สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 11
จากคุณพ่อลูกสาวอายุ 12 ปี
อืมมม ... แล้วไม่ทราบว่าคุณพ่อเอาแนวความคิดนี้ไปใช้กับลูกสาวด้วยไหมครับ
ถ้าใช่ แปลว่าเหลือเวลาอีก 12 ปี ด้วยการบวกลบเลขง่ายๆ
ก่อนจะถึงวัยที่คุณพ่อตัวเองเคลมว่า "เสื่อมมูลค่า"
ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆก็น่าเศร้าหน่อย
เพราะลูกสาวคุณพ่ออายุการใช้งานสั้นดีจังเลยนะครับ
เอ๊ะ ... แต่ถ้าไม่ใช่
คุณพ่อจะผิดหวังตีอกชกหัวตัวเองไหมครับ
ที่ลูกสาวไม่เป็นไปตามสมมติฐานที่คำนวณมาแล้วนี้
แซวเล่นนะครับ
กลับมาที่เรื่องประเด็นของคุณพ่อที่เสนอมา
ฟังดูก็มีความน่าสนใจดีครับ
ดูมีหลักมีเหตุมีผลที่คุณคิดว่าควรจะเป็น
แต่ผมขออนุญาตแสดงความเห็นไม่เห็นด้วยกับคุณทุกข้อความครับ
และแน่นอนว่า การที่คุณบอกว่าผู้ชายที่มาตอบกระทู้จะเห็นด้วย ก็เป็นตัวแปรที่ผิดครับ
การเหมารวมแบบนี้ดูไม่ค่อยเป็นคณิตศาสตร์ที่ดีนะครับ
เท่าที่อ่าน ผมมองว่าจุดประสงค์ของการแต่งงานของคุณ
คือการแต่งแล้วให้รีบมีลูกมีหลาน
เพื่อจะได้เอาคนเหล่านั้นมาใช้งานทั้งทางตรงและทางอ้อม
พูดง่ายๆว่าคุณก็มองผู้หญิงทั่วไป ซึ่งยังไม่รู้ว่ารวมถึงลูกตัวเองหรือเปล่า
ว่าเป็นเหมือนเครื่องจักรผลิตลูกเครื่องนึง
และก็มองว่าลูกของผู้หญิงเหล่านั้นก็คือเครื่องจักรผลิตเงิน
เพราะฉะนั้นราคาของเครื่องจักรเหล่านั้นถูกหรือแพงก็อยู่ที่ประสิทธิภาพตามอายุ
ยิ่งใหม่ ยิ่งสาว ยิ่งแพง
ถ้าอ้างว่าตัวเองเป็นนักคณิตศาสตร์ ก็ถือเป็นตรรกะที่ไม่แย่นะ
แค่ป่วยเกินไปนิดหน่อย ในฐานะมนุษย์คนนึงแบบผม
และหวังว่าถ้าผมจะแสดงความเห็นอะไรสักหน่อย
ก็คงจะรับได้เช่นกัน
ประเด็นแรกใครจะแต่งกันอายุเท่าไร เป็นเรื่องของเขาครับ
ชีวิตคนอื่น อย่าไปยุ่งมากครับ ปวดหัวเปล่าๆ
เอาเวลาไปคิดเลขเรื่องอื่นดีกว่าครับ
จบ
ที่เหลือ ผมเห็นด้วยกับหลายๆความเห็นของคุณผู้หญิงหลายๆท่านด้านบน
จริงๆแล้วนอกจากความไม่เห็นด้วยของพวกเธอแล้ว
ก็อาจจะมีอารมณ์โมโหลงไปผสมนิดหน่อย
ตอนที่อ่านว่าคุณบอกว่าคนอายุเกิน 24 จะมูลค่าลดลงนี่แหละ
ผู้หญิงไม่ชอบคุยเรื่องอายุนะ
คุณรู้ป่ะเนี่ย
อีกอย่าง
การแต่งงานจนมีลูกได้สักคน
คุณก็น่าจะรู้นี่ว่ามันใช้อะไรมากมายเท่าไร
ลองคำนวณเงินเล่นๆต่อปีดูสิ
แล้วคิดว่าศักยภาพเด็กอายุ 24 คนหนึ่งจะสามารถทำได้หรือเปล่า
หรือคุณคิดว่าการแต่งงานของผู้หญิงคือต้องไปเกาะผู้ชายรวยๆด้วยล่ะ
ถ้าอย่างนั้นยิ่งดูเป็นตรรกะที่ป่วยเข้าไปอีก
สุดท้าย
ผมไม่รู้หรอกว่าจริงๆแล้วสังคมไทยจะดีหรือไม่ดีตามสมมติฐานข้อสุดท้ายของคุณ
แต่สิ่งหนึ่งที่ผมรู้
คือการที่มีประชากรที่ด้อยคุณภาพมากขึ้น
ทำให้ประเทศมันแย่ลง
ประชากรที่ด้อยคุณภาพ
ส่วนหนึ่งเกิดมาจากการแต่งงานบนพื้นฐานของความไม่พร้อม
เป็นผลผลิตห่วยๆ ของพ่อแม่ที่เชื่อกันแค่ว่า "เราพร้อมแล้วจ้ะที่รัก ฉันรักเธอเหลือเกิน"
