เรื่องของ "แม่" ในตำนานกลุ่มดาว

วันแม่แห่งชาติทั้งที มาคุยเรื่องของ "แม่" ที่ปรากฎอยู่ในตำนานที่มาของกลุ่มดาวบนท้องฟ้ากันดีกว่าว่ามีตำนานเรื่องใดบ้างที่มีความเกี่ยวข้องกับ "แม่"

เริ่มต้นด้วยแม่ปากพล่อยที่ทำเอาลูกเกือบซวยไปด้วย 

1.กลุ่มดาวแคสซิโอเปีย (Cassiopeia)


แคสซิโอเปียเป็นพระราชินีแห่งอาณาจักรเอธิโอเปีย (ไม่ใช่ประเทศเอธิโอเปียไม่ปัจจบัน) ซึ่งมีลูกสาวคนหนึ่งของ แอนดรอเมดา (Andromeda) ผู้เลอโฉม วัน ๆ แคสซิโอเปียจึงไม่เป็นอันทำอะไรนอกจากโอ้อวดความงามของลูกสาวว่างามเลิศกว่าใครในปฐพี จนแม้แต่นางไม้นางพรายในสวรรค์ก็สู้ไม่ได้ พวกนางพรายเลยไม่พอใจไปฟ้องท่านเทพโพไซดอน (Poseidon) เทพพอได้ทรบเรื่องก้เลยโกระ ส่งสัตว์ร้ายซีตุสมาเที่ยวำทำร้ายผู้คนในเมือง จนกว่าจะยอมส่งแอนดรอเมดามาทำงานที่โพไซดอน เอ๊ย ไม่ใช่ มาเป็นเครื่องบูชายัญ สุดท้ายเพื่อห็นแก่ชาวบ้าน แอนดรอเมดาจึงยอมเสียสละตัวเองเป็นเครื่องบูชายัญเพื่อให้เรื่องจบ แต่สุดท้ายก็ได้พระเอกเพอร์ซิอุสมาช่วยไว้

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------

แม่กับลูกที่ต้องพลัดพรากกันนานหลายปี ก่อนจะได้อยู่ด้วยกัน

2. กลุ่มดาวหมีใหญ่ (Ursa Major) และ กลุ่มดาวหมีเล็ก (Ursa Minor)

หมีทั้งสองนี้เป็นแม่ลูกกัน คนแม่คือคัลลิสโต (Callisto) เป็นชายาองค์หนึ่งของเทพซูส (Zeus) และมีลูกด้วยกันคนหนึ่งคืออาร์กัส (Argus) แต่ด้วยพิษรักแรงหึง คัลลิสโตจึงถูกเทพีเฮรา (Hera) เมียหลวงของเทพซูสสาปให้กลายเป็นหมีตั้งแต่อาร์กัสยังไม่รู้ความ

อาร์กัสโตมาโดยไม่รู้ว่าแม่ของตัวเองอยู่ที่ไหน ผ่านไปหลายปีจนอาร์กัสโตเป็นหนุ่ม วันหนึ่งได้เข้าไปในป่าแล้วเจอหมีคัลลิสโตเข้า คัลลิสโตเห็นลูกชายก็จะเข้ามาหา แต่อาร์กัสไม่รู้ว่าหมีคือแม่ของตัวเองจึงยกหอกขึ้นหมายจะแทงให้ตาย

เทพซูสที่เห็นเรื่องราวนี้ทั้งหมดแต่ไม่สามารถช่วยแก้คำสาปให้กับคัลลิสโตได้ จึงเหลือทางเดียวคือ บันดาลให้อาร์กัสกลายเป็นลูกหมีไปด้วย เมื่ออาร์กัสกลายเป็นหมีจึงทราบว่าหมีใหญ่ที่เห็นคือแม่ของตัวเอง 

ต่อมาเทพซูสเกรงว่าเทพีเฮราจะตามไปรังควานทั้งคู่อีก จึงนำหมีทั้งคู่ไปไว้บนท้องฟ้าเป็นกลุ่มดาวหมีใหญ่กับกลุ่มดาวหมีเล็ก และถ้าจะสังเกต กลุ่มดาวหมีใหญ่จะหมุนอยู่รอบ ๆ กลุ่มดาวหมีเล็กเสมอ เหมือนแม่หมีที่คอยปกป้องลูกหมีอยู่ตลอดเวลา

------------------------------------------------------------------------------------------

แม้ภัยมาเยือน แม่ลูกก็ไม่ยอมแยกจากกัน

3. กลุ่มดาวปลา (Pisces)


เมื่อครั้งที่อสูรกายไทฟอนบุกขึ้นมาอาละวาดถึงเทือกเขาโอลิมปัส ฤทธิ์เดชของมันทำให้เหล่าทวยเทพถึงกับแตกตื่นตกใจหลบหนีกันอลหม่าน ในจำนวนนั้นก็มีเทพีอโฟรไดตี (Aphrodite) เทพีแห่งความงาม กับกามเทพอีรอส (Eros) บุตรของนางกับเทพเอเรส (Ares) ทั้งคู่จึงกระโดดหนีลงน้ำกลายร่างเป็นปลา แต่ด้วยความผูกพันของแม่ลูกที่ไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ จึงทำให้เกิดเชือกรัดหางปลาทั้งคู่เพื่อไม่ให้เกิดการพลัดพรากจากกันในขณะหลบหนี

