คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
คุณเป็นคนที่เก่ง ครับ
ดูจากเนื้อหา ที่เคยตั้งกระทุ้เก่า ๆ รวมถึงกระทู้นี้
แต่ว่า ประสบการณ์ในสังคม การใช้ชีวิต อาจยังไม่เพียงพอ
ซึ่งอย่าได้กังวลเลยครับ
สมัยเรียน ผมก็เคย กังวล คล้ายคุณ
แต่พอถึงเวลา ด้วยสติ ของเรา เราก็จะผ่าน และเรียนรู้ได้เอง ครับ
ว่า โลกนี้นั้นหลากหลาย ไม่ได้มีอะไรที่เป็นต้นแบบถาวร
เราก็คือ ต้นแบบในแบบของเรา
เราสามารถนำข้อดีคนอื่น มารวบรวม เรียบเรียงใหม่
แต่ไม่ต้องไปเหมือนคนอื่น ซะทั้งหมด ครับ
>.............. แต่มีบางสิ่งที่ผมไม่เคยมี ไม่เคยทำ แต่เพื่อนมีและทำ ท่านคิดว่าผมควรเพิ่มส่วนไหนบ้างครับ? ซึ่งพอแจกแจงได้ดังนี้
อย่างที่บอกไปครับ
เราไม่จำเป็นต้องเหมือนคนอื่น
แต่เราเลือก ที่จะดึงเอาสิ่งดี ๆ คนอื่น มาใช้ประโยชน์ได้
ดังนั้น เพื่อนบอก... ไม่ต้องเชื่อซะทั้งหมด
ต้องคิด ว่า อันไหน เราอยากทำ
อันไหนมีประโยชน์ (ข้อนี้สำคัญ ผมเชื่อว่าคุณคิดได้แน่ ๆ )
>>> 1) ผมไม่เคยถ่ายรูปด้วยกล้องถ่ายรูปแม้ว่าจะได้ถือหรือเป็นเจ้าของก็เถอะ
หมายถึง เข้ากล้อง/โดนถ่าย
หรือว่า เป็นผู้ถือกล้อง แล้วถ่ายคนอื่นครับ
ในมือถือของคุณไม่มีรูปเลยหรือ
อย่างผมเอง มือสั่นครับ ถ่ายรูปไม่เก่ง
แต่ก็มีถ่ายรูปอย่างอื่นบ้าง เช่น ท่อน้ำแตก , ถ่ายรูปวิธีตั้งค่าทีวี , ถ่ายรูปลูกสาว เพื่อเอาไปทำรูปติดบัตร
จะเห็นว่า ที่ผมยกตัวอย่าง คือ ถ่ายเพราะมีเหตุให้ถ่าย
ผมเชื่อว่า คุณเอง ก็ย่อมมีรูป ที่เกิดจากฝีมือคุณ บ้าง
เมื่อมีเหตุให้ต้องถา่ย
เช่น ถ่ายภาพโจทย์ ที่ไปเจอมา แล้วไม่สะดวกจด
ถ่ายภาพสถานที่จัดงานแข่งขันวิชาการ ที่คุณมองว่า น่าประทับใจ
หรือ ถ้ามุมกลับกัน คือ "การเข้ากล้อง"
เช่นกัน ผมเองก็ไม่ค่อยชอบเข้ากล้อง
แต่ พออายุ มากขึ้น ด้วยหน้าที่การงาน ก็จำเป็นต้องทำ ครับ
ต้องไปจุดธูปพระประธาน แล้วมีคนถ่ายรูป (เสร็จแล้วค่อยมานั่ง วิจารณ์รูปตัวเอง แบบขำ ๆ ว่า พุงยื่น)
ต้องไปยืนหน้าเวที เป็นวิทยากร แล้วมีคนถ่าย VDO
นั่นคือ ถ้าจำเป็น เราก็ทำได้
และเชื่อว่าคุณก็เป็นเช่นนั้น
แต่... ถ้ามองใน เรื่อง วัย