และใช้นั่นเป็นเหตุผลของการแต่งงานโดยไม่วางแผน
โดยหลอกตัวเองว่า "ใครๆเขาก็แต่งกันหมดแล้ว"
นี่ยังไม่นับเด็กที่เกิดมาจากพ่อแม่ที่ไม่พร้อมแม้กระทั่งจัดงานแต่งไม่ได้
หรือไม่สามารถจดทะเบียนสมรสได้ถูกต้องอีกนะ
แล้วยิ่งผสมปนเปกับสังคมแบบ "ไทย"
ที่มีความเหลื่อมล้ำกันสูง และกระจุกตัว
ผมนึกไม่ออกเลยว่าการเร่งรัดแต่งงานกันไปเพื่อทำตามโจทย์ที่คุณว่า
มันต้องใช้เลขตั้งต้นหรือวิธีการทำแบบไหน
ถึงจะได้ผลลัพธ์ออกมาแบบไม่ติดลบในเชิงคุณภาพ
นอกจากจะเป็นคนที่เกิดมาทั้งชีวิตนี้ไม่มีจุดประสงค์อื่นเลยนอกจาก "แต่งงาน > มีลูก"
แล้วพร้อมจะ Dedicate ตัวเองเพื่อจุดประสงค์นี้จริงๆ
อายุ 24 เหรอ
มันอาจจะใช่สำหรับบางคนนะ
แต่มันอาจจะยังไม่พอสำหรับบางคน
ที่จะทำตัวเองให้มีความแข็งแกร่ง
ทั้งเรื่องงาน เรื่องเงิน เรื่องคนรอบตัว
และที่สำคัญที่สุด คือเรื่อง Mindset
ซึ่ง Mindset เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดในการที่จะตอบได้ว่า
คุณจะแก้ปัญหาในชีวิตคู่ยังไง จะผ่านมรสุมหลายๆอย่างไปได้อย่างไร
และถ้าคุณจะเลี้ยงลูกไปในทิศทางใด เด็กคนนั้นจะโตขึ้นมาแบบใด
จะเป็นความภาคภูมิใจสูงสุด หรือตัวปัญหาที่สุดในชีวิต
ผมว่าเรื่องแบบนี้มันต้องใช้ความเข้าใจในชีวิตระดับนึงเลยครับ
เพราะขนาดผู้ใหญ่บางคนแต่งงานจนมีลูกสาวสิบกว่าขวบ
Mindset มันยังป่วยเลยคุณ
นับประสาอะไรกับเด็กอายุ 24 กันเล่า
คุณว่าจริงไหมล่ะ ?
อืมมม ... แล้วไม่ทราบว่าคุณพ่อเอาแนวความคิดนี้ไปใช้กับลูกสาวด้วยไหมครับ
ถ้าใช่ แปลว่าเหลือเวลาอีก 12 ปี ด้วยการบวกลบเลขง่ายๆ
ก่อนจะถึงวัยที่คุณพ่อตัวเองเคลมว่า "เสื่อมมูลค่า"
ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆก็น่าเศร้าหน่อย
เพราะลูกสาวคุณพ่ออายุการใช้งานสั้นดีจังเลยนะครับ
เอ๊ะ ... แต่ถ้าไม่ใช่
คุณพ่อจะผิดหวังตีอกชกหัวตัวเองไหมครับ
ที่ลูกสาวไม่เป็นไปตามสมมติฐานที่คำนวณมาแล้วนี้
แซวเล่นนะครับ
กลับมาที่เรื่องประเด็นของคุณพ่อที่เสนอมา
ฟังดูก็มีความน่าสนใจดีครับ
ดูมีหลักมีเหตุมีผลที่คุณคิดว่าควรจะเป็น
แต่ผมขออนุญาตแสดงความเห็นไม่เห็นด้วยกับคุณทุกข้อความครับ
และแน่นอนว่า การที่คุณบอกว่าผู้ชายที่มาตอบกระทู้จะเห็นด้วย ก็เป็นตัวแปรที่ผิดครับ
การเหมารวมแบบนี้ดูไม่ค่อยเป็นคณิตศาสตร์ที่ดีนะครับ
เท่าที่อ่าน ผมมองว่าจุดประสงค์ของการแต่งงานของคุณ
คือการแต่งแล้วให้รีบมีลูกมีหลาน
เพื่อจะได้เอาคนเหล่านั้นมาใช้งานทั้งทางตรงและทางอ้อม
พูดง่ายๆว่าคุณก็มองผู้หญิงทั่วไป ซึ่งยังไม่รู้ว่ารวมถึงลูกตัวเองหรือเปล่า
ว่าเป็นเหมือนเครื่องจักรผลิตลูกเครื่องนึง
และก็มองว่าลูกของผู้หญิงเหล่านั้นก็คือเครื่องจักรผลิตเงิน
เพราะฉะนั้นราคาของเครื่องจักรเหล่านั้นถูกหรือแพงก็อยู่ที่ประสิทธิภาพตามอายุ
ยิ่งใหม่ ยิ่งสาว ยิ่งแพง
