....เมื่อลูกอยู่ไกล....

อยากขอแชร์เรื่องราวของลูกชายเจ้าของกระทู้ที่ย้ายไปใช้ชีวิตต่างแดน เขียนถึง เจ้าของกระทู้ในวันแม่ทีผ่านมา
อ่านแล้ว แม่น้ำตาร่วงเลยทีเดียว ะ

"แม่ วีซ่าผ่านแล้วนะ"

ฉันโทรบอกแม่เป็นคนแรกหลังเข้าสัมภาษณ์กับสถานฑูตแล้วเสร็จ การสัมภาษณ์ใช้เวลาแค่ไม่เกินสามนาที ส่วนหนึ่งเพราะฉันสามารถโต้ตอบภาษาอังกฤษได้อย่างถูกต้อง แต่อีกส่วน--ที่ฉันมองเป็นส่วนสำคัญในการสัมภาษณ์ครั้งนี้--คือการเตรียมเอกสารอย่างสวยงามครบถ้วน ซึ่งเป็นวิชาที่แม่ถ่ายทอดให้ฉันตั้งแต่ยังเด็ก

"หรอลูก" แม่เงียบไปพักหนึ่ง แล้วจึงพูดต่อ "จะผิดมั้ยถ้าแม่บอกว่าแม่ไม่ดีใจเลยที่วีซ่าผ่าน"

คราวนี้ถึงทีฉันเงียบบ้าง ใช้เวลาไม่นานนักฉันก็เข้าใจความหมายเหนือประโยคนั้นของแม่ แล้วฉันก็ตอบแม่ไปว่า

"ไม่เป็นไร พั้นเข้าใจ"

ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่ฉันบอกแม่ว่าฉันตัดสินใจแล้วที่จะละทิ้งทุกอย่างที่เมืองไทยและตามมาใช้ชีวิตอยู่กับคู่หมั้นที่ต่างแดน ฉันเล่าถึงกระบวนการทุกอย่างที่ฉันจะต้องพบเจอ รวมไปถึงเรื่องที่ฉันเองก็ยังไม่แน่ใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างกับแม่อย่างจริงใจ โดยที่ลืมไปว่าความกังวลใจจากปากของฉันมันจะขยายตัวใหญ่ขึ้นและใหญ่ขึ้นเมื่อมันผ่านเข้าไปอยู่ในใจของแม่ ฉันรู้ดีว่าหลังจากที่ฉันพูดจบ แม่อยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ใจหนึ่งก็ดีใจที่ลูกจะได้ไปใช้ชีวิตกับคนที่พิสูจน์ให้แม่เห็นแล้วว่าเป็นคนดีที่พร้อมจะให้คำมั่นสัญญาว่าจะดูแลกันไปตลอดชีวิต อีกใจหนึ่งก็เป็นห่วงว่าในประเทศที่แม่เคยได้ยินแต่เพียงชื่อ ได้เห็นแค่จากโทรทัศน์ ลูกจะปรับตัวและใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างไร

ฉันรู้ดีว่าส่วนที่แม่ไม่เข้าใจเป็นอย่างยิ่ง--ถึงแม้ว่าจะพยายามชดเชยด้วยเหตุผลต่างๆ นาๆ--คือการละทิ้งงานประจำที่แม่มองว่ามั่นคงดีแล้ว เท่าที่ฉันรู้ ชีวิตวัยเด็กของแม่ไม่ได้สบายแต่ก็มีความสุข แม่เติบโตมาท่ามกลางความเสี่ยง ตาและยายไม่ได้มีทรัพย์สินเงินทองมากเท่าที่พ่อและแม่ของฉันมีตอนฉันยังเด็ก แม่เคยเล่าว่าตาเคยสัญญาว่าจะซื้อรถจักรยานให้ถ้าหากแม่สอบได้ที่หนึ่งของชั้น ซึ่งแน่นอนว่าเด็กหัวดีอย่างแม่สามารถทำได้ไม่ยาก ภาคการเรียนนั้นแม่สอบได้ที่หนึ่ง แม่เล่าว่าแม่เอาผลการสอบไปให้ตาดูด้วยความดีใจ ตาได้แต่ลูบหัวแม่อย่างภาคภูมิใจแล้วบอกแม่ว่า "เอาไว้ก่อนนะลูก" แม่จบเรื่องแบบติดตลกว่า "จนถึงวันนี้แม่ยังไม่ได้รถจักรยานคันนั้นเลย" ฉันเลยพอจะเข้าใจว่าแม่อยู่กับความไม่มั่นคงมาตั้งแต่ยังเด็ก จักรยานที่ฉันเคยได้ขี่โดยไม่ต้องร้องขอ ค่าเล่าเรียนที่ฉันไม่เคยต้องดิ้นรนหา แม่ไม่เคยได้รับรู้ความรู้สึกนั้นเลย

