พอดีได้มีโอกาสไปสิงคโปร์มาครับ ช่วงวันที่ 24-28/7/19
เนื่องจากชั้นล่างสุดของ Jewel Changi Airport มีโรงหนัง
ซึ่งก็คือ Shaw Theatre ด้วยความอยากรู้ว่าโรงหนังที่นี่มันจะเป็นยังไง
พวกเราเลยลองไปส่องๆดู และก็เพราะไอ้การไปส่องนี่แหละ ทำให้เราไปเจอหนังเรื่อง Crawl
(ถ้ามีโอกาสจะมารีวิว Shaw Theatre ให้อ่านกันครับ)

ทำให้เพื่อนผมมันเกืดแรงบันดาลใจ ณ ตอนนั้น ว่าเราควรดูหนังเรื่องนี้กัน เพราะ
1. เป็นหนังที่เราคิดว่าจะไปดูอยู่แล้ว
2. เข้าก่อนเมืองไทยเกือบเดือน (ที่ไทยเข้า 15 สิงหาครับ)
3. ด้วยความที่เป็นหนังหนีตายเอาตัวรอด คงไม่เน้นบทพูดอะไรมากมาย ดูได้สบายมาก
นี่คือ 3 เหตุผลที่มันพยายามโน้มน้าวให้ผมดูหนังที่นั่น คือมาเที่ยวสิงคโปร์ แต่ชวนดูหนังเนี่ยนะ!!!
หมายเหตุ ภาษาอังกฤษของคนชวนนั้นเข้าขั้นห่วยแตก ส่วนของผมนั้นแค่สามารถถามทางไปห้องน้ำได้เท่านั้นเอง
คิดดูล่ะกันว่าพวกผมห้าวขนาดไหน ที่ตัดสินใจดูหนัง ซึ่งไม่มีซับใดๆเลย เรียกง่ายๆว่าไปดื่มด่ำกับฉากหนีตายล้วนๆเลยเข้าเรื่องเลยล่ะกันครับ

หนังเปิดเรื่องด้วยการเล่าว่าตัวเอกของเรานั้น เฮลีย์ (คาย่า สโคเดลาริโอ) เป็นนักกีฬาว่ายน้ำ คือเกริ่นมาเลยว่าเธอมีความสามารถที่จะลุยน้ำแน่นอน ได้รับโทรศัพท์จากพี่สาวว่าไม่สามารถติดต่อคุณพ่อได้ (แบร์รี่ เป็ปเปอร์) ซึ่งมันตรงกับช่วงที่พายุเฮอร์ริเคนระดับ 5!!! กำลังมาพอดี ทำให้เฮลีย์นั้นต้องกลับไปดูคุณพ่อที่บ้านเก่า และหลังจากนั้นความบันเทิงที่จะทำให้พวกเราลุ้นระทึกไปตลอดก็บังเกิด และต่อไปนี้นี่คือสิ่งที่พวกเราชอบและไม่ชอบของหนังเรื่องนี้ครับ

สิ่งที่ชอบ

- อย่างที่คาดการณ์ไว้ว่าหนังแบบนี้บทพูดคงไม่เยอะ ซึ่งมันก็เป็นจริงอย่างที่เราคาดการณ์ แต่ไม่ได้หมายความว่ามันขาดเนื้อหานะครับ หนังใส่ปมของตัวละครทั้งคู่เข้ามา ทั้งคุณพ่อและคุณลูก และจากสถานการณ์นี้ก็ทำให้มีโอกาสได้สางปมในใจระหว่างกัน ซึ่งสิ่งนี้แหละที่ทำให้ตัวละครดูมีมิติมากขึ้น การกระทำแต่ละอย่างดูมีเหตุผลรองรับ(แต่อาจจะไม่ทั้งหมดนะ)

- นักแสดงทั้ง 2 คนนั้นได้ผ่านการร่วมงานกันมาจาก The Maze Runner แล้ว จะด้วยเหตุผลนี้รึเปล่าที่ทำให้เหมือนพอจะรู้มือกันอยู่ สามารถรับส่งอารมณ์กันได้เป็นอย่างดี คือเล่นเก่งจริงๆ ทำเราอินไปด้วย ทั้งๆที่เพื่อนผมฟังไม่ออก ส่วนผมก็เข้าใจบ้างเล็กน้อยถึงปานกลาง!