ถ้าอ้างว่าตัวเองเป็นนักคณิตศาสตร์ ก็ถือเป็นตรรกะที่ไม่แย่นะ
แค่ป่วยเกินไปนิดหน่อย ในฐานะมนุษย์คนนึงแบบผม
และหวังว่าถ้าผมจะแสดงความเห็นอะไรสักหน่อย
ก็คงจะรับได้เช่นกัน
ประเด็นแรกใครจะแต่งกันอายุเท่าไร เป็นเรื่องของเขาครับ
ชีวิตคนอื่น อย่าไปยุ่งมากครับ ปวดหัวเปล่าๆ
เอาเวลาไปคิดเลขเรื่องอื่นดีกว่าครับ
จบ
ที่เหลือ ผมเห็นด้วยกับหลายๆความเห็นของคุณผู้หญิงหลายๆท่านด้านบน
จริงๆแล้วนอกจากความไม่เห็นด้วยของพวกเธอแล้ว
ก็อาจจะมีอารมณ์โมโหลงไปผสมนิดหน่อย
ตอนที่อ่านว่าคุณบอกว่าคนอายุเกิน 24 จะมูลค่าลดลงนี่แหละ
ผู้หญิงไม่ชอบคุยเรื่องอายุนะ
คุณรู้ป่ะเนี่ย
อีกอย่าง
การแต่งงานจนมีลูกได้สักคน
คุณก็น่าจะรู้นี่ว่ามันใช้อะไรมากมายเท่าไร
ลองคำนวณเงินเล่นๆต่อปีดูสิ
แล้วคิดว่าศักยภาพเด็กอายุ 24 คนหนึ่งจะสามารถทำได้หรือเปล่า
หรือคุณคิดว่าการแต่งงานของผู้หญิงคือต้องไปเกาะผู้ชายรวยๆด้วยล่ะ
ถ้าอย่างนั้นยิ่งดูเป็นตรรกะที่ป่วยเข้าไปอีก
สุดท้าย
ผมไม่รู้หรอกว่าจริงๆแล้วสังคมไทยจะดีหรือไม่ดีตามสมมติฐานข้อสุดท้ายของคุณ
แต่สิ่งหนึ่งที่ผมรู้
คือการที่มีประชากรที่ด้อยคุณภาพมากขึ้น
ทำให้ประเทศมันแย่ลง
ประชากรที่ด้อยคุณภาพ
ส่วนหนึ่งเกิดมาจากการแต่งงานบนพื้นฐานของความไม่พร้อม
เป็นผลผลิตห่วยๆ ของพ่อแม่ที่เชื่อกันแค่ว่า "เราพร้อมแล้วจ้ะที่รัก ฉันรักเธอเหลือเกิน"
และใช้นั่นเป็นเหตุผลของการแต่งงานโดยไม่วางแผน
โดยหลอกตัวเองว่า "ใครๆเขาก็แต่งกันหมดแล้ว"
นี่ยังไม่นับเด็กที่เกิดมาจากพ่อแม่ที่ไม่พร้อมแม้กระทั่งจัดงานแต่งไม่ได้
หรือไม่สามารถจดทะเบียนสมรสได้ถูกต้องอีกนะ
แล้วยิ่งผสมปนเปกับสังคมแบบ "ไทย"
ที่มีความเหลื่อมล้ำกันสูง และกระจุกตัว
ผมนึกไม่ออกเลยว่าการเร่งรัดแต่งงานกันไปเพื่อทำตามโจทย์ที่คุณว่า
มันต้องใช้เลขตั้งต้นหรือวิธีการทำแบบไหน
ถึงจะได้ผลลัพธ์ออกมาแบบไม่ติดลบในเชิงคุณภาพ
นอกจากจะเป็นคนที่เกิดมาทั้งชีวิตนี้ไม่มีจุดประสงค์อื่นเลยนอกจาก "แต่งงาน > มีลูก"
แล้วพร้อมจะ Dedicate ตัวเองเพื่อจุดประสงค์นี้จริงๆ
อายุ 24 เหรอ
มันอาจจะใช่สำหรับบางคนนะ
แต่มันอาจจะยังไม่พอสำหรับบางคน
ที่จะทำตัวเองให้มีความแข็งแกร่ง
ทั้งเรื่องงาน เรื่องเงิน เรื่องคนรอบตัว
และที่สำคัญที่สุด คือเรื่อง Mindset
ซึ่ง Mindset เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดในการที่จะตอบได้ว่า
คุณจะแก้ปัญหาในชีวิตคู่ยังไง จะผ่านมรสุมหลายๆอย่างไปได้อย่างไร
และถ้าคุณจะเลี้ยงลูกไปในทิศทางใด เด็กคนนั้นจะโตขึ้นมาแบบใด
จะเป็นความภาคภูมิใจสูงสุด หรือตัวปัญหาที่สุดในชีวิต
ผมว่าเรื่องแบบนี้มันต้องใช้ความเข้าใจในชีวิตระดับนึงเลยครับ
เพราะขนาดผู้ใหญ่บางคนแต่งงานจนมีลูกสาวสิบกว่าขวบ
Mindset มันยังป่วยเลยคุณ
นับประสาอะไรกับเด็กอายุ 24 กันเล่า
คุณว่าจริงไหมล่ะ ?