"ความไม่มั่นคง" จึงเป็นหนึ่งไม่กี่อย่างในชีวิตที่แม่กลัวที่สุด

ตลอดเวลาที่ฉันคอยรายงานแม่ถึงความคืบหน้าของเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการตัดสินใจของฉัน แม่ไม่ลังเลที่จะบอกว่าแม่ไม่เห็นด้วยเท่าไรนักกับการที่ฉันตัดสินใจไปเริ่มต้นใหม่ในต่างประเทศ แต่ก็ไม่วายที่จะบอกต่อว่ามันถึงเวลาแล้วที่ฉันควรก้าวต่อไปในความสัมพันธ์ของฉันเสียที

"มันถึงเวลาแล้ว" แม่บอก "เค้าก็เป็นคนดี ถ้าเป็นคู่ชายหญิง คบกันมาขนาดนี้ก็ต้องแต่งแล้วล่ะ"

ฉันคิดว่าประโยคนี้แม่ไม่ได้บอกฉันหรอก แม่ย้ำกับตัวเองมากกว่า ฉันตัดสินใจไปแล้ว ฉันรู้ดีว่าฉันไม่มีทางเปลี่ยนใจ นี่อาจจะเป็นกลไกในการช่วยให้แม่สามารถรับการตัดสินใจของฉันได้ดีขึ้น แม่ของฉันก็มักจะเป็นแบบนี้แหละ ไม่เห็นด้วยกับลูกก็บอกตรงๆ แต่กลับกัน แทนที่จะพยายามโน้มน้าวให้ลูกเปลี่ยนใจ แม่จะโน้มน้าวตัวเองให้คล้อยตามการตัดสินใจของลูกแทน

เหนือกว่ารักลูก คือเคารพในความเป็นผู้ใหญ่ของลูกสินะ

เมื่อใกล้จะถึงเวลาที่ฉันจะต้องเดินทาง ฉันผู้อยู่ภายใต้ความวุ่นวายของการเปลี่ยนแปลงยุ่งขิงกับทั้งสิ่งที่ฉันตั้งใจจะทำก่อนที่จะเดินทางออกจากประเทศและสิ่งที่ฉันจะต้องเตรียมตัวก่อนการเดินทางจนลืมสังเกตถึงความกระวนกระวายในความคิดของแม่ แม่บอกฉันในวันหนึ่งโดยที่ฉันไม่ทันได้ตั้งตัว

"ตอนไปส่งแม่ต้องร้องไห้แน่ๆ เลย"

"ร้องทำไมอะ ก่อนหน้านี้พั้นก็อยู่ระยองมาตลอดนะ ไม่ต่างกันหรอก" ฉันตอบ พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ส่งบทให้แม่ร้องไห้

"ต่างสิ เมื่อก่อนแม่รู้ว่าลูกอยู่ไหน ถ้าอยากไปหาก็แค่ขับรถไปหา รอบนี้ไปอยู่ไหนก็ไม่รู้ จะไปหาก็ไม่ง่าย"

"อืม" ฉันตอบ รอบนี้พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ให้แม่เห็นน้ำตาที่คลอหน่วย

แล้วก็เป็นจริงตามที่แม่พูดไว้ แม่ร้องไห้มากกว่าใครๆ ในสนามบินสุวรรณภูมิคืนนั้น และแม่ก็กอดฉันแน่นกว่าครั้งไหนๆ ที่ผ่านมา ฉันต้องใช้สติอย่างยิ่งในการประคองตัวเองไม่ให้ร้องไห้ตามแม่เพราะฉันเองก็ไม่อยากเห็นแม่ร้องไห้หนักไปกว่านี้อีกแล้ว

"ลูกน่ะ ไปอยู่ไหน โตแค่ไหน คนเป็นแม่ก็เป็นห่วง" แม่บอกฉันต่อ ในคืนนั้นฉันเงียบและไม่ได้ตอบอะไรแม่

ฉันพึ่งจะเข้าใจจริงๆ ก็วันนี้เอง

PS. ที่เห็นยิ้มร่าในรูปคือพ่อของฉันเอง แม่เล่าว่าแม่ร้องไห้ตลอดทางกลับจากสนามบินไปถึงบ้าน แต่พ่อก็หยอกแม่ตลอดทางเหมือนกัน

https://www.facebook.com/sudarat.precharonaset/posts/2643309775701517?comment_id=2645188235513671&notif_id=1565761214134007&notif_t=feed_comment

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่