ช่วงวัยขนาดนี้ ถ่ายรูปกับเพื่อนๆ ไว้บ้างก็ดีครับ
เดี๋ยวเหมือนแบบพวกผม เรียนจบกันมาหลายสิบปี
ย้อนกลับไป เอารูปสมัยเรียนมานั่งคุยกัน
เจอแต่ภาพเพื่อน ๆ กันเยอะ
แต่ภาพผม ไม่ค่อยมีเลย ฮ่าฮ่า
>>> 2) ไม่มีเพื่อนที่สนิทเป็นแบบคบกันนานปี บางคนก็คบสนิทกันตั้งแต่ประถม แต่ผมไม่เป็นเช่นนั้นเลย
เช่นกันครับ อย่าได้กังวล
ผมเคยตอบกระทู้แบบนี้เยอะ
คนเราไม่เหมือนกันครับ ผมเองก็มีเพื่อนสนิทสมัยเรียน แต่พอเรียนจบแต่ละระดับชั้น ก็แยก ๆ กันไป
เจอกันก็คุยกันได้ปกติ แต่ไม่ได้สนิท ชนิดที่ ยังนัดเจอกันบ่อย ๆ
เพราะต่างคนต่างก็มีหน้าที่การงานครอบครัว
แต่.. บางคนก็ไม่เช่นนั้น ก็มี นัดเจอกันบ่อย ๆ ก็มี
นั่นคือ ผมจะบอกคุณว่า คนเรา ไม่เหมือนกัน
เรื่องนี้ ไม่ใช่สิ่งผิดปกติ
แต่... มีไว้บ้าง ก็ดีครับ
เพื่อนช่วยเพื่อนได้ ยามคับขัน ก็มีเยอะครับ

>>> 3)* ในชีวิตผมไปพบปะเพื่อนโดยไม่มีพ่อแม่แค่ครั้งเดียว
อืมมม ม. 4 แล้ว
อันนี้ ผิดปกติ ครับ
ผมไล่ตอบกระทู้คุณแบบ ไล่อ่าน แล้วตอบเลยสด ๆ
โดยไม่ได้อ่านจนหมด
ไม่แน่ใจว่า ปํญหานี้ของคุณเกิดจากอะไร พ่อแม่ หรือตัวคุณเอง
แต่.... ควรเปลี่ยนแปลง ครับ ข้อนี้
เพราะอย่างผม ลูกสองคน
ผมก็ยุ ให้ลูกไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ ได้
แต่ของบ้านผม ผมเอง ดุ หน่อย
คือ มีข้อแม้ ว่า "เดินทางปลอดภัย/ไปไหนต้องบอก" (เวลามีเรื่องจะได้รู้ว่า อยู่ตรงไหนแล้ว)
นอกนั้น ... ตามสบาย อยากไปไหนก็ไป... (แต่ต้องบอก)
>>> 4)* ผมไม่เคยเดินห้าง ไปเที่ยว ไปไหนมาไหนแบบคนเดียว หรือไปกับเพื่อนเลย สรุปว่าผมไปไหนมาไหนต้องไปกับพ่อแม่ทุกครั้ง
เช่นกัน
ควรเปลี่ยนแปลง ครับ
การที่ไปไหนมาไหนด้วยตนเอง จะทำให้เริ่มมีความมั่นใจ และรู้จักการ "เอาตัวรอด" ได้เก่งขึ้น
>>> 5) ในโรงเรียน ผมแทบไม่รู้จักเพื่อนคนอื่นที่เป็นรุ่นเดียวกัน เพราะเมื่อก่อนห้องเรียนผมอุดมไปด้วยเพื่อนที่หน้าตาเดิม ๆ ทุกครั้ง
อันนี้ สมัยเรียน ผมเองก็เป็น นะครับ
แต่มันก็เป็นเพราะโรงเรียนจัด อันนี้ช่วยอะไรไม่ได้
>>> 6) ในโรงเรียน ผมแทบจะไม่รู้จักชื่อรุ่นพี่ ม.5 ม.6 เป็นส่วนมาก ฉะนั้นผมจึงไม่อินกับกิจกรรมรับน้อง ม.4 ที่รุ่นพี่จัดเลย