ความคิดเห็นที่ 4
1. ปล่อยไว้ไม่แต่ง ก็เสร็จแฟนอยู่แล้วไม่แต่ง 3ปีก็ทิ้ง ผู้หญิงเสียใจ ผู้ชายสบายตัว ฟรี
2 จากข้อ1 มูลค่าของผู้หญิงเมื่อมองจากเจ้าบ่าวก็ลดลงจากข้อ1 อายุก็มากขึ้น
<<<< ตรรกกะของพ่อคนนี่มองลูกสาวเป็นสินค้าหรอคะ
3 พอเปลี่ยนแฟนสัก10ปี ทีนี้ออร่า(สมัยก่อนเรียกมีน้ำมีนวล)ก็หมด ทีนี้หาแฟนยากแล้ว พอจะแต่ง เจ้าบ่าวก็คิดว่าผ่านผู้ชายมาเยอะ ไม่ชอบ.
<<<< เรื่องมันจ้าาาา ถ้าสมมุติเป็นเรา เจอผู้ชายที่คบกันมาจนจะแต่ง จนจะกลายเป็นเจ้าบ่าว แล้วยังมานั่งคิดเรื่องแบบนี้ ยอมหนีงานแต่งไปออกบวชก็ได้จ้าาาาา
4 ถ้ามีลูกตอนอายุยังน้อย ความสวยไม่โทรม ความเหนื่อยไม่มาก พ่อแม่ยังไม่แก่ช่วยเหลือแรงงานได้
<<<< รู้ได้ไงว่าเหนื่อยไม่มาก ขึ้นชื่อว่าแม่คนถ้าได้เลี้ยงเด็กมันเหนื่อยทุกคนแหละ เห็นตัวอย่างของเพื่อนหลายๆคน ที่มีลูกในอายุช่วงนี้ พึ่งเริ่มทำงาน เงินเก็บก็ยังไม่ค่อยมี แล้วต้องมาใช้เงินใช้เวลากับลูกอีก กลางคืนก็แทบไม่ได้นอน ตื่นเช้ามาก็ต้องไปทำงาน กลับบ้านปั๊มนมให้ลูกอีก โทรมยิ่งกว่าโทรม ในขณะที่เรากลับบ้านนอนตีพุงดูหนังเพลินๆ อีกอย่างเกรงใจพ่อแม่ แค่เลี้ยงลูกมาก็เหนื่อยจะตายอยู่ละ ไม่อยากทำกรรมให้เค้าต้องมานั่งเลี้ยงหลานให้อีก
5 เกิดเลิกกันกับสามี ก็ยังมั่นใจว่ามีลูก อาจจะยากสำหรับการเป็นซิงเกิ้ลมัม แต่ว่าสายพันธุ์อยู่รอด ตอนแก่มีลูกฝากผีฝากไข้
<<<< โฮโมซาเปี้ยนไม่ได้มีแค่เราคนเดียว ถึงเราไม่มีลูก สายพันธ์เราก็อยู่รอด555 อีกอย่างไม่หวังให้มีลูกมาดูตอนแก่ เกิดมีลูกแล้วลูกไม่ดีจะเป็นภาระตัวเองอีก
6 มีผู้ชายอีกคนคอยช่วยคุณพ่อดูแลความปลอดภัยของลูกสาว. สามารถดูแลด้านป้องกันการถูกข่มขืนได้ดีกว่าคุณพ่อ
<<<<😒 ใช้เป็นเหตุผลได้ไหม
7 เมื่อมีลูกตั้งแต่อายุยังน้อย, สามารถมี3คนแล้วอายุพึ่ง30ขวบ ยังคงกลับไปหางานหรือเริ่มอาชีพใหม่ได้
<<<<ถ้าได้มีจริงคงทำหมันตั้งแต่คนแรก😒
8 เมื่อลูกสาวอายุ45 หลานๆก็ทำงานแล้ว ตายายก็75.แปลว่าถ้าลูกสาวต้องมาดูแลพวกเราตายายยามชรา, ลูกสาวยังสามารถมีรายได้จากหลานๆ.
<<<< สงสารลูกสาวกับหลานๆ
9 เมื่อก่อนทำไม่ได้เพราะมหาวิทยาลัยห้ามคนแต่งงานแล้วเรียน เดี๋ยวนี้มหาวิทยาลัยง้อนศ.เพราะขาดแคลน.
