ก่อนจะถึงประเด็นว่า พระไตรปิฎกแสดงเรื่องเหล่าบัวไว้อย่างไร ดิฉันอยากให้ทุกท่านชมคลิปนี้ เป็นคลิปที่สะท้อนความเข้าใจผิดของศิษย์วัดนาฯ ทั้งประเทศ ประชาชนชาวพุทธทั้งประเทศถูกคึกฤทธิ์สอนผิด โดยสอนว่า บัวสามเหล่าคือ "ลำดับการบรรลุธรรม"
ศิษย์วัดนาฯ จึงพยายามหาว่าตัวเองตอนนี้เหล่าไหนแล้ว ใครเข้ามาใหม่ก็เข้าใจว่าตนเองสุตะน้อย ยังเป็นบัวใต้น้ำอยู่ พอเริ่มค้นหาพระสูตรเป็น ก๊อปแปะได้ ก็คิดว่าตนขยับมาเป็นบัวปริ่มน้ำ พอท่องปฏิจสมุปบาทได้หน่อย ก็เข้าใจว่าตนโสดาบันแล้ว
บางคนเป็นหนักเข้าใจว่าตนรู้ถ้วนทั่วในปฏิจสมุปบาท เป็น "เอกพีชี" เกิดอีกชาติเดียวก็มี ชมคลิปค่ะ
ดูความคิดและความเข้าใจของเขาได้จากคลิป

คำอธิบายที่ถูกต้องตามพุทธวจนะของจริงในเรื่อง "บัวสามเหล่า"
บัวสามเหล่าตามที่ปรากฏในพระไตรปิฎกนั้น พระพุทธเจ้าทรงหมายถึงความยากง่ายในการสอนให้บรรลุธรรม
ในพระไตรปิฎกจะมีข้อความให้สังเกตคือ
ดูกรราชกุมาร เมื่ออาตมภาพตรวจดูโลกด้วยพุทธจักษุ ก็ฉันนั้นได้เห็นหมู่สัตว์ซึ่งมีกิเลสดุจธุลีในจักษุน้อยก็มี มีกิเลสดุจธุลีในจักษุมากก็มี มีอินทรีย์แก่กล้าก็มีมีอินทรีย์อ่อนก็มี มีอาการดีก็มี มีอาการเลวก็มี
"จะพึงสอนให้รู้ได้ง่ายก็มี จะพึงสอนให้รู้ได้ยากก็มี"
แต่วัดนาป่าพงนำไปสอนโดยอธิบายความหมายผิด หรือทำให้คนเข้าใจผิดว่า บัวสามเหล่าคือการพัฒนาทางปัญญาของคนที่จะบรรลุธรรม ส่วนมากผู้ฟังธรรมจากวัดนี้จึงพากันพิจารณาว่าตนตอนนี้เป็นบัวเหล่าไหน แล้วพากันคิดว่า ฉันเพิ่งมาศึกษาฉันเป็นเหล่าที่ ๓ ต่อมาฟังมากๆ เข้า ตัวเองก็คิดว่าตนพัฒนาเป็นเหล่าที่ ๒ และพัฒนาต่อไปจนเป็นเหล่าที่ ๑
บางคนท่องปฏิจสมุปบาทได้ก็เข้าใจว่าตนบรรลุธรรมแล้ว
สรุป บัวสามเหล่า ทรงอุปมาถึงสอนยากสอนง่าย มิใช่อุปมาพัฒนาการหรือลำดับการบรรลุธรรม
บัวสามเหล่า บัวสี่เหล่า ที่วัดนาป่าพงสอนผิด
ศิษย์วัดนาฯ จึงพยายามหาว่าตัวเองตอนนี้เหล่าไหนแล้ว ใครเข้ามาใหม่ก็เข้าใจว่าตนเองสุตะน้อย ยังเป็นบัวใต้น้ำอยู่ พอเริ่มค้นหาพระสูตรเป็น ก๊อปแปะได้ ก็คิดว่าตนขยับมาเป็นบัวปริ่มน้ำ พอท่องปฏิจสมุปบาทได้หน่อย ก็เข้าใจว่าตนโสดาบันแล้ว
บางคนเป็นหนักเข้าใจว่าตนรู้ถ้วนทั่วในปฏิจสมุปบาท เป็น "เอกพีชี" เกิดอีกชาติเดียวก็มี ชมคลิปค่ะ
ดูความคิดและความเข้าใจของเขาได้จากคลิป
คำอธิบายที่ถูกต้องตามพุทธวจนะของจริงในเรื่อง "บัวสามเหล่า"
บัวสามเหล่าตามที่ปรากฏในพระไตรปิฎกนั้น พระพุทธเจ้าทรงหมายถึงความยากง่ายในการสอนให้บรรลุธรรม
ในพระไตรปิฎกจะมีข้อความให้สังเกตคือ
ดูกรราชกุมาร เมื่ออาตมภาพตรวจดูโลกด้วยพุทธจักษุ ก็ฉันนั้นได้เห็นหมู่สัตว์ซึ่งมีกิเลสดุจธุลีในจักษุน้อยก็มี มีกิเลสดุจธุลีในจักษุมากก็มี มีอินทรีย์แก่กล้าก็มีมีอินทรีย์อ่อนก็มี มีอาการดีก็มี มีอาการเลวก็มี "จะพึงสอนให้รู้ได้ง่ายก็มี จะพึงสอนให้รู้ได้ยากก็มี"
แต่วัดนาป่าพงนำไปสอนโดยอธิบายความหมายผิด หรือทำให้คนเข้าใจผิดว่า บัวสามเหล่าคือการพัฒนาทางปัญญาของคนที่จะบรรลุธรรม ส่วนมากผู้ฟังธรรมจากวัดนี้จึงพากันพิจารณาว่าตนตอนนี้เป็นบัวเหล่าไหน แล้วพากันคิดว่า ฉันเพิ่งมาศึกษาฉันเป็นเหล่าที่ ๓ ต่อมาฟังมากๆ เข้า ตัวเองก็คิดว่าตนพัฒนาเป็นเหล่าที่ ๒ และพัฒนาต่อไปจนเป็นเหล่าที่ ๑
บางคนท่องปฏิจสมุปบาทได้ก็เข้าใจว่าตนบรรลุธรรมแล้ว
สรุป บัวสามเหล่า ทรงอุปมาถึงสอนยากสอนง่าย มิใช่อุปมาพัฒนาการหรือลำดับการบรรลุธรรม