.
.
เต่ายักษ์ Galapagos Ⓒ Niccie King/Flickr
.
.
หมู่เกาะ
Galapagos
อยู่นอกชายฝั่งตะวันตกของ
Ecuador คือ
ขุมสมบัติตัวอย่างระบบนิเวศที่เป็นเอกลักษณ์
เพราะตัวเกาะมีความโดดเดี่ยวอย่างมาก
และสภาพภูมิอากาศที่เอื้ออำนวย
ต่อการพัฒนาสายพันธุ์สัตว์หลายชนิด
ที่มีวิวัฒนาการเป็นลักษณะเฉพาะ
ที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของพวกมัน
Iguana กลายเป็นสัตว์เลื้อยคลาน
ที่อาศัยอยู่ในดินแดนแห่งนี้ที่มีวิวัฒนาการ
เรียนรู้วิธีการว่ายน้ำและสามารถหาอาหาร
ในทะเลแตกต่างจากอีกัวน่าทั่วไป
นกหลายชนิดที่สูญเสีย
ความสามารถในการบิน
และแทบจะถูกกักตัวไว้ที่เกาะ
และที่แปลกไปกว่านั้นคือ
นกเพนกวินกาลาปากอส
ซึ่งแตกต่างจากญาติทางตอนใต้ของพวกมัน
เพราะพวกมันได้เรียนรู้การอยู่กับ
ฤดูร้อนบนเกาะสวรรค์เขตร้อนอันไม่รู้จบนี้
แต่สถานที่น่าสนใจมากที่สุด
คือ เต่ายักษ์เปลือกสีเทา
ที่อุ้ยอ้ายและมีอายุยืนมาก
หนึ่งในผู้อยู่อาศัยที่รู้จักกันดีที่สุด
และมากที่สุดของหมู่เกาะกาลาปากอส
ในช่วงปลายศตวรรษที่ 20
เต่ายักษ์กาลาปากอสกำลังใกล้จะสูญพันธุ์
จากจำนวนมากกว่า 250,000 ตัว
ในศตวรรษที่ 16 ลดลงเหลือเพียง 3,000 ตัว
ในปี 1970 ที่มีการสำรวจครั้งล่าสุด
เต่ายักษ์ส่วนใหญ่ถูกล่าโดยมนุษย์
เพื่อนำไปเป็นเสบียงอาหาร/ทิ้งไว้บนเรือ
เพราะเต่ายักษ์เคลื่อนไหวช้ามาก
และป้องกันตนเองจากนักล่าไม่ได้
ดังนั้น คนเราจึงล่าพวกมันได้ง่ายมาก
และนำขึ้นเรือไปเป็นเสบียงอาหาร
แบบไม่ต้องมีตู้เย็น/ตู้แช่แข็งแล้วขังไว้บนเรือ
พวกเต่าก็สามารถอยู่รอดได้เป็นเวลาหนึ่งปี
โดยไม่จำเป็นต้องกินอาหารใด ๆ
ดังนั้นจึงกลายเป็นเนื้อสดให้กับลูกเรือ
คนที่เคยกินเนื้อของเต่ายักษ์บรรยายว่า
“ มันเป็นอาหารที่อร่อยที่สุดเท่าที่เคยชิมมา ”
กัปตันกองทัพเรือสหรัฐฯคนหนึ่งประกาศว่า
“ หลังจากชิมเต่ากาลาปากอสแล้ว
อาหารจากสัตว์ชนิดอื่นสู้ไม่ได้เลย ”
แม้กระทั่ง
Charles Darwin
ผู้เขียนหนังสือวิวัฒนาการ ยังยอบรับว่า
" เนื้อเต่ารสชาติดีมาก
ยิ่งเต่าอายุน้อย ๆ เอามาทำซุป
รสชาติยอดเยี่ยมเลย ”
.
.