10. เมื่อแต่งเร็วก็มีโอกาสมีลูก3-5คน ประเทศมีประชาชนคับคั่ง เข้มแข็ง อ่อนวัย มีกำลัง ราคาที่ดินเพิ่ม เศรษฐกิจดี, วัฒนธรรมได้รับการสืบทอดอย่างเข้มข้น
<<<< ชั่งแม่ม เอาชีวิตตัวเองให้ดีก่อยดีกว่า55
รู้แหละกระทู้นี้ไม่ดักก็ตะแบง แต่อยากตอบ
สุดท้ายจะมีเมื่อไหร่มันก็ขึ้นอยู่กับ 2 อย่าง คือความต้องการและความพร้อมซึ่งแต่ละคนมันมีไม่พร้อมกันทุกคนหรอกนาจาาา
2 จากข้อ1 มูลค่าของผู้หญิงเมื่อมองจากเจ้าบ่าวก็ลดลงจากข้อ1 อายุก็มากขึ้น
<<<< ตรรกกะของพ่อคนนี่มองลูกสาวเป็นสินค้าหรอคะ
3 พอเปลี่ยนแฟนสัก10ปี ทีนี้ออร่า(สมัยก่อนเรียกมีน้ำมีนวล)ก็หมด ทีนี้หาแฟนยากแล้ว พอจะแต่ง เจ้าบ่าวก็คิดว่าผ่านผู้ชายมาเยอะ ไม่ชอบ.
<<<< เรื่องมันจ้าาาา ถ้าสมมุติเป็นเรา เจอผู้ชายที่คบกันมาจนจะแต่ง จนจะกลายเป็นเจ้าบ่าว แล้วยังมานั่งคิดเรื่องแบบนี้ ยอมหนีงานแต่งไปออกบวชก็ได้จ้าาาาา
4 ถ้ามีลูกตอนอายุยังน้อย ความสวยไม่โทรม ความเหนื่อยไม่มาก พ่อแม่ยังไม่แก่ช่วยเหลือแรงงานได้
<<<< รู้ได้ไงว่าเหนื่อยไม่มาก ขึ้นชื่อว่าแม่คนถ้าได้เลี้ยงเด็กมันเหนื่อยทุกคนแหละ เห็นตัวอย่างของเพื่อนหลายๆคน ที่มีลูกในอายุช่วงนี้ พึ่งเริ่มทำงาน เงินเก็บก็ยังไม่ค่อยมี แล้วต้องมาใช้เงินใช้เวลากับลูกอีก กลางคืนก็แทบไม่ได้นอน ตื่นเช้ามาก็ต้องไปทำงาน กลับบ้านปั๊มนมให้ลูกอีก โทรมยิ่งกว่าโทรม ในขณะที่เรากลับบ้านนอนตีพุงดูหนังเพลินๆ อีกอย่างเกรงใจพ่อแม่ แค่เลี้ยงลูกมาก็เหนื่อยจะตายอยู่ละ ไม่อยากทำกรรมให้เค้าต้องมานั่งเลี้ยงหลานให้อีก
5 เกิดเลิกกันกับสามี ก็ยังมั่นใจว่ามีลูก อาจจะยากสำหรับการเป็นซิงเกิ้ลมัม แต่ว่าสายพันธุ์อยู่รอด ตอนแก่มีลูกฝากผีฝากไข้
<<<< โฮโมซาเปี้ยนไม่ได้มีแค่เราคนเดียว ถึงเราไม่มีลูก สายพันธ์เราก็อยู่รอด555 อีกอย่างไม่หวังให้มีลูกมาดูตอนแก่ เกิดมีลูกแล้วลูกไม่ดีจะเป็นภาระตัวเองอีก
6 มีผู้ชายอีกคนคอยช่วยคุณพ่อดูแลความปลอดภัยของลูกสาว. สามารถดูแลด้านป้องกันการถูกข่มขืนได้ดีกว่าคุณพ่อ
<<<<😒 ใช้เป็นเหตุผลได้ไหม
7 เมื่อมีลูกตั้งแต่อายุยังน้อย, สามารถมี3คนแล้วอายุพึ่ง30ขวบ ยังคงกลับไปหางานหรือเริ่มอาชีพใหม่ได้
<<<<ถ้าได้มีจริงคงทำหมันตั้งแต่คนแรก😒
8 เมื่อลูกสาวอายุ45 หลานๆก็ทำงานแล้ว ตายายก็75.แปลว่าถ้าลูกสาวต้องมาดูแลพวกเราตายายยามชรา, ลูกสาวยังสามารถมีรายได้จากหลานๆ.
<<<< สงสารลูกสาวกับหลานๆ
9 เมื่อก่อนทำไม่ได้เพราะมหาวิทยาลัยห้ามคนแต่งงานแล้วเรียน เดี๋ยวนี้มหาวิทยาลัยง้อนศ.เพราะขาดแคลน.