อิอิ ผมก็เป็นครับ
รุ่นพี่ รุ่นน้อง ผมไม่รู้จักชื่อเลย
ยังโตมาได้จนอายุปูนนี้เลย
>>> 7) ผมเล่นดนตรี กีฬา ไม่เป็นเลย (วิชาการล้วน ๆ คณิต ฟิสิกส์ เคมี 100%)
อันนี้ เพื่อสุขภาพ และเพื่อคะแนนวิชาเรียน (วิชาพลศึกษา)
ควรเป็นบ้างครับ
อย่างผมนี่ ว่ายน้ำ ปิงปอง แบดมินตัน
ถือว่าได้อยู่
แต่จะชอบกีฬา ที่เล่นคนเดียวมากกว่า (เช่นว่ายน้ำ)
>>> 8) ผมไปเรียนพิเศษแค่โรงเรียนกวดวิชาภายในอำเภอ ที่มีค่าเรียนแค่หลักพัน
>> เรียนก็พอรู้เรื่องบ้าง แต่ไม่เจาะลึก และไม่เคยไปที่มีติวเตอร์ดัง ๆ เลย
จากนิสัยการตั้งกระทุ้ และ เนื้อหาที่คุณเล่ามา
ถามคุณก่อนว่า "คุณเคยทดสอบ... เรียนด้วยตนเองหรือไม่"
ลองดูครับ ถ้าทำได้
ข้อ 8 นี้ อย่ากังวลเลยครับ จริง ๆ ครับ
>>> 9) จิตสุนทรีย์ไม่มีพอ ร้องเพลงก็ไม่ได้ จำเนื้อเพลงไม่ได้ ได้แค่ปรบมือเบาตามจังหวะเบา ๆ
อันนี้ ค่อย ๆ ฝึกไปครับ เดี๋ยวโตขึ้น ก็ทำได้
อีกอย่าง อยากบอกคุณว่า ความสามารถขนาดคุณ
เวลาร้องเพลง ผมเชื่อว่า... ทำได้ครับ เพราะจะ "มองตัวเองออก"
ส่วนเรื่องจำเนื้อเพลงไม่ได้ ผมก็เป็นครับ
อยากบอกว่า คนที่เก่งคำนวณ หรือมีพรสวรรค์ ด้านคำนวณ ด้านการเรียนรู้
จะมีจุดอ่อน ด้านความจำ ครับ
ทำใจครับ อันนี้ ฮ่าฮ่า
>>> 10) ผมแทบจะไม่ไปกรุงเทพฯ ในวันหยุดและช่วงปิดเทอม (จะไปแค่ที่ทำงานคุณแม่ที่อยู่เขตหลักสี่)
อันนี้ ก็ไม่เห็นต้องกังวล ครับ
ถึงเวลา ถ้าเรามี สติ (ผมเน้นสติจริง ๆ)
อะไรเราก็ทำได้ เมื่อจำเป็นครับ
ผมเป็นเด็กหาดใหญ่ ไปกรุงเทพ แค่ 2 ครั้ง ก่อน ม.6
แล้วไปอีกที ก็โน่นเลย ตอนเรียนปริญญาตรี ครับ
>>> 11) ผมนั้นก็มองตัวเองว่า เวลาผมพูด ผมจะใช้ภาษาระดับโคตรทางการ รับรองเพื่อนเปอร์เซ็นมากแทบไม่เข้าใจ
อันนี้ ฝึกฝนได้ครับ
แค่ "คิดก่อนพูด"
จริง ๆครับ คิดก่อนพูด
และ "เอาใจเขามาใส่ใจเรา"
เหมือนเวลาผม สอนคอมพิวเตอร์
สอนผู้บริหาร , สอนแม่บ้าน , สอนเซลล์ , สอนครู
แม้เรื่องเดียวกัน ผมจะยกตัวอย่างคนละแบบ
เอาอย่าง เรื่องจับเมาส์ ตอนสอน Windows พื้นฐาน
ผมสอนครู ผมก็บอกว่า เหมือนจับแปรงลบกระดาน