ในต้นศตวรรษที่ 19
ผู้คนต่างเริ่มสร้างอาณานิคม
บนหมู่เกาะกาลาปากอส
ประชากรเต่ายักษ์ก็ลดลงอย่างรวดเร็วมาก
เพราะนอกเหนือจากการที่คนล่าสัตว์
อย่างตามอำเภอใจแล้ว/ล่าได้สะดวกมาก
คนยังนำสายพันธุ์สัตว์ที่รุกราน
เข้าไปในเกาะ เช่น แพะ หมู ลา แมว ฯลฯ
สัตว์พวกนี้ต่างทำลายระบบนิเวศบนเกาะ
ที่แสนเปราะบาง/ไร้ศัตรูผู้รุกรานมาก่อน
แต่ผู้รุกรานที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
ในบรรดาสัตว์แปลกปลอมเหล่านี้ คือ
ฝูงแพะ ที่นำมาในปี 1970
สัตว์กินพืชที่ดูไม่น่าจะเป็นอันตรายเหล่านี้
ต่างกินพืช/ต้นไม้ใบหญ้าที่มีอยู่ทุกชนิด
รวมถึงพืชที่หายากที่สุดในโลกบนเกาะแห่งนี้
พวกแพะต่างแย่งชิงกันเป็นจ่าฝูงบนเกาะ
โดยแย่งชิงกับฝูงแพะพันธุ์พื้นเมือง
ที่พวกกะลาสี/โจรสลัดนำมาก่อนหน้านั้น
ฝูงแพะเหล่านี้ต่างผสมกลมกลืน
จนกลายเป็นแพะป่าบนเกาะแห่งนี้
ฝูงแพะต่างแย่งชิงอาหารประเภท
ต้นไม้ใบหญ้าบนพื้นดินทุกหย่อมหญ้า
ที่เป็นทรัพยากรที่หายากบนเกาะแห่งนี้
เมื่อฝูงแพะปล้นหมู่เกาะต่าง ๆ
ทำให้พวกเต่าก็เริ่มหายไป
เพราะเต่าไม่สามารถปืนป่าย
กินใบหญ้าบนต้นไม้ได้เหมือนพวกฝูงแพะ
.
.
.
.
แผนที่หมู่เกาะกาลาปากอส
Ⓒ Peter Hermes Furian / Shutterstock.com
.
.
ในปี 1997
มูลนิธิชาร์ลส์ดาร์วิน (
CDF) ร่วมกับ
ผู้อำนวยการอุทยานแห่งชาติกาลาปากอส (GNPD)
ได้จัดประชุมเชิงปฏิบัติการร่วมกับ
ผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติ
เพื่อพิจารณาความเป็นไปได้
ในการกำจัดแพะภาคเหนือของเกาะ Isabela
ก่อนปี 1997 เกาะที่ใหญ่ที่สุด
ที่มีการกำจัดแพะประสบความสำเร็จ
คือ เกาะ Oaklands ในนิวซีแลนด์
พื้นที่ 49,975 เฮกตาร์ (500 ตร.กม.)
มีแพะ 105 ตัวที่ครอบครอง
พื้นที่ 4,000 เฮกตาร์ (24,988 ไร่/40 ตร.กม.)
อีกสองเกาะใหญ่ที่มีการกำจัดแพะ
ที่ประสบความสำเร็จ คือ Lanai ในรัฐฮาวาย
พื้นที่ 35,000 เฮกตาร์ (218,642 ไร่
หรือ 350 ตร.กม.) ไม่ทราบจำนวนแพะ
เกาะ San Clemente ในรัฐแคลิฟอร์เนีย
มีแพะประมาณ 29,000 ตัว
พื้นที่ 14,800 เฮกตาร์ (92,454.3 ไร่
หรือ 148 ตร.กม.)
ในปี 1995 จึงมีการตัดสินใจกำจัดแพะ
ออกไปจากหมู่เกาะกาลาปากอส
เพื่อปกป้องพืชและสัตว์พื้นเมืองของหมู่เกาะ
โดยใช้วิธีการเชิงรุกในการกำจัดแพะ
ด้วยโครงการนำร่องที่เกาะ
Pinta
แพะจะต้องถูกกำจัดให้หมดสิ้นบนเนื้อที่
5,940 เฮกตาร์ (37,107 ไร่ หรือ 59.4 ตร.กม.)
หมู แกะ ลา จะต้องกำจัดให้หมดสิ้น
จากเกาะ
Santiago บนเนื้อที่
58,465 เฮกตาร์(365,226 ไร่/584.4 ตร.กม.)
