต Apple Card
- คืน 2% เมื่อใช้จ่าย Apple Card ผ่านแอป Apple Pay
- คืน 3% เมื่อจ่าย Apple Card ผ่านแอป Apple Pay และเป็นการซื้อสินค้าหรือบริการของ Apple โดยตรง, ใช้ชำระ Uber หรือ Uber Eats ผ่าน Apple Pay
- ไม่มีค่าธรรมเนียมรายปี
- ไม่มีค่าธรรมเนียมการใช้จ่ายต่างประเทศ No foreign transaction fee
หลังจากสมัครเสร็จถ้าอนุมัติก็จะได้รับเมลล์ตอบกลับทันที พร้อมทั้งสามารถซื้อสินค้าผ่าน Apple Pay ได้ทันที
Apple Card จะโชว์ใน Wallet ซึ่งเราสามารถใช้ได้เลย
รายละเอียดของบัตร เราสามารถเข้าไปดูวงเงิน ดอกเบี้ย ตั้งค่าการชำระเงิน รวมทั้งรายละเอียดต่างๆ ได้เลยครับ
รายละเอียดวงเงินบัตร ดอกเบี้ย ช่องทางการติดต่อ CC หมายเลขบัตรเครดิต หมายเลข exp. หมายเลข CCV เราสามารถรู้ได้เลยตอนอนุมัติบัตร ซึ่งหมายเลขนี้เราสามารถใช้ในการซื้อของออนไลน์ได้เลยครับ
ผมลองซื้อสินค้าโดยใช้ Apple Card ชำระออนไลน์ ซึ่งสีของบัตรใน Wallet จะเปลี่ยนไป
กดเข้าไปดูรายละเอียด สีของบัตรจะเปลี่ยนไปด้วย ซึ่งการซื้อของออนไลน์จะได้ cashback 1%
เราสามารถจ่ายเต็มจำนวน หรือจ่ายบางส่วนได้ ซึ่งถ้าจ่ายเต็มจำนวนไม่มียอดค้าง ตัวบัตรจะเปลี่ยนสีกลับไปสีขาวเหมือนเดิม
ครบสัปดาห์ เราสามารถเข้าไปดูสรุปยอดค่าใช้จ่ายได้ด้วยครับ
ส่วน cashback จะโอนอัตโนมัติไปที่ Apple Cash เลยครับ ซึ่งเราสามารถใช้ซื้อของ หรือโอนเข้าบัญชีธนาคารก็ได้ครับ
หลังจากสมัครไปไม่เกิน 1 สัปดาห์ ก็ได้รับบัตรแล้วครับ
ตัวบัตรทำจากไทเทเนียม มีแค่ชื่อ นามสกุล ไม่มีหมายเลขบัตร หรือ CCV ตัวบัตรทำออกมาสวยมากครับ น้ำหนักอยู่ประมาณ 15g
ผมขอเทียบบัตรเครดิตที่เป็น metal card ที่ผมมีอยู่นะครับ เรียงจากน้ำหนักมากไปหาน้อย
AmEx Platinum 18g
Capital One Venture 16g
Apple Card 15g
AmEx Marriott Bonvoy Brilliant 15g
Chase Amazon Prime 13g
Chase IHG Premier 13g
Chase Sapphire Preferred 13g
Wells Fargo Propel AmEx 10g
สรุป Apple Card ถือว่าเป็นบัตรที่ใช้งานได้ง่าย แต่ถ้าเทียบกับบัตรอื่นๆในอเมริกา ผมว่า benefit ยังไม่ดีเท่าไหร่ครับ
[CR] รีวิวบัตรเครดิต Apple Card และเปรียบเทียบน้ำหนักบัตรกับบัตรอื่นๆ ที่มีในอเมริกา
ข้อดีของ Apple Card
- คืน 1% เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต Apple Card
- คืน 2% เมื่อใช้จ่าย Apple Card ผ่านแอป Apple Pay
- คืน 3% เมื่อจ่าย Apple Card ผ่านแอป Apple Pay และเป็นการซื้อสินค้าหรือบริการของ Apple โดยตรง, ใช้ชำระ Uber หรือ Uber Eats ผ่าน Apple Pay
- ไม่มีค่าธรรมเนียมรายปี
- ไม่มีค่าธรรมเนียมการใช้จ่ายต่างประเทศ No foreign transaction fee
หลังจากสมัครเสร็จถ้าอนุมัติก็จะได้รับเมลล์ตอบกลับทันที พร้อมทั้งสามารถซื้อสินค้าผ่าน Apple Pay ได้ทันที
Apple Card จะโชว์ใน Wallet ซึ่งเราสามารถใช้ได้เลย
รายละเอียดของบัตร เราสามารถเข้าไปดูวงเงิน ดอกเบี้ย ตั้งค่าการชำระเงิน รวมทั้งรายละเอียดต่างๆ ได้เลยครับ
รายละเอียดวงเงินบัตร ดอกเบี้ย ช่องทางการติดต่อ CC หมายเลขบัตรเครดิต หมายเลข exp. หมายเลข CCV เราสามารถรู้ได้เลยตอนอนุมัติบัตร ซึ่งหมายเลขนี้เราสามารถใช้ในการซื้อของออนไลน์ได้เลยครับ
ผมลองซื้อสินค้าโดยใช้ Apple Card ชำระออนไลน์ ซึ่งสีของบัตรใน Wallet จะเปลี่ยนไป
กดเข้าไปดูรายละเอียด สีของบัตรจะเปลี่ยนไปด้วย ซึ่งการซื้อของออนไลน์จะได้ cashback 1%
เราสามารถจ่ายเต็มจำนวน หรือจ่ายบางส่วนได้ ซึ่งถ้าจ่ายเต็มจำนวนไม่มียอดค้าง ตัวบัตรจะเปลี่ยนสีกลับไปสีขาวเหมือนเดิม
ครบสัปดาห์ เราสามารถเข้าไปดูสรุปยอดค่าใช้จ่ายได้ด้วยครับ
ส่วน cashback จะโอนอัตโนมัติไปที่ Apple Cash เลยครับ ซึ่งเราสามารถใช้ซื้อของ หรือโอนเข้าบัญชีธนาคารก็ได้ครับ
หลังจากสมัครไปไม่เกิน 1 สัปดาห์ ก็ได้รับบัตรแล้วครับ
ตัวบัตรทำจากไทเทเนียม มีแค่ชื่อ นามสกุล ไม่มีหมายเลขบัตร หรือ CCV ตัวบัตรทำออกมาสวยมากครับ น้ำหนักอยู่ประมาณ 15g
ผมขอเทียบบัตรเครดิตที่เป็น metal card ที่ผมมีอยู่นะครับ เรียงจากน้ำหนักมากไปหาน้อย
AmEx Platinum 18g
Capital One Venture 16g
Apple Card 15g
AmEx Marriott Bonvoy Brilliant 15g
Chase Amazon Prime 13g
Chase IHG Premier 13g
Chase Sapphire Preferred 13g
Wells Fargo Propel AmEx 10g
สรุป Apple Card ถือว่าเป็นบัตรที่ใช้งานได้ง่าย แต่ถ้าเทียบกับบัตรอื่นๆในอเมริกา ผมว่า benefit ยังไม่ดีเท่าไหร่ครับ