ผมสอนแม่บ้าน ผมก็บอกว่า เหมือนจับผ้าเช็ดโตีะ
>>> และ 12) ผมนั้น ยิ่งทำตัวเหมือนพนักงานออฟฟิตทุกวัน ๆ คือทำการบ้าน
>>> นั่งหน้าคอมทำงาน พิมพ์งานเล่น ๆ นั่งทำข้อสอบตอนว่าง ๆ บนโต๊ะทำงานหลายชั่วโมง
>>> ฉะนั้นจึงไม่มีเวลาที่จะทำบางสิ่งบางอย่างในข้อก่อนหน้านี้
ก็อย่าได้กังวล เลยครับ
ไม่มีทั้งข้อดี และข้อเสีย ครับ
LifeStyle แต่ละคน ต่างกัน
อ่านจบ ตอบจบ เหนื่อยดี
คุณจะเห็นว่า ผมใช้คำอธิบายคุณซ้ำ ๆ ว่า อย่ากังวล
อาจดู กว้างหรือห่างไกล ทำยาก
แต่จริงๆ ครับ
แหม! อยากบอกจังเลย ว่า หลาย ๆ อย่างของคุณนี่คล้ายผม สมัยวัยรุ่นเลย
เพียงแต่ว่า เป็นคนละสมัย(คนละเทคโนโลยี่)
คนละจังหวัด
คนละยุค
เท่านั้นเอง
ถ้ามีเวลา มานั่งคุยกัน จะช่วยแนะนำให้ได้เยอะเลยครับ ฮ่าฮ่า
อนึ่ง...จากที่อ่านมา คุณใช้ภาษาที่ดี ... ข้อนี้อย่าให้เสีย นะครับ
การพูดจา ใช้วาจา ที่ดี ถูกกาลเทศะ ข้อนี้ ก็อย่าให้เสีย ครับ ... ถ้าอยากรู้ค่อยเล่าให้ฟัง
ผมเอง คล้ายกับคุณมาก
จนอยากบอกว่า หลายอย่าง อย่าไปกังวล (ใช้คำเดิมอีกแล้ว)
จริง ๆ ครับ
ไม่แน่ พอเรียนจบ แล้วทำงานสัก 1-2 ปี
กลับมาอ่านกระทู้นี้ คุณอาจนึกขำ ด้วยซ้ำไป ว่า ทำไมเรากังวลขนาดนี้
(ผมเอง สมัย ม.4-ม.6 เคยเขียนไดอารี่ เป็นเล่ม แบบเขียนทุกวัน กลับไปอ่านดู ยังขำตัวเองเลย)
ดูจากเนื้อหา ที่เคยตั้งกระทุ้เก่า ๆ รวมถึงกระทู้นี้
แต่ว่า ประสบการณ์ในสังคม การใช้ชีวิต อาจยังไม่เพียงพอ
ซึ่งอย่าได้กังวลเลยครับ
สมัยเรียน ผมก็เคย กังวล คล้ายคุณ
แต่พอถึงเวลา ด้วยสติ ของเรา เราก็จะผ่าน และเรียนรู้ได้เอง ครับ
ว่า โลกนี้นั้นหลากหลาย ไม่ได้มีอะไรที่เป็นต้นแบบถาวร
เราก็คือ ต้นแบบในแบบของเรา
เราสามารถนำข้อดีคนอื่น มารวบรวม เรียบเรียงใหม่
แต่ไม่ต้องไปเหมือนคนอื่น ซะทั้งหมด ครับ
>.............. แต่มีบางสิ่งที่ผมไม่เคยมี ไม่เคยทำ แต่เพื่อนมีและทำ ท่านคิดว่าผมควรเพิ่มส่วนไหนบ้างครับ? ซึ่งพอแจกแจงได้ดังนี้
อย่างที่บอกไปครับ
เราไม่จำเป็นต้องเหมือนคนอื่น
แต่เราเลือก ที่จะดึงเอาสิ่งดี ๆ คนอื่น มาใช้ประโยชน์ได้
ดังนั้น เพื่อนบอก... ไม่ต้องเชื่อซะทั้งหมด
ต้องคิด ว่า อันไหน เราอยากทำ