อีก 2 ปีต่อมาร่างโครงการ Isabela
จึงเริ่มดำเนินตามแแผนที่ได้วางไว้
แพะ ลา จะต้องถูกกำจัดให้หมดสิ้น
จากเกาะ Isabela บนเนื้อที่
250,000 เฮกตาร์(1,561,728.4 ไร่/2,492 ตร.กม.)
(
หมายเหตุ พื้นที่ไร่และตร.กม ปัดเศษ)
ในปี 1999
โครงการนำร่องฆ่าฝูงแพะ
ได้เริ่มต้นขึ้นที่เกาะ Pinta
ด้วยทีมนักแม่นปืนมือปืนมืออาชีพ
มีแพะเป็นเป้าหมายหลักในการยิงทิ้ง
ด้วยการเดินลาดตระเวนรอบเกาะ
เพื่อไล่ยิง/ฆ่าฝูงแพะบนเกาะ
ส่วนพวกลา และ หมู เป็นเป้าหมายรอง
มีบางคนไล่ยิงฝูงแพะ
จากเฮลิคอปเตอร์ที่บินวนรอบเกาะ
จัดว่าเป็นหนึ่งในโครงการ
ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ส้ตว์ 3 ประเภท
ส้ตว์พวกที่ไม่พึงประสงค์
ที่ก้าวล้ำนำยุคมากที่สุดในเวลานั้น
ภายในเวลาเพียงไม่กี่ปี
แพะกว่า 90 % ก็ถูกกำจัดไปแล้ว
.
.
แต่เมื่อฝูงแพะเริ่มค้นหายากขึ้น
ยากขึ้นกว่าเดิมมาก เพราะมันกลัวภัย
เพราะฝูงแพะที่เหลืออยู่ต่างเรียนรู้
ระมัดระวังพวกนักล่าสัตว์มากกว่าเก่า
พวกมันเริ่มซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้
ถ้ำหรืออุโมงค์ลาวา ที่นักล่ายิงได้ลำบาก
ทำให้จำนวนแพะอีกราว 10% ยังหลงเหลืออยู่
เพื่อให้บรรลุถึงเป้าหมาย
ในการกำจัดแพะได้อย่างหมดจดงดงาม
พวกนักล่าสัตว์จึงใช้
แพะยูดาส
ยูดาส คือ คนทรยศขายพระเยซูให้กับพวกโรมัน
หลังจากร่วมรับประทานอาหารมื้อสุดท้าย
มีคนร่วมในงานเลี้ยงคืนนั้นจำนวน 13 คน
เลข 13 เป็นเลขอาถรรพ์/น่ากลัวกับคนบางคน
แพะเพศเมียจำนวนหนึ่ง (จำนวนไม่กี่ร้อยตัว)
ถูกเตรียมการด้วยการฆ่าเชื้อป้องกันโรค
ทำหมัน ฉีดฮอร์โมนเพื่อกระตุ้นให้เป็นสัด
ที่มีระยะเวลายาวนานกว่าแพะทั่วไป
ติดตั้งปลอกคอติดตามทางวิทยุ
แล้วปล่อยทิ้งไว้ให้เดินลอยชายบนเกาะ
ฝูงแพะเป็นสัตว์สังคม
พวกมันมักจะเดินค้นหาแพะตัวอื่น ๆ
ด้วยสัญชาตญาณ เสียง และกลิ่นสัดตัวเมีย
นักล่าสัตว์ที่ติดตามแพะยูดาส
จึงสามารถยิงฝูงแพะที่เหลืออยู่บนเกาะได้
แต่ไม่ยิงแพะยูดาส เพื่อนำไปใช้งาน
ในการตามหาแพะที่ซ่อนตัว/หลงเหลืออยู่
.
.
.
.
ซากเต่าที่ถูกล่าโดยคน
ที่หมู่เกาะ Galapagos Islands, circa 1903
ⒸLibrary of Congress
.
.