-----------------------------------------------------------------------------

แม่ที่ยังห่วงลูก แม้ไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว

4. กลุ่มดาวแกะ (Aries)


นางเนเฟเล (Nephele) เป็นอดีตชายาของกษัตริย์อธามาส (Athamas) แห่งนครบีโอเชีย (Boeotia) จนมีลูกสองคนคือเจ้าชายฟริกซัส (Phrixus) และเจ้าหญิงเฮลเล (Helle) ต่อมากษัตริย์อธามาสเกิดหลงเสน่ห์นางไอโน (Ino) จึงได้ทิ้งนางและมาแต่งงานกับไอโน นางไอโนแม้จะได้เป็นชายาใหม่แล้วก็ยังเกลียดลูกเลี้ยงของตัวเอง ดังนั้นครั้งหนึ่งเมื่อนครบีโอเชียเกิดภัยแล้ง จนต้องไปขอคำพยากรณ์จากวิหารเดลฟีว่าต้องทำอย่างไร นางไอโนจึงแอบติดสินบนคนที่ถูกส่งตัวไปขอคำพยากรณ์เพื่อให้แปลความหมายว่า ต้องให้นำเจ้าชายฟริกซัสกับเจ้าหญิงเฮลเลไปบูชายัญ ภัยพิบัติจึงจะยุติลง

เมื่อนางเนเฟเลทราบข่าวจึงได้อธิษฐานขอพรต่อเทพเจ้าให้ช่วยเหลือลูกของตัวเอง ในที่สุดเทพเฮอร์มีส (Hermes) ก็ได้ตอบรับคำขอนั้นด้วยการส่งแกะขนทองคำบุกเข้าไปในระหว่างพิธีบูชายัญเพื่อช่วยเหลือเจ้าชายฟริกซัสและเจ้าหญิงเฮลเลเอาไว้ และนำทั้งคู่หนีไปได้ในที่สุด

------------------------------------------------------------------------------------------------

แม่ที่เป็นห่วงลูกจนไม่เป็นอันทำงานทำการ

5. กลุ่มดาวหญิงสาว (Virgo)

เทพีดีมีเตอร์ (Detemer) เป็นเทพีแห่งธัญพืชและการเกษตร นางมีลูกสาวคือเพอร์ซีโฟเน (Persephone) เป็นเทพีแห่งการเติบโตพืชพรรณไม้ ความงามของเพอร์ซีโฟเนถึงกับทำให้ฮาเดส (Hades) เทพแห่งโลกบาดาล ต้องขึ้นมายังโลกมนุษยืเพื่อลักพาตัวไปอยู่ด้วยที่โลกบาดาล เมื่อดีมีเตอร์ไม่พบลูกสาว นางจึงตรอมใจและเที่ยวตามหาลูกสาวไปทั่วจนละเลยหน้าที่ดูแลการเกษตร ส่งผลทำให้มนุษย์เดือดร้อนไปทั่วโลกเพราะทำการเกษตรไม่ได้

ในที่สุดเมื่อเทพซูสทราบเรื่องจึงได้ลงไปเจรจาขอให้ฮาเดสปล่อยตัวเพอร์ซีโฟเน ซึ่งฮาเดสตกลง แต่บอกว่าเพอร์ซีโฟเนได้กินอาหารในโลกบาดาลไปแล้ว ดังนั้นในช่วงเวลาหนึ่งของปีนางจะต้องกลับมาที่โลกบาดาล ซึ่งเมื่อถึงเวลาที่แม่ลูกต้องพรากจากกัน เทพีดีมีเตอร์จะโศกเศร้าจนไม่เป็นอันทำงานและไม่ปรากฎตัวบนท้องฟ้า กลายเป็นฤดูหนาวที่ไม่สามารถปลูกพืชพรรณไม้ได้

------------------------------------------------------------------------------

แม่ที่ลูกไม่เคยเห็นหน้า แต่ก็ยังรำลึกถึงพระคุณอยู่เสมอ

6. กลุ่มดาวมงกุฎใต้ (Corona Australis)


นางเซเมลี (Semele) เป็นชายาอีกองค์หนึ่งของเทพซูส ที่อยู่กินกันมาจนกระทั่งนางตั้งครรภ์โดยที่นางไม่เคยรู้เลยว่าสามีของตัวเองเป็นเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ เมื่อเทพีเฮรารู้เรื่องเข้าจึงได้วางแผนร้ายด้วยการปลอมตัวเป็นคนแก่เข้าไปกระตุ้นให้นางเซเมลีสงสัยว่าสามีของตัวเองคือใคร และยังแนะนำวิธีการที่จะให้สามีของตัวเองเปิดเผยตัวจริงออกมาด้วย นางเซเมลีหลงเชื่อ ดังนั้นเมื่อทั้งคู่พบกันอีกครั้ง นางเซเมลีจึงได้ใช้วิธีการที่เทพีเฮราแนะนำ เมื่อเทพซูสทราบว่านางต้องการอะไรแล้วก็ถึงกับตกใจ แต่เนื่องจากได้สาบานไว้แล้ว จึงจำต้องทำตามคำสาบานด้วยการแสดงร่างจริงแห่งองค์เทพต่อหน้านาง รัศมีอันร้อนแรงของเทพเจ้าทำให้นางเซเมลีถึงกับไหม้กลายเป็นจุณตายไปในพริบตา แต่บุตรของนางที่มีเชื้อสายเทพเจ้าไม่ตาย เทพซูสจึงนำไปเลี้ยง ซึ่งต่อมาก็คือเทพไดโอนีซุส (Dionysus)