- การออกแบบฉาก แต่ละซีนนี่ทำเราระทึกได้จริงๆครับ ซึ่งไอ้การซวยซ้ำซวยซ้อน พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกนี่แหละที่มันยิ่งทวีความระทึกขึ้นไปเรื่อยๆ และก็คงต้องยกความดีความชอบให้กับเสียงประกอบต่างๆด้วย ใช้ได้เหมาะสมกับทุกจังหวะในหนังจริงๆ ฉากลุ้นๆนั้น เอาเราอยู่จริงๆครับ

- การเลือกอุปกรณ์ประกอบฉากอย่างไฟฉายปั่นไฟ (Mechanically powered flashlight) นี่ถือว่าฉลาดและยอดเยี่ยมมาก เพราะไอ้การต้องปั่นด้วยมือให้ไฟติด ซึ่งมันก็ติดๆดับๆ สถานการณ์ที่ต้องแข่งกับเวลาทำเราลุ้นตัวเกร็งไปได้ตั้งหลายซีน 
- เป็นหนังที่จังหวะดีมาก เรียกง่ายๆว่าไพเราะเสนาะจับใจ! ไม่ใช่ล่ะ!!! คือผู้กำกับ (อเล็กซองเดร อาฌา) จังหวะดีมาก แต่ละฉากที่แกถ่ายทอดออกมานั้นทำเรานั่งแทบไม่ติด และเรียกเสียงกรี๊ดในโรงได้ดีมาก

มาถึงส่วนที่ไม่ชอบกันบ้าง

- การขาดการอธิบายว่าทำไม ไอ้เข้ 7เข้ เนี่ย มันดุร้ายจัง! เออ ทำไมว่ะ คือพยายามฟังและสังเกตว่าหนังมันจะบอกกับเราบ้างไหม เพราะเราสงสัยเหลือเกิน ว่าทำไมมันดุจังว่ะ น่าเลี้ยงไว้เฝ้าบ้านมาก และอีกอย่างคือก็คือผมดันมีความเชื่อผิดๆมาตลอดว่าสัตว์มีสัญชาตญาณเหนือมนุษย์ มันน่าจะรับรู้ได้นะว่าพายุจะมา จริงๆไม่ได้จะคิดอะไรมากขนาดนั้นนะครับ แต่มันตะหงิดๆตรงที่ดันใส่หนูเข้ามาในฉาก (ตามความเชื่อของผมปกติหนูนี่แหละที่มักจะรู้ตัวก่อนและอพยพไปก่อนเมื่อรู้ว่ามีพายุจะมา) ส่วนคุณเข้นั้น อาจจะเพราะหวงไข่รึเปล่า หวงถิ่นฐานรึเปล่า ซึ่งนี่ไง มีแต่คำถามครับ เพราะว่าหนังขาดการอธิบายในส่วนนี้ไป หนังให้เหล่าเจ้าเข้นั้นมีมิติเดียว คือดุร้ายสุดๆ อาจจะเพราะต้องการให้หลายๆฉากออกมาสยองและกดดันกับสถานการณ์ต่างๆที่ตัวเอกจะต้องผ่านมันไปให้ได้ถ้าอยากรอด ซึ่งจะรอดหรือไม่ ไปดูกันนะครับ

- และก็จากเหตุผลข้อที่แล้วนี่แหละครับ พอมานึกย้อนกลับไปทำให้มีฉากนึงที่ผมว่ามันขัดๆ ยังไงชอบกลอยู่ (ลองไปรับชมกันนะครับ ว่าผมหมายถึงฉากไหน ผมกับเพื่อนอาจจะรู้สึกกันไปเอง)

สรุปเลยล่ะกัน "เราว่ากันว่า" หนังเรื่องนี้ สนุก ลุ้นระทึกไปตลอดทั้งเรื่องจริงๆ ในขณะที่ดูอยู่เรามีอารมณ์ร่วมไปกับหนัง และลุ้นไปกับทุกตัวละครจริงๆ ต้องยกความดีความชอบให้ผู้กำกับจริงๆครับ เอาอยู่จริงๆ และยิ่งดูในโรงนั้น ก็จะได้ประสบการณ์ร่วมที่ได้อรรถรสเพิ่มขึ้นจากเสียงกรี๊ดของคนในโรง ดังนั้น หนังเรื่องนี้แนะนำเป็นอย่างยิ่งเลยครับ โดยเฉพาะคุณผู้หญิงน่าจะชอบกัน ส่วนคุณผู้ชายคนไหนที่ไปดูกับแฟนก็เตรียมตัวโดนขย้ำได้เลยครับ เพราะพวกเธอจะทั้งลุ้น ทั้งกรี๊ด รวมถึงทั้งดึงเสื้อ หรือดึงมือคุณแน่นอน อิอิ (อันนี้ผมมโนล้วนๆนะครับ อยากมีโอกาสไปดูกับผู้หญิงบ้างจัง ผมดันดูกับผู้ชายไง!)
ขอทิ้งท้ายนิดนึงนะครับ พวกเราแค่ชอบดูหนัง และก็รู้สึกสนุกทุกครั้งที่ได้พูดคุยเรื่องหนัง เราเลยรีวิวในมุมมองของพวกเราเพื่อเป็นการแบ่งปันความคิด ความรู้สึกของเรากับหนังเรื่องนั้นๆ ซึ่งถ้าหนังสนุกเราก็อยากแนะนำต่อเท่านั้นเองครับ ไม่ได้เป็นกูรูหรือนักวิจารณ์มาจากไหน ถ้าผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