10. เมื่อแต่งเร็วก็มีโอกาสมีลูก3-5คน ประเทศมีประชาชนคับคั่ง เข้มแข็ง อ่อนวัย มีกำลัง ราคาที่ดินเพิ่ม เศรษฐกิจดี, วัฒนธรรมได้รับการสืบทอดอย่างเข้มข้น
<<<< ชั่งแม่ม เอาชีวิตตัวเองให้ดีก่อยดีกว่า55
รู้แหละกระทู้นี้ไม่ดักก็ตะแบง แต่อยากตอบ
สุดท้ายจะมีเมื่อไหร่มันก็ขึ้นอยู่กับ 2 อย่าง คือความต้องการและความพร้อมซึ่งแต่ละคนมันมีไม่พร้อมกันทุกคนหรอกนาจาาา
ความคิดเห็นที่ 35
ผมบอกเลยครับว่า แนวคิดนี้ "ไม่ถูกต้องชอบธรรมทางการเมือง" (Political correctness)
มองแบบนี้เหยียดผู้หญิงมากกกครับ แสดงว่าคุณไม่เคยเรียนรู้ด้านสังคม วัฒนธรรมมาแน่ๆ
1. ปล่อยไว้ไม่แต่ง ก็เสร็จแฟนอยู่แล้วไม่แต่ง 3ปีก็ทิ้ง ผู้หญิงเสียใจ ผู้ชายสบายตัว ฟรี
---ตอบ มุมมองแบบชายเป็นใหญ่ ผู้ชายเป็นฝ่ายได้ ผู้หญิงเป็นฝ่ายเสีย
คุณเอาความคิดแบบผู้หญิงเสียใจ สมัยนี้ผู้หญิงมีสิทธิเป็นฝ่ายเลือกแล้วนะครับ
2 จากข้อ1 มูลค่าของผู้หญิงเมื่อมองจากเจ้าบ่าวก็ลดลงจากข้อ1 อายุก็มากขึ้น
---ตอบ ผู้ชายที่มีความคิด มีความอ่าน ย่อมคิดว่า มูลค่าไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปตามเวลาเหมือนคุณ
3 พอเปลี่ยนแฟนสัก10ปี ทีนี้ออร่า(สมัยก่อนเรียกมีน้ำมีนวล)ก็หมด ทีนี้หาแฟนยากแล้ว พอจะแต่ง เจ้าบ่าวก็คิดว่าผ่านผู้ชายมาเยอะ ไม่ชอบ.
---ตอบ ผู้หญิงเองก็อาจจะไม่ได้อยากจะมีแฟนเสมอไป (ถ้ามีแล้วไม่ดี)
ผู้หญิงเองเสียอีก ที่อายุมากกขึ้นกลับดูดีขึ้นกว่าสมัยตอนเป็นสาวๆเสียอีก เพราะตอนสาวๆยังไม่มีรสนิยม ไม่มีเพื่อน ไม่มีเงินมากพอ
4 ถ้ามีลูกตอนอายุยังน้อย ความสวยไม่โทรม ความเหนื่อยไม่มาก พ่อแม่ยังไม่แก่ช่วยเหลือแรงงานได้
---ตอบ แนวคิดว่า "ลูก" คือแรงงานในบ้าน ความคิดแบบสังคมเกษตรกรรมมากครับ (สาเหตุที่ว่า สมัยก่อนต้องมีลูกมากๆเพื่อเป็นแรงงาน)
เดี่ยวนี้เราเลี้ยงลูกไม่ได้หวังจะมาช่วยเหลือเรื่องแรงงานอีกแล้ว
5 เกิดเลิกกันกับสามี ก็ยังมั่นใจว่ามีลูก อาจจะยากสำหรับการเป็นซิงเกิ้ลมัม แต่ว่าสายพันธุ์อยู่รอด ตอนแก่มีลูกฝากผีฝากไข้
---ตอบ ทุกวันนี้โลกเราคนเยอะแล้วครับ ไม่ต้องสืบพันธ์ก็ได้
6 มีผู้ชายอีกคนคอยช่วยคุณพ่อดูแลความปลอดภัยของลูกสาว. สามารถดูแลด้านป้องกันการถูกข่มขืนได้ดีกว่าคุณพ่อ
--- ตอบ คนที่ถูกข่มขืนส่วนใหญ่ในสังคม มักจะมาจากครอบครัวที่มีพ่อแม่
แปลว่า สมมุติฐานของคุณผิดครับ การที่มีพ่อก็ไม่ได้เป็นตัวการันตีว่าจะไม่ถูกข่มขืนครับ
7 เมื่อมีลูกตั้งแต่อายุยังน้อย, สามารถมี3คนแล้วอายุพึ่ง30ขวบ ยังคงกลับไปหางานหรือเริ่มอาชีพใหม่ได้
---ตอบ โลกทุกวันนี้ เป็นครอบครัวเดี่ยว มักมีลูกแค่คนเดียว
8 เมื่อลูกสาวอายุ45 หลานๆก็ทำงานแล้ว ตายายก็ 75.แปลว่าถ้าลูกสาวต้องมาดูแลพวกเราตายายยามชรา, ลูกสาวยังสามารถมีรายได้จากหลานๆ.
---ตอบ ในหลายๆประเทศทั่วโลก คนแก่อยู่ได้จากสวัสดิการของรัฐ ไม่ต้องให้บุตรหลานมาดูแล
แนวคิดของคุณ โบราณมากกกก ที่หลานๆต้องมีภาระดูแลตนเอง ดูแลครอบครัวตนเอง และดูแลพ่อแม่ และดูแลปู่ย่าตายาย
จะเอาเวลาที่ไหนไปดูแลครับ งานการสมัยนี้เคร่งมาก การเดินทางก็ใช้เวลามาก
9 เมื่อก่อนทำไม่ได้เพราะมหาวิทยาลัยห้ามคนแต่งงานแล้วเรียน เดี๋ยวนี้มหาวิทยาลัยง้อนศ.เพราะขาดแคลน.