อันไหนมีประโยชน์ (ข้อนี้สำคัญ ผมเชื่อว่าคุณคิดได้แน่ ๆ )
>>> 1) ผมไม่เคยถ่ายรูปด้วยกล้องถ่ายรูปแม้ว่าจะได้ถือหรือเป็นเจ้าของก็เถอะ
หมายถึง เข้ากล้อง/โดนถ่าย
หรือว่า เป็นผู้ถือกล้อง แล้วถ่ายคนอื่นครับ
ในมือถือของคุณไม่มีรูปเลยหรือ
อย่างผมเอง มือสั่นครับ ถ่ายรูปไม่เก่ง
แต่ก็มีถ่ายรูปอย่างอื่นบ้าง เช่น ท่อน้ำแตก , ถ่ายรูปวิธีตั้งค่าทีวี , ถ่ายรูปลูกสาว เพื่อเอาไปทำรูปติดบัตร
จะเห็นว่า ที่ผมยกตัวอย่าง คือ ถ่ายเพราะมีเหตุให้ถ่าย
ผมเชื่อว่า คุณเอง ก็ย่อมมีรูป ที่เกิดจากฝีมือคุณ บ้าง
เมื่อมีเหตุให้ต้องถา่ย
เช่น ถ่ายภาพโจทย์ ที่ไปเจอมา แล้วไม่สะดวกจด
ถ่ายภาพสถานที่จัดงานแข่งขันวิชาการ ที่คุณมองว่า น่าประทับใจ
หรือ ถ้ามุมกลับกัน คือ "การเข้ากล้อง"
เช่นกัน ผมเองก็ไม่ค่อยชอบเข้ากล้อง
แต่ พออายุ มากขึ้น ด้วยหน้าที่การงาน ก็จำเป็นต้องทำ ครับ
ต้องไปจุดธูปพระประธาน แล้วมีคนถ่ายรูป (เสร็จแล้วค่อยมานั่ง วิจารณ์รูปตัวเอง แบบขำ ๆ ว่า พุงยื่น)
ต้องไปยืนหน้าเวที เป็นวิทยากร แล้วมีคนถ่าย VDO
นั่นคือ ถ้าจำเป็น เราก็ทำได้
และเชื่อว่าคุณก็เป็นเช่นนั้น
แต่... ถ้ามองใน เรื่อง วัย
ช่วงวัยขนาดนี้ ถ่ายรูปกับเพื่อนๆ ไว้บ้างก็ดีครับ
เดี๋ยวเหมือนแบบพวกผม เรียนจบกันมาหลายสิบปี
ย้อนกลับไป เอารูปสมัยเรียนมานั่งคุยกัน
เจอแต่ภาพเพื่อน ๆ กันเยอะ
แต่ภาพผม ไม่ค่อยมีเลย ฮ่าฮ่า
>>> 2) ไม่มีเพื่อนที่สนิทเป็นแบบคบกันนานปี บางคนก็คบสนิทกันตั้งแต่ประถม แต่ผมไม่เป็นเช่นนั้นเลย
เช่นกันครับ อย่าได้กังวล
ผมเคยตอบกระทู้แบบนี้เยอะ
คนเราไม่เหมือนกันครับ ผมเองก็มีเพื่อนสนิทสมัยเรียน แต่พอเรียนจบแต่ละระดับชั้น ก็แยก ๆ กันไป
เจอกันก็คุยกันได้ปกติ แต่ไม่ได้สนิท ชนิดที่ ยังนัดเจอกันบ่อย ๆ
เพราะต่างคนต่างก็มีหน้าที่การงานครอบครัว
แต่.. บางคนก็ไม่เช่นนั้น ก็มี นัดเจอกันบ่อย ๆ ก็มี
นั่นคือ ผมจะบอกคุณว่า คนเรา ไม่เหมือนกัน
เรื่องนี้ ไม่ใช่สิ่งผิดปกติ
แต่... มีไว้บ้าง ก็ดีครับ
เพื่อนช่วยเพื่อนได้ ยามคับขัน ก็มีเยอะครับ

>>> 3)* ในชีวิตผมไปพบปะเพื่อนโดยไม่มีพ่อแม่แค่ครั้งเดียว