หลังจากที่พวกแพะถูกฆ่าตายแล้ว
ศพพวกมันก็จะถูกทิ้งให้เน่าเพื่อเป็นปุ๋ย
ที่ให้คุณค่าเติมสารอาหารที่แพะกิน
ให้กลับคืนสู่พื้นดินเป็นปุ๋ยธรรมชาติ
" การกำจัดเนื้อสัตว์ออกไปจากเกาะ
จะทำให้สารอาหารเหล่านี้พ้นออกไป
จากเกาะตลอดกาล/ไร้ประโยชน์
มันอาจจะกลายเป็นการล้างผลาญ
เหมือนกับการเอาต้นไม้ 10,000 ต้น
ออกจากไปจากป่าฝนเลยทีเดียว
ควรปล่อยให้ศพแพะย่อยสลายดีกว่า "
Dr. Karl Campbell ผู้จัดการภาคสนาม
หัวหน้าโครงการ Isabela ให้ความเห็น
อย่างไรก็ตามมีแพะจำนวนหนึ่งก็ถูกกำจัด
เข้าไปในท้องของนักล่าสัตว์ล้างเผ่าพันธุ์
มีการส่งแพะยูดาส
มากกว่า 200 ตัวบนเกาะ Santiago
แพะยูดาส 770 ตัวบนเกาะ Isabela
ที่ใหญ่กว่า ภายในระยะเวลา 2 ปี
ในปี 2006
มีจำนวนแพะตามเป้าหมาย
ที่ยังเหลือรอดไว้บนเกาะเหล่านี้ คือ
แพะยูดาส 20 ตัวบนเกาะ Santiago
แพะยูดาส 266 ตัวบนเกาะ Isabela
เพื่อติดตามฝูงแพะที่ยังหลงเหลืออยู่บนเกาะ
ด้วยการยิงทิ้ง/ปล่อยให้ผสมพันธุ์ก็ไม่มีลูก
เท่ากับทำให้จำนวนแพะเพศผู้ทะยอยลดลง
หลังจากมีการกำจัดฝูงแพะ
ออกจากหมู่เกาะกาลาปากอส
พืชพันธุ์ต่าง ๆ ก็ได้รับการฟื้นฟูขึ้น
ต้นไม้เล็ก ๆ เริ่มงอกใหม่จากตอ
เพราะไร้พวกแพะมากัดกินเหมือนเก่า
พันธุ์ไม้พุ่มสูง ต้นกล้าป่า กระบองเพชร
Opuntia และสายพันธุ์พืชเฉพาะถิ่น
ก็เริ่มเพิ่มจำนวนมากขึ้น
ประชากรของหมู่เกาะกาลาปากอสเริ่มเพิ่มขึ้น
และการพยายามอนุรักษ์แบบอื่น ๆ
เช่น การผสมพันธุ์ประชากรเต่ายักษ์
ให้เพิ่มจำนวนมากขึ้นกว่าเดิม
.
.
.
.
.
มุมมอง Alcedo volcano
บนเกาะ Isabela (ซ้าย)
และ Santiago Highlands (ขวา)
ก่อนและหลังการฆ่าแพะ
.
.
โครงการ Isabela คือ
ความพยายามฟื้นฟูหมู่เกาะกาลาปากอส
ครั้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ในทุกวันนี้
ภายในเวลา 7 ปี
แพะมากกว่า 140,000 ตัว
ถูกกำจัดให้หมดไปจากพื้นที่บนเกาะ
5 แสนเฮกตาร์ 3.1 ล้านไร่ (4,998 ตร.กม.)
ใช้เงิน 10.5 ล้านเหรียญสหรัฐ
(ราว ๆ 315 ล้านบาท 30/1)
แพะจำนวน 200-300 ตัว
ชุดสุดท้ายที่กำจัดได้ยากที่สุด
และต้องใช้จ่ายแพงที่สุด
ในการกำจัดทิ้งทั้งหมด
ความสำเร็จของโครงการ Isabela
ทำให้นักอนุรักษ์ได้เปิดตัวโครงการ
กำจัดแพะบนเกาะอีก 3 เกาะ
มีทั้งการล่าสัตว์ทางอากาศ ทางภาคพื้นดิน
พร้อมกับสุนัข กับแพะยูดาสจำนวนหนึ่ง
ทำให้ฝูงแพะอีกหมื่นกว่าตัว
ถูกกำจัดทิ้งช่วงปี 2006 และ 2009
.
เรียบเรียง/ที่มา
http://bit.ly/2z3Gfzv
http://bit.ly/2YRH79P
http://bit.ly/33CFlYT
.
.
.