---ตอบ นักเรียน/นักศึกษาที่ท้อง สามารถมาเรียนได้ร่วมกับเพื่อนปกติ เป็นแบบนี้มา เกือบๆ 20 ปีแล้ว
คุณไปอยู่ไหนมา
10. เมื่อแต่งเร็วก็มีโอกาสมีลูก3-5คน ประเทศมีประชาชนคับคั่ง เข้มแข็ง อ่อนวัย มีกำลัง ราคาที่ดินเพิ่ม เศรษฐกิจดี, วัฒนธรรมได้รับการสืบทอดอย่างเข้มข้น
---ตอบ ปัจจุบันสังคมไทยและสังคมโลก ไม่ได้ถูกออกแบบให้สามารถเลี้ยงลูกได้เกิน 2 คนแล้ว
เนื่องจากข้อจำกัดด้านทรัพยากร และเวลา
-สรุปคุณมีแนวคิดยุคเก่ามาก โบราณและล้าหลังมาก สิ่งที่คุณพิมพ์มาผิดไปจากความเป็นจริงบนโลก
มองแบบนี้เหยียดผู้หญิงมากกกครับ แสดงว่าคุณไม่เคยเรียนรู้ด้านสังคม วัฒนธรรมมาแน่ๆ
1. ปล่อยไว้ไม่แต่ง ก็เสร็จแฟนอยู่แล้วไม่แต่ง 3ปีก็ทิ้ง ผู้หญิงเสียใจ ผู้ชายสบายตัว ฟรี
---ตอบ มุมมองแบบชายเป็นใหญ่ ผู้ชายเป็นฝ่ายได้ ผู้หญิงเป็นฝ่ายเสีย
คุณเอาความคิดแบบผู้หญิงเสียใจ สมัยนี้ผู้หญิงมีสิทธิเป็นฝ่ายเลือกแล้วนะครับ
2 จากข้อ1 มูลค่าของผู้หญิงเมื่อมองจากเจ้าบ่าวก็ลดลงจากข้อ1 อายุก็มากขึ้น
---ตอบ ผู้ชายที่มีความคิด มีความอ่าน ย่อมคิดว่า มูลค่าไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปตามเวลาเหมือนคุณ
3 พอเปลี่ยนแฟนสัก10ปี ทีนี้ออร่า(สมัยก่อนเรียกมีน้ำมีนวล)ก็หมด ทีนี้หาแฟนยากแล้ว พอจะแต่ง เจ้าบ่าวก็คิดว่าผ่านผู้ชายมาเยอะ ไม่ชอบ.
---ตอบ ผู้หญิงเองก็อาจจะไม่ได้อยากจะมีแฟนเสมอไป (ถ้ามีแล้วไม่ดี)
ผู้หญิงเองเสียอีก ที่อายุมากกขึ้นกลับดูดีขึ้นกว่าสมัยตอนเป็นสาวๆเสียอีก เพราะตอนสาวๆยังไม่มีรสนิยม ไม่มีเพื่อน ไม่มีเงินมากพอ
4 ถ้ามีลูกตอนอายุยังน้อย ความสวยไม่โทรม ความเหนื่อยไม่มาก พ่อแม่ยังไม่แก่ช่วยเหลือแรงงานได้
---ตอบ แนวคิดว่า "ลูก" คือแรงงานในบ้าน ความคิดแบบสังคมเกษตรกรรมมากครับ (สาเหตุที่ว่า สมัยก่อนต้องมีลูกมากๆเพื่อเป็นแรงงาน)
เดี่ยวนี้เราเลี้ยงลูกไม่ได้หวังจะมาช่วยเหลือเรื่องแรงงานอีกแล้ว
5 เกิดเลิกกันกับสามี ก็ยังมั่นใจว่ามีลูก อาจจะยากสำหรับการเป็นซิงเกิ้ลมัม แต่ว่าสายพันธุ์อยู่รอด ตอนแก่มีลูกฝากผีฝากไข้
---ตอบ ทุกวันนี้โลกเราคนเยอะแล้วครับ ไม่ต้องสืบพันธ์ก็ได้
6 มีผู้ชายอีกคนคอยช่วยคุณพ่อดูแลความปลอดภัยของลูกสาว. สามารถดูแลด้านป้องกันการถูกข่มขืนได้ดีกว่าคุณพ่อ
--- ตอบ คนที่ถูกข่มขืนส่วนใหญ่ในสังคม มักจะมาจากครอบครัวที่มีพ่อแม่
แปลว่า สมมุติฐานของคุณผิดครับ การที่มีพ่อก็ไม่ได้เป็นตัวการันตีว่าจะไม่ถูกข่มขืนครับ
7 เมื่อมีลูกตั้งแต่อายุยังน้อย, สามารถมี3คนแล้วอายุพึ่ง30ขวบ ยังคงกลับไปหางานหรือเริ่มอาชีพใหม่ได้
---ตอบ โลกทุกวันนี้ เป็นครอบครัวเดี่ยว มักมีลูกแค่คนเดียว
8 เมื่อลูกสาวอายุ45 หลานๆก็ทำงานแล้ว ตายายก็ 75.แปลว่าถ้าลูกสาวต้องมาดูแลพวกเราตายายยามชรา, ลูกสาวยังสามารถมีรายได้จากหลานๆ.