อืมมม ม. 4 แล้ว
อันนี้ ผิดปกติ ครับ
ผมไล่ตอบกระทู้คุณแบบ ไล่อ่าน แล้วตอบเลยสด ๆ
โดยไม่ได้อ่านจนหมด
ไม่แน่ใจว่า ปํญหานี้ของคุณเกิดจากอะไร พ่อแม่ หรือตัวคุณเอง
แต่.... ควรเปลี่ยนแปลง ครับ ข้อนี้
เพราะอย่างผม ลูกสองคน
ผมก็ยุ ให้ลูกไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ ได้
แต่ของบ้านผม ผมเอง ดุ หน่อย
คือ มีข้อแม้ ว่า "เดินทางปลอดภัย/ไปไหนต้องบอก" (เวลามีเรื่องจะได้รู้ว่า อยู่ตรงไหนแล้ว)
นอกนั้น ... ตามสบาย อยากไปไหนก็ไป... (แต่ต้องบอก)
>>> 4)* ผมไม่เคยเดินห้าง ไปเที่ยว ไปไหนมาไหนแบบคนเดียว หรือไปกับเพื่อนเลย สรุปว่าผมไปไหนมาไหนต้องไปกับพ่อแม่ทุกครั้ง
เช่นกัน
ควรเปลี่ยนแปลง ครับ
การที่ไปไหนมาไหนด้วยตนเอง จะทำให้เริ่มมีความมั่นใจ และรู้จักการ "เอาตัวรอด" ได้เก่งขึ้น
>>> 5) ในโรงเรียน ผมแทบไม่รู้จักเพื่อนคนอื่นที่เป็นรุ่นเดียวกัน เพราะเมื่อก่อนห้องเรียนผมอุดมไปด้วยเพื่อนที่หน้าตาเดิม ๆ ทุกครั้ง
อันนี้ สมัยเรียน ผมเองก็เป็น นะครับ
แต่มันก็เป็นเพราะโรงเรียนจัด อันนี้ช่วยอะไรไม่ได้
>>> 6) ในโรงเรียน ผมแทบจะไม่รู้จักชื่อรุ่นพี่ ม.5 ม.6 เป็นส่วนมาก ฉะนั้นผมจึงไม่อินกับกิจกรรมรับน้อง ม.4 ที่รุ่นพี่จัดเลย
อิอิ ผมก็เป็นครับ
รุ่นพี่ รุ่นน้อง ผมไม่รู้จักชื่อเลย
ยังโตมาได้จนอายุปูนนี้เลย
>>> 7) ผมเล่นดนตรี กีฬา ไม่เป็นเลย (วิชาการล้วน ๆ คณิต ฟิสิกส์ เคมี 100%)
อันนี้ เพื่อสุขภาพ และเพื่อคะแนนวิชาเรียน (วิชาพลศึกษา)
ควรเป็นบ้างครับ
อย่างผมนี่ ว่ายน้ำ ปิงปอง แบดมินตัน
ถือว่าได้อยู่
แต่จะชอบกีฬา ที่เล่นคนเดียวมากกว่า (เช่นว่ายน้ำ)
>>> 8) ผมไปเรียนพิเศษแค่โรงเรียนกวดวิชาภายในอำเภอ ที่มีค่าเรียนแค่หลักพัน
>> เรียนก็พอรู้เรื่องบ้าง แต่ไม่เจาะลึก และไม่เคยไปที่มีติวเตอร์ดัง ๆ เลย
จากนิสัยการตั้งกระทุ้ และ เนื้อหาที่คุณเล่ามา
ถามคุณก่อนว่า "คุณเคยทดสอบ... เรียนด้วยตนเองหรือไม่"
ลองดูครับ ถ้าทำได้
ข้อ 8 นี้ อย่ากังวลเลยครับ จริง ๆ ครับ
>>> 9) จิตสุนทรีย์ไม่มีพอ ร้องเพลงก็ไม่ได้ จำเนื้อเพลงไม่ได้ ได้แค่ปรบมือเบาตามจังหวะเบา ๆ