โครงการ Isabela ใช้แพะกำจัดแพะจากหมู่เกาะ Galapagos
.
เต่ายักษ์ Galapagos Ⓒ Niccie King/Flickr
.
หมู่เกาะ Galapagos
อยู่นอกชายฝั่งตะวันตกของ Ecuador คือ
ขุมสมบัติตัวอย่างระบบนิเวศที่เป็นเอกลักษณ์
เพราะตัวเกาะมีความโดดเดี่ยวอย่างมาก
และสภาพภูมิอากาศที่เอื้ออำนวย
ต่อการพัฒนาสายพันธุ์สัตว์หลายชนิด
ที่มีวิวัฒนาการเป็นลักษณะเฉพาะ
ที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของพวกมัน
Iguana กลายเป็นสัตว์เลื้อยคลาน
ที่อาศัยอยู่ในดินแดนแห่งนี้ที่มีวิวัฒนาการ
เรียนรู้วิธีการว่ายน้ำและสามารถหาอาหาร
ในทะเลแตกต่างจากอีกัวน่าทั่วไป
นกหลายชนิดที่สูญเสีย
ความสามารถในการบิน
และแทบจะถูกกักตัวไว้ที่เกาะ
และที่แปลกไปกว่านั้นคือ
นกเพนกวินกาลาปากอส
ซึ่งแตกต่างจากญาติทางตอนใต้ของพวกมัน
เพราะพวกมันได้เรียนรู้การอยู่กับ
ฤดูร้อนบนเกาะสวรรค์เขตร้อนอันไม่รู้จบนี้
แต่สถานที่น่าสนใจมากที่สุด
คือ เต่ายักษ์เปลือกสีเทา
ที่อุ้ยอ้ายและมีอายุยืนมาก
หนึ่งในผู้อยู่อาศัยที่รู้จักกันดีที่สุด
และมากที่สุดของหมู่เกาะกาลาปากอส
ในช่วงปลายศตวรรษที่ 20
เต่ายักษ์กาลาปากอสกำลังใกล้จะสูญพันธุ์
จากจำนวนมากกว่า 250,000 ตัว
ในศตวรรษที่ 16 ลดลงเหลือเพียง 3,000 ตัว
ในปี 1970 ที่มีการสำรวจครั้งล่าสุด
เต่ายักษ์ส่วนใหญ่ถูกล่าโดยมนุษย์
เพื่อนำไปเป็นเสบียงอาหาร/ทิ้งไว้บนเรือ
เพราะเต่ายักษ์เคลื่อนไหวช้ามาก
และป้องกันตนเองจากนักล่าไม่ได้
ดังนั้น คนเราจึงล่าพวกมันได้ง่ายมาก
และนำขึ้นเรือไปเป็นเสบียงอาหาร
แบบไม่ต้องมีตู้เย็น/ตู้แช่แข็งแล้วขังไว้บนเรือ
พวกเต่าก็สามารถอยู่รอดได้เป็นเวลาหนึ่งปี
โดยไม่จำเป็นต้องกินอาหารใด ๆ
ดังนั้นจึงกลายเป็นเนื้อสดให้กับลูกเรือ
คนที่เคยกินเนื้อของเต่ายักษ์บรรยายว่า
“ มันเป็นอาหารที่อร่อยที่สุดเท่าที่เคยชิมมา ”
กัปตันกองทัพเรือสหรัฐฯคนหนึ่งประกาศว่า
“ หลังจากชิมเต่ากาลาปากอสแล้ว
อาหารจากสัตว์ชนิดอื่นสู้ไม่ได้เลย ”
แม้กระทั่ง Charles Darwin
ผู้เขียนหนังสือวิวัฒนาการ ยังยอบรับว่า
" เนื้อเต่ารสชาติดีมาก
ยิ่งเต่าอายุน้อย ๆ เอามาทำซุป
รสชาติยอดเยี่ยมเลย ”
.
.
