เรื่องมีอยู่ว่า พ่อเป็นคนค้ำประกันกู้ยืมให้น้าที่รู้จัก ในราคา 100,000 บาท รวมดอกเบี้ยเป็น 160,000 บาท ต่อมาพ่อได้เสียชีวิต แล้วแม่เป็นทายาทรับมรดก ตอนนั้นบ้านยังติดจำนองอยู่กับ ธอส. แล้วแม่ก็เอาบำเน็จพ่อผ่อนบ้านจนหมดออกเองอีกหลายแสนเพราะไม่อยากเป็นหนี้ (บ้านกู้มา 1.3 ล้าน รวมดอกก็ 2.6 ล้าน) ต่อมาคนกู้ได้ผิดนัดชำระเบี้ยกับทางธนาคาร ธนาคารจึงมีหมายศาลให้กรมบังคับคดีขายทอดตลาด ครั้งที่ 1 โดยครั้งนั้นแม่ได้ไปธนาคารและขอยับยั้งการขายแล้วตกลงกับคนกู้ว่าอย่าผิดนัดอีกตอนนั้นหนี้เหลืออยู่ประมานแสนกว่าบาท สุดท้ายแล้วก็มีการผิดนัดอีก จนแม่ต้องไปธนาคารอีกครั้งเพื่อไปประนอมหนี้เอง(หนี้เหลือ 6 หมื่นกว่าบาท) โดยครั้งนี้ธนาคารไม่ได้ทำเรื่องการยับยั้งขายทอดตลาดให้ พอมีหมายศาลการขายทอดตลาดมาครั้งที่ 2 แม่จึงคิดว่าฉันไปประนอมหนี้แล้วธนาคารน่าจะทำให้เรื่องให้เหมือนครั้งแรกก็เลยไม่ได้เอะใจอะไร จนจ่ายค่างวดมาได้ 5 เดือน มีโทรศัพท์โทรมาจากกรมบังคับคดี ว่ามีคนซื้อบ้านของคุณแล้ว ถึงตอนนั้นแม่เลยหาทนายไปสู้ในชั้นศาลให้ยับยั้งการขาย จนถึงชั้นอุทธรณ์ สุดท้ายแล้วก็ไม่สำเร็จ ตอนนั้นคนซื้อมันบอกว่าต้องการ 600,000 แล้วจะไม่ไปว่างเงิน จนถึงวันนี้ มีการนัดไกล่เกลี่ยกันระหว่างคนซื้อกับแม่ แต่คนซื้อไม่มาตามนัด กรมบังคับคดีจึงโทรไปหาว่าจะไกล่เกลี่ย แต่คนซื้อยืนยันว่าจะว่างเงิน
ถึงตอนนี้เราจะทำยังไงได้บ้างครับ คือตอนนี้ก็ทำใจไว้แล้วครับว่ายังไงก็ไม่ได้บ้านคืน แต่ก็อยากให้เป็นกรณีศึกษาให้คนอื่นๆครับ
บ้านขายทอดตลาด เพราะค้ำประกัน
ถึงตอนนี้เราจะทำยังไงได้บ้างครับ คือตอนนี้ก็ทำใจไว้แล้วครับว่ายังไงก็ไม่ได้บ้านคืน แต่ก็อยากให้เป็นกรณีศึกษาให้คนอื่นๆครับ