อันนี้ ค่อย ๆ ฝึกไปครับ เดี๋ยวโตขึ้น ก็ทำได้
อีกอย่าง อยากบอกคุณว่า ความสามารถขนาดคุณ
เวลาร้องเพลง ผมเชื่อว่า... ทำได้ครับ เพราะจะ "มองตัวเองออก"
ส่วนเรื่องจำเนื้อเพลงไม่ได้ ผมก็เป็นครับ
อยากบอกว่า คนที่เก่งคำนวณ หรือมีพรสวรรค์ ด้านคำนวณ ด้านการเรียนรู้
จะมีจุดอ่อน ด้านความจำ ครับ
ทำใจครับ อันนี้ ฮ่าฮ่า
>>> 10) ผมแทบจะไม่ไปกรุงเทพฯ ในวันหยุดและช่วงปิดเทอม (จะไปแค่ที่ทำงานคุณแม่ที่อยู่เขตหลักสี่)
อันนี้ ก็ไม่เห็นต้องกังวล ครับ
ถึงเวลา ถ้าเรามี สติ (ผมเน้นสติจริง ๆ)
อะไรเราก็ทำได้ เมื่อจำเป็นครับ
ผมเป็นเด็กหาดใหญ่ ไปกรุงเทพ แค่ 2 ครั้ง ก่อน ม.6
แล้วไปอีกที ก็โน่นเลย ตอนเรียนปริญญาตรี ครับ
>>> 11) ผมนั้นก็มองตัวเองว่า เวลาผมพูด ผมจะใช้ภาษาระดับโคตรทางการ รับรองเพื่อนเปอร์เซ็นมากแทบไม่เข้าใจ
อันนี้ ฝึกฝนได้ครับ
แค่ "คิดก่อนพูด"
จริง ๆครับ คิดก่อนพูด
และ "เอาใจเขามาใส่ใจเรา"
เหมือนเวลาผม สอนคอมพิวเตอร์
สอนผู้บริหาร , สอนแม่บ้าน , สอนเซลล์ , สอนครู
แม้เรื่องเดียวกัน ผมจะยกตัวอย่างคนละแบบ
เอาอย่าง เรื่องจับเมาส์ ตอนสอน Windows พื้นฐาน
ผมสอนครู ผมก็บอกว่า เหมือนจับแปรงลบกระดาน
ผมสอนแม่บ้าน ผมก็บอกว่า เหมือนจับผ้าเช็ดโตีะ
>>> และ 12) ผมนั้น ยิ่งทำตัวเหมือนพนักงานออฟฟิตทุกวัน ๆ คือทำการบ้าน
>>> นั่งหน้าคอมทำงาน พิมพ์งานเล่น ๆ นั่งทำข้อสอบตอนว่าง ๆ บนโต๊ะทำงานหลายชั่วโมง
>>> ฉะนั้นจึงไม่มีเวลาที่จะทำบางสิ่งบางอย่างในข้อก่อนหน้านี้
ก็อย่าได้กังวล เลยครับ
ไม่มีทั้งข้อดี และข้อเสีย ครับ
LifeStyle แต่ละคน ต่างกัน
อ่านจบ ตอบจบ เหนื่อยดี
คุณจะเห็นว่า ผมใช้คำอธิบายคุณซ้ำ ๆ ว่า อย่ากังวล
อาจดู กว้างหรือห่างไกล ทำยาก
แต่จริงๆ ครับ
แหม! อยากบอกจังเลย ว่า หลาย ๆ อย่างของคุณนี่คล้ายผม สมัยวัยรุ่นเลย
เพียงแต่ว่า เป็นคนละสมัย(คนละเทคโนโลยี่)
คนละจังหวัด
คนละยุค
เท่านั้นเอง
ถ้ามีเวลา มานั่งคุยกัน จะช่วยแนะนำให้ได้เยอะเลยครับ ฮ่าฮ่า
อนึ่ง...จากที่อ่านมา คุณใช้ภาษาที่ดี ... ข้อนี้อย่าให้เสีย นะครับ
การพูดจา ใช้วาจา ที่ดี ถูกกาลเทศะ ข้อนี้ ก็อย่าให้เสีย ครับ ... ถ้าอยากรู้ค่อยเล่าให้ฟัง