ในต้นศตวรรษที่ 19
ผู้คนต่างเริ่มสร้างอาณานิคม
บนหมู่เกาะกาลาปากอส
ประชากรเต่ายักษ์ก็ลดลงอย่างรวดเร็วมาก
เพราะนอกเหนือจากการที่คนล่าสัตว์
อย่างตามอำเภอใจแล้ว/ล่าได้สะดวกมาก
คนยังนำสายพันธุ์สัตว์ที่รุกราน
เข้าไปในเกาะ เช่น แพะ หมู ลา แมว ฯลฯ
สัตว์พวกนี้ต่างทำลายระบบนิเวศบนเกาะ
ที่แสนเปราะบาง/ไร้ศัตรูผู้รุกรานมาก่อน
แต่ผู้รุกรานที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
ในบรรดาสัตว์แปลกปลอมเหล่านี้ คือ
ฝูงแพะ ที่นำมาในปี 1970
สัตว์กินพืชที่ดูไม่น่าจะเป็นอันตรายเหล่านี้
ต่างกินพืช/ต้นไม้ใบหญ้าที่มีอยู่ทุกชนิด
รวมถึงพืชที่หายากที่สุดในโลกบนเกาะแห่งนี้
พวกแพะต่างแย่งชิงกันเป็นจ่าฝูงบนเกาะ
โดยแย่งชิงกับฝูงแพะพันธุ์พื้นเมือง
ที่พวกกะลาสี/โจรสลัดนำมาก่อนหน้านั้น
ฝูงแพะเหล่านี้ต่างผสมกลมกลืน
จนกลายเป็นแพะป่าบนเกาะแห่งนี้
ฝูงแพะต่างแย่งชิงอาหารประเภท
ต้นไม้ใบหญ้าบนพื้นดินทุกหย่อมหญ้า
ที่เป็นทรัพยากรที่หายากบนเกาะแห่งนี้
เมื่อฝูงแพะปล้นหมู่เกาะต่าง ๆ
ทำให้พวกเต่าก็เริ่มหายไป
เพราะเต่าไม่สามารถปืนป่าย
กินใบหญ้าบนต้นไม้ได้เหมือนพวกฝูงแพะ
.
.
.
แผนที่หมู่เกาะกาลาปากอส
Ⓒ Peter Hermes Furian / Shutterstock.com
.
ในปี 1997
มูลนิธิชาร์ลส์ดาร์วิน (CDF) ร่วมกับ
ผู้อำนวยการอุทยานแห่งชาติกาลาปากอส (GNPD)
ได้จัดประชุมเชิงปฏิบัติการร่วมกับ
ผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติ
เพื่อพิจารณาความเป็นไปได้
ในการกำจัดแพะภาคเหนือของเกาะ Isabela
ก่อนปี 1997 เกาะที่ใหญ่ที่สุด
ที่มีการกำจัดแพะประสบความสำเร็จ
คือ เกาะ Oaklands ในนิวซีแลนด์
พื้นที่ 49,975 เฮกตาร์ (500 ตร.กม.)
มีแพะ 105 ตัวที่ครอบครอง
พื้นที่ 4,000 เฮกตาร์ (24,988 ไร่/40 ตร.กม.)
อีกสองเกาะใหญ่ที่มีการกำจัดแพะ
ที่ประสบความสำเร็จ คือ Lanai ในรัฐฮาวาย
พื้นที่ 35,000 เฮกตาร์ (218,642 ไร่
หรือ 350 ตร.กม.) ไม่ทราบจำนวนแพะ
เกาะ San Clemente ในรัฐแคลิฟอร์เนีย
มีแพะประมาณ 29,000 ตัว
พื้นที่ 14,800 เฮกตาร์ (92,454.3 ไร่
หรือ 148 ตร.กม.)
ในปี 1995 จึงมีการตัดสินใจกำจัดแพะ
ออกไปจากหมู่เกาะกาลาปากอส
เพื่อปกป้องพืชและสัตว์พื้นเมืองของหมู่เกาะ
โดยใช้วิธีการเชิงรุกในการกำจัดแพะ
ด้วยโครงการนำร่องที่เกาะ Pinta
แพะจะต้องถูกกำจัดให้หมดสิ้นบนเนื้อที่
5,940 เฮกตาร์ (37,107 ไร่ หรือ 59.4 ตร.กม.)
หมู แกะ ลา จะต้องกำจัดให้หมดสิ้น
จากเกาะ Santiago บนเนื้อที่
58,465 เฮกตาร์(365,226 ไร่/584.4 ตร.กม.)