เมื่อไดโอนีซุสเติบโตขึ้นและทราบเรื่องราวเกี่ยวมารดาของตน จึงได้สร้างพวงหรีดขึ้นเพื่อไว้อาลัยให้กับแม่ผู้ล่วงลับ และเทพซูสได้นำไปไว้บนท้องฟ้า

----------------------------------------------------------

เมื่อลูกใจดำ แม่ก็ต้องช่วยลูกคนที่ยังรักแม่อยู่

7. กลุ่มดาวแมงป่อง (Scorpius) กลุ่มดาวสารถี (Auriga) และกระจุกดาวลูกไก่ (Pleiades)

เรื่องสุดท้ายนี้ไม่ใช่ตำนานกรีก แต่เป็นของชาวหมู่เกาะมาร์แชลในมหาสมุทรแปซิฟิก แต่เห็นว่าน่าสนใจดีมากเลยขอนำมาเล่าด้วย

เมื่อราชินีแห่งดวงดาวลิเกอดาเนอร์ (Ligedaner) ถึงวัยชรา เธอจึงได้เรียกลูก ๆ ของเธอมาที่เกาะอลินาบลับ (Alinablab) ที่เธออาศัยอยู่ โดยบอกว่าจะให้ลูก ๆ แข่งกันนำเรือไปยังเกาะทางตะวันออกสุด ผู้ใดไปถึงก่อนจะได้สืบทอดตำแหน่งของนาง

เมื่อถึงวันนัดหมาย ในขณะที่ลูก ๆ ทุกคนเตรียมพร้อม ลิเกอดาเนอร์ก็หอบหิ้วข้าวของมาด้วยพร้อมกับเอ่ยถามดูมูร์ (Dumur) บุตรชายคนโตว่าจะขอลงเรือของเขาไปด้วยได้หรือไม่ ดูมูร์เห็นว่าแม่หอบข้าวของมาเยอะกลัวจะทำให้เรือหนักไปช้ากว่าลำอื่นเลยปฏิเสธ นางจึงไปขอลูกคนอื่น ๆ บ้างก็ได้รับคำตอบเดียวกัน จนกระทั่งถึงลูกชายคนเล็กซึ่งเห็นพี่ ๆ ไม่ยอมช่วยเหลือแม่ จึงตกลงใจรับนางลงเรือไปด้วย โดยไม่มีใครล่วงรู้เลยว่า สิ่งที่นางนำมานั้นคือของวิเศษที่จะช่วยให้เรือแล่นได้เร็วกว่าเรือลำอื่น ๆ ทำให้เรือของลูกคนเล็กแล่นนำหน้าเรือของพี่ ๆ ไป

แต่ดูมูร์ลูกคนโตไม่ยอมแพ้จึงพายเรือไล่จี้มาจนเกือบทัน และได้ตะโกนบอกว่า ตนเป็นพี่คนโตจึงสมควรสืบทอดตำแหน่งของมารดามากกว่าใคร ลิเกอดาเนอร์ฟังลูกชายคนโตแล้วก็โกรธมากที่ลูกชายคนโตเห็นแก่ตัวสุด ๆ จึงได้บันดาลให้เกิดกระแสน้ำหมุนวนรอบ ๆ เรือของดูมูร์ ซึ่งแม้ว่าดูมูร์จะพยายามประคองเรือจนไปต่อได้ แต่ในที่สุดเรือของน้องคนเล็กก็ไปถึงเกาะตะวันออกก่อนและได้กลายเป็นราชาแห่งดวงดาวสืบต่อจากแม่

ลิเกอดาเนอร์ได้กลายเป็นดาวคาเปลลา (Capella) ดาวสว่างสุดในกลุ่มดาวสารถี ในขณะที่น้องคนเล็กที่เป็นราชาแห่งดวงดาวองค์ใหม่กลายเป็นกระจุกดาวลูกไก่ ส่วนดูมูร์ผู้โกรธแค้นแม่และน้องชายจนสาบานว่าจะไม่ยอมพบหน้าทั้งคู่อีก ก็ได้กลายเป็นดาวแอนทาเรส (Antares) ในกลุ่มดาวแมงป่อง ซึ่งอยู่ตรงกันข้ามและไม่มีวันปรากฏขึ้นพร้อมกันบนท้องฟ้า

ขอบคุณครับที่อ่านจนจบ

พาพันขอบคุณ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่