---ตอบ ในหลายๆประเทศทั่วโลก คนแก่อยู่ได้จากสวัสดิการของรัฐ ไม่ต้องให้บุตรหลานมาดูแล
แนวคิดของคุณ โบราณมากกกก ที่หลานๆต้องมีภาระดูแลตนเอง ดูแลครอบครัวตนเอง และดูแลพ่อแม่ และดูแลปู่ย่าตายาย
จะเอาเวลาที่ไหนไปดูแลครับ งานการสมัยนี้เคร่งมาก การเดินทางก็ใช้เวลามาก
9 เมื่อก่อนทำไม่ได้เพราะมหาวิทยาลัยห้ามคนแต่งงานแล้วเรียน เดี๋ยวนี้มหาวิทยาลัยง้อนศ.เพราะขาดแคลน.
---ตอบ นักเรียน/นักศึกษาที่ท้อง สามารถมาเรียนได้ร่วมกับเพื่อนปกติ เป็นแบบนี้มา เกือบๆ 20 ปีแล้ว
คุณไปอยู่ไหนมา
10. เมื่อแต่งเร็วก็มีโอกาสมีลูก3-5คน ประเทศมีประชาชนคับคั่ง เข้มแข็ง อ่อนวัย มีกำลัง ราคาที่ดินเพิ่ม เศรษฐกิจดี, วัฒนธรรมได้รับการสืบทอดอย่างเข้มข้น
---ตอบ ปัจจุบันสังคมไทยและสังคมโลก ไม่ได้ถูกออกแบบให้สามารถเลี้ยงลูกได้เกิน 2 คนแล้ว
เนื่องจากข้อจำกัดด้านทรัพยากร และเวลา
-สรุปคุณมีแนวคิดยุคเก่ามาก โบราณและล้าหลังมาก สิ่งที่คุณพิมพ์มาผิดไปจากความเป็นจริงบนโลก
แสดงความคิดเห็น
ทำไมผู้หญิงควรแต่งงานตอนอายุ20-24ปี จากคุณพ่อลูกสาวอายุ12
1. ปล่อยไว้ไม่แต่ง ก็เสร็จแฟนอยู่แล้วไม่แต่ง 3ปีก็ทิ้ง ผู้หญิงเสียใจ ผู้ชายสบายตัว ฟรี
2 จากข้อ1 มูลค่าของผู้หญิงเมื่อมองจากเจ้าบ่าวก็ลดลงจากข้อ1 อายุก็มากขึ้น
3 พอเปลี่ยนแฟนสัก10ปี ทีนี้ออร่า(สมัยก่อนเรียกมีน้ำมีนวล)ก็หมด ทีนี้หาแฟนยากแล้ว พอจะแต่ง เจ้าบ่าวก็คิดว่าผ่านผู้ชายมาเยอะ ไม่ชอบ.
4 ถ้ามีลูกตอนอายุยังน้อย ความสวยไม่โทรม ความเหนื่อยไม่มาก พ่อแม่ยังไม่แก่ช่วยเหลือแรงงานได้
5 เกิดเลิกกันกับสามี ก็ยังมั่นใจว่ามีลูก อาจจะยากสำหรับการเป็นซิงเกิ้ลมัม แต่ว่าสายพันธุ์อยู่รอด ตอนแก่มีลูกฝากผีฝากไข้
6 มีผู้ชายอีกคนคอยช่วยคุณพ่อดูแลความปลอดภัยของลูกสาว. สามารถดูแลด้านป้องกันการถูกข่มขืนได้ดีกว่าคุณพ่อ
7 เมื่อมีลูกตั้งแต่อายุยังน้อย, สามารถมี3คนแล้วอายุพึ่ง30ขวบ ยังคงกลับไปหางานหรือเริ่มอาชีพใหม่ได้
8 เมื่อลูกสาวอายุ45 หลานๆก็ทำงานแล้ว ตายายก็75.แปลว่าถ้าลูกสาวต้องมาดูแลพวกเราตายายยามชรา, ลูกสาวยังสามารถมีรายได้จากหลานๆ.
9 เมื่อก่อนทำไม่ได้เพราะมหาวิทยาลัยห้ามคนแต่งงานแล้วเรียน เดี๋ยวนี้มหาวิทยาลัยง้อนศ.เพราะขาดแคลน.
10. เมื่อแต่งเร็วก็มีโอกาสมีลูก3-5คน ประเทศมีประชาชนคับคั่ง เข้มแข็ง อ่อนวัย มีกำลัง ราคาที่ดินเพิ่ม เศรษฐกิจดี, วัฒนธรรมได้รับการสืบทอดอย่างเข้มข้น