อีก 2 ปีต่อมาร่างโครงการ Isabela
จึงเริ่มดำเนินตามแแผนที่ได้วางไว้
แพะ ลา จะต้องถูกกำจัดให้หมดสิ้น
จากเกาะ Isabela บนเนื้อที่
250,000 เฮกตาร์(1,561,728.4 ไร่/2,492 ตร.กม.)
(หมายเหตุ พื้นที่ไร่และตร.กม ปัดเศษ)
ในปี 1999
โครงการนำร่องฆ่าฝูงแพะ
ได้เริ่มต้นขึ้นที่เกาะ Pinta
ด้วยทีมนักแม่นปืนมือปืนมืออาชีพ
มีแพะเป็นเป้าหมายหลักในการยิงทิ้ง
ด้วยการเดินลาดตระเวนรอบเกาะ
เพื่อไล่ยิง/ฆ่าฝูงแพะบนเกาะ
ส่วนพวกลา และ หมู เป็นเป้าหมายรอง
มีบางคนไล่ยิงฝูงแพะ
จากเฮลิคอปเตอร์ที่บินวนรอบเกาะ
จัดว่าเป็นหนึ่งในโครงการ
ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ส้ตว์ 3 ประเภท
ส้ตว์พวกที่ไม่พึงประสงค์
ที่ก้าวล้ำนำยุคมากที่สุดในเวลานั้น
ภายในเวลาเพียงไม่กี่ปี
แพะกว่า 90 % ก็ถูกกำจัดไปแล้ว
.
.
แต่เมื่อฝูงแพะเริ่มค้นหายากขึ้น
ยากขึ้นกว่าเดิมมาก เพราะมันกลัวภัย
เพราะฝูงแพะที่เหลืออยู่ต่างเรียนรู้
ระมัดระวังพวกนักล่าสัตว์มากกว่าเก่า
พวกมันเริ่มซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้
ถ้ำหรืออุโมงค์ลาวา ที่นักล่ายิงได้ลำบาก
ทำให้จำนวนแพะอีกราว 10% ยังหลงเหลืออยู่
เพื่อให้บรรลุถึงเป้าหมาย
ในการกำจัดแพะได้อย่างหมดจดงดงาม
พวกนักล่าสัตว์จึงใช้ แพะยูดาส
ยูดาส คือ คนทรยศขายพระเยซูให้กับพวกโรมัน
หลังจากร่วมรับประทานอาหารมื้อสุดท้าย
มีคนร่วมในงานเลี้ยงคืนนั้นจำนวน 13 คน
เลข 13 เป็นเลขอาถรรพ์/น่ากลัวกับคนบางคน
แพะเพศเมียจำนวนหนึ่ง (จำนวนไม่กี่ร้อยตัว)
ถูกเตรียมการด้วยการฆ่าเชื้อป้องกันโรค
ทำหมัน ฉีดฮอร์โมนเพื่อกระตุ้นให้เป็นสัด
ที่มีระยะเวลายาวนานกว่าแพะทั่วไป
ติดตั้งปลอกคอติดตามทางวิทยุ
แล้วปล่อยทิ้งไว้ให้เดินลอยชายบนเกาะ
ฝูงแพะเป็นสัตว์สังคม
พวกมันมักจะเดินค้นหาแพะตัวอื่น ๆ
ด้วยสัญชาตญาณ เสียง และกลิ่นสัดตัวเมีย
นักล่าสัตว์ที่ติดตามแพะยูดาส
จึงสามารถยิงฝูงแพะที่เหลืออยู่บนเกาะได้
แต่ไม่ยิงแพะยูดาส เพื่อนำไปใช้งาน
ในการตามหาแพะที่ซ่อนตัว/หลงเหลืออยู่
.
.
.
ซากเต่าที่ถูกล่าโดยคน
ที่หมู่เกาะ Galapagos Islands, circa 1903
ⒸLibrary of Congress
.