ผมเอง คล้ายกับคุณมาก
จนอยากบอกว่า หลายอย่าง อย่าไปกังวล (ใช้คำเดิมอีกแล้ว)
จริง ๆ ครับ
ไม่แน่ พอเรียนจบ แล้วทำงานสัก 1-2 ปี
กลับมาอ่านกระทู้นี้ คุณอาจนึกขำ ด้วยซ้ำไป ว่า ทำไมเรากังวลขนาดนี้
(ผมเอง สมัย ม.4-ม.6 เคยเขียนไดอารี่ เป็นเล่ม แบบเขียนทุกวัน กลับไปอ่านดู ยังขำตัวเองเลย)

แสดงความคิดเห็น
ผมนั้นเป็นคนวิชาการเกินไป
1) ผมไม่เคยถ่ายรูปด้วยกล้องถ่ายรูปแม้ว่าจะได้ถือหรือเป็นเจ้าของก็เถอะ
2) ไม่มีเพื่อนที่สนิทเป็นแบบคบกันนานปี บางคนก็คบสนิทกันตั้งแต่ประถม แต่ผมไม่เป็นเช่นนั้นเลย
3)* ในชีวิตผมไปพบปะเพื่อนโดยไม่มีพ่อแม่แค่ครั้งเดียว
4)* ผมไม่เคยเดินห้าง ไปเที่ยว ไปไหนมาไหนแบบคนเดียว หรือไปกับเพื่อนเลย สรุปว่าผมไปไหนมาไหนต้องไปกับพ่อแม่ทุกครั้ง
5) ในโรงเรียน ผมแทบไม่รู้จักเพื่อนคนอื่นที่เป็นรุ่นเดียวกัน เพราะเมื่อก่อนห้องเรียนผมอุดมไปด้วยเพื่อนที่หน้าตาเดิม ๆ ทุกครั้ง
6) ในโรงเรียน ผมแทบจะไม่รู้จักชื่อรุ่นพี่ ม.5 ม.6 เป็นส่วนมาก ฉะนั้นผมจึงไม่อินกับกิจกรรมรับน้อง ม.4 ที่รุ่นพี่จัดเลย
7) ผมเล่นดนตรี กีฬา ไม่เป็นเลย (วิชาการล้วน ๆ คณิต ฟิสิกส์ เคมี 100%)
8) ผมไปเรียนพิเศษแค่โรงเรียนกวดวิชาภายในอำเภอ ที่มีค่าเรียนแค่หลักพัน เรียนก็พอรู้เรื่องบ้าง แต่ไม่เจาะลึก และไม่เคยไปที่มีติวเตอร์ดัง ๆ เลย
9) จิตสุนทรีย์ไม่มีพอ ร้องเพลงก็ไม่ได้ จำเนื้อเพลงไม่ได้ ได้แค่ปรบมือเบาตามจังหวะเบา ๆ
10) ผมแทบจะไม่ไปกรุงเทพฯ ในวันหยุดและช่วงปิดเทอม (จะไปแค่ที่ทำงานคุณแม่ที่อยู่เขตหลักสี่)
11) ผมนั้นก็มองตัวเองว่า เวลาผมพูด ผมจะใช้ภาษาระดับโคตรทางการ รับรองเพื่อนเปอร์เซ็นมากแทบไม่เข้าใจ
และ 12) ผมนั้น ยิ่งทำตัวเหมือนพนักงานออฟฟิตทุกวัน ๆ คือทำการบ้าน นั่งหน้าคอมทำงาน พิมพ์งานเล่น ๆ นั่งทำข้อสอบตอนว่าง ๆ บนโต๊ะทำงานหลายชั่วโมง ฉะนั้นจึงไม่มีเวลาที่จะทำบางสิ่งบางอย่างในข้อก่อนหน้านี้
*หมายเหตุ : ข้อ 3) 4) ไม่ใช่ว่าผมไม่ชอบหรือเบื่อพ่อแม่นะ เพียงแต่ว่าผมเป็นคนรักและใกล้ชิดพ่อแม่มามาก จึงพบผู้ใหญ่ที่เป็นเพื่อนพ่อหรือแม่ มากกว่าเพื่อน