หลังจากที่พวกแพะถูกฆ่าตายแล้ว
ศพพวกมันก็จะถูกทิ้งให้เน่าเพื่อเป็นปุ๋ย
ที่ให้คุณค่าเติมสารอาหารที่แพะกิน
ให้กลับคืนสู่พื้นดินเป็นปุ๋ยธรรมชาติ
" การกำจัดเนื้อสัตว์ออกไปจากเกาะ
จะทำให้สารอาหารเหล่านี้พ้นออกไป
จากเกาะตลอดกาล/ไร้ประโยชน์
มันอาจจะกลายเป็นการล้างผลาญ
เหมือนกับการเอาต้นไม้ 10,000 ต้น
ออกจากไปจากป่าฝนเลยทีเดียว
ควรปล่อยให้ศพแพะย่อยสลายดีกว่า "
Dr. Karl Campbell ผู้จัดการภาคสนาม
หัวหน้าโครงการ Isabela ให้ความเห็น
อย่างไรก็ตามมีแพะจำนวนหนึ่งก็ถูกกำจัด
เข้าไปในท้องของนักล่าสัตว์ล้างเผ่าพันธุ์
มีการส่งแพะยูดาส
มากกว่า 200 ตัวบนเกาะ Santiago
แพะยูดาส 770 ตัวบนเกาะ Isabela
ที่ใหญ่กว่า ภายในระยะเวลา 2 ปี
ในปี 2006
มีจำนวนแพะตามเป้าหมาย
ที่ยังเหลือรอดไว้บนเกาะเหล่านี้ คือ
แพะยูดาส 20 ตัวบนเกาะ Santiago
แพะยูดาส 266 ตัวบนเกาะ Isabela
เพื่อติดตามฝูงแพะที่ยังหลงเหลืออยู่บนเกาะ
ด้วยการยิงทิ้ง/ปล่อยให้ผสมพันธุ์ก็ไม่มีลูก
เท่ากับทำให้จำนวนแพะเพศผู้ทะยอยลดลง
หลังจากมีการกำจัดฝูงแพะ
ออกจากหมู่เกาะกาลาปากอส
พืชพันธุ์ต่าง ๆ ก็ได้รับการฟื้นฟูขึ้น
ต้นไม้เล็ก ๆ เริ่มงอกใหม่จากตอ
เพราะไร้พวกแพะมากัดกินเหมือนเก่า
พันธุ์ไม้พุ่มสูง ต้นกล้าป่า กระบองเพชร
Opuntia และสายพันธุ์พืชเฉพาะถิ่น
ก็เริ่มเพิ่มจำนวนมากขึ้น
ประชากรของหมู่เกาะกาลาปากอสเริ่มเพิ่มขึ้น
และการพยายามอนุรักษ์แบบอื่น ๆ
เช่น การผสมพันธุ์ประชากรเต่ายักษ์
ให้เพิ่มจำนวนมากขึ้นกว่าเดิม
.
.
.
.
มุมมอง Alcedo volcano
บนเกาะ Isabela (ซ้าย)
และ Santiago Highlands (ขวา)
ก่อนและหลังการฆ่าแพะ
.
โครงการ Isabela คือ
ความพยายามฟื้นฟูหมู่เกาะกาลาปากอส
ครั้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ในทุกวันนี้
ภายในเวลา 7 ปี
แพะมากกว่า 140,000 ตัว
ถูกกำจัดให้หมดไปจากพื้นที่บนเกาะ
5 แสนเฮกตาร์ 3.1 ล้านไร่ (4,998 ตร.กม.)
ใช้เงิน 10.5 ล้านเหรียญสหรัฐ
(ราว ๆ 315 ล้านบาท 30/1)
แพะจำนวน 200-300 ตัว
ชุดสุดท้ายที่กำจัดได้ยากที่สุด
และต้องใช้จ่ายแพงที่สุด
ในการกำจัดทิ้งทั้งหมด
ความสำเร็จของโครงการ Isabela
ทำให้นักอนุรักษ์ได้เปิดตัวโครงการ
กำจัดแพะบนเกาะอีก 3 เกาะ
มีทั้งการล่าสัตว์ทางอากาศ ทางภาคพื้นดิน
พร้อมกับสุนัข กับแพะยูดาสจำนวนหนึ่ง
ทำให้ฝูงแพะอีกหมื่นกว่าตัว
ถูกกำจัดทิ้งช่วงปี 2006 และ 2009
.
เรียบเรียง/ที่มา
http://bit.ly/2z3Gfzv
http://bit.ly/2YRH79P
http://bit.ly/33CFlYT
.
.
.
Ⓒ http://bit.ly/2ZbutO4
.