โดนไฟแนนซ์ยึดรถยนต์มีทางออกกับไฟแนนซ์ ค่อยๆคิดและมีสติ

กระทู้สนทนา
ก่อนอื่นเราไม่ค่อยไม่เข้ามาตั้งกระทู้อะไรนะคะ อันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์โดยตรงของตัวเองค่ะ พิมพ์ผิดพลาดประการใดขออภัยน๊าา บางทีอาจพิมพ์วนไปวนมาพยายามเข้าใจหน่อยน๊าา มีคนทักมาหลังไมล์ให้ตั้งแชร์ประสบการณ์ และไม่แน่ใจด้วยว่าแท็กถูกห้องไหม ปกติเราก็แค่อ่านๆคะ
เราเป็นคนนึง ที่โดนยึดรถยนต์ เครียดมาก ก่อนจะตัดสินใจให้เขามายึดรถ พอดีเรามีปัญหาทางด้านการเงินอยู่ช่วงนึงคะ แล้วเราก็ตัดสินใจซื้อบ้าน มันเลยมีเหตุการณ์ที่ทำให้เราต้องเลือกคะ ระหว่างเราจะเลือกส่งอะไรตอนนั้น เราเลยเลือกบ้านคะ พอระยะเวลาผ่านไป3เดือน คือเรามีช่วงเว้นไม่ส่งบ้างแค่ไม่นานนะค่ะ ไม่ได้พอรถหนีไปไหนหรืออะไรทั้งสิ้น ช่วงที่เราจะตัดสินใจจะปล่อยยึด ตามกฏหมายน่าจะไม่ส่งประมาณ5เดือนเต็มมั้งคะไม่แน่ใจที่เขาจะมายึดเรา ทางไฟแนนซ์ก็พยายามหาทางออกให้เราหลายๆทางนะคะ แต่ตอนนั้นเราอาจจะยังอายุไม่เท่าไร และไม่ได้คิดไปฝากเต้นขายเพราะเราปรึกษากับแฟนแค่2คน อะ พอหลังจากที่ตัดสินใจให้เขายึด ก็เข้าเดือนที่5 ก็นัดรับรถกันปกติคะ คือให้เขามารับรถที่บ้านเรา ในส่วนของตรงนี้ก่อนจะยึดเราได้คิดและเตรียมหาข้อมมูลไว้หมดแล้วว่าเราจะทำอะไรบ้าง ซึ่งเราส่งรถตรงมาตลอดทุกเดือน เก็บทุกสิ่งทุกอย่างไว้หมด อะพอเขามารับรถใช่ไหมคะ เราก็ได้ถ่ายรูปรถเรา และเลขไมล์อะคะว่าเราใช้รถไปกี่กิโล ซึ่งรถเรานะใช้น้อยมาก2ปีกว่าไม่ถึง2หมื่นโลมั้ง อะหลังจากนี้เรารู้แล้วยังไงก็ต้องได้รับหมายศาลแน่นอน เราก็เตรียมหาข้อมมูลไว้เลยคะว่าต้องใช้อะไรบ้าง อะไรที่ได้เปรียบและเสียเปรียบ แต่ส่วนตัวคือคิดไว้แล้ว ว่ายังไงก็จะตั้งทนายคะ เพราะเวลาเราไปในศาลเราอาจไม่มีทักษะในการพูดที่ดี เรารอหมายศาลอยู่ประมาณ 6 เดือนน่าจะได้ และวันนั้นก็มาถึง ได้รับหมายศาล เราเซ็นรับไป (เราเสียเปรียบทนายบอก เราต้องไม่รับและให้เขาปิดหมาย)เพื่อที่ทนายจะได้มีเวลาทำงาน
ขั้นตอนของเรานะคะ 1.ที่เราเสียเปรียบคืออันนี้ที่ทนายบอกเรานะ ก่อนที่เขาจะยึดรถเรา ไฟแนนซ์เขาจะมีจดหมายติดตามทวงหนี้มาให้เรา ซึ่งเราเป็นผู้ซื้อ และแฟนค้ำ พ่อเราค้ำ คือเขาก็ส่งจดหมายไปทุกที่อะคะ โดนฟ้องก็ทุกคน พอเขาส่งจดหมายแต่ละฉบับไปที่บ้านเรา คนที่บ้านเราก็เซ็นรับกันทุกคนเลยคะ เพราะเขาไม่รู้กัน เพราะเราไม่ได้บอกไว้และเรามาซื้อบ้านอยู่อีกที่นึง 
2. เราหาข้อมูลตามพันทิปและในยูทูปและเว็บทนายต่างๆคะ ว่าต้องตั้งทนาย เราก็เชื่อเขานะคะ 
3.เราหาข้อมมูลไว้ว่ารถเรา ปีไหน รุ่นอะไร ตามในใบหน้าเล่มอะคะ มันจะมีเว็บประมูลรถอยู่คะ ว่าเลขไมล์นี้ รถรุ่นนี้ปีนี้ จะประมูลได้เท่าไร อ่าววว เราก็ปริ้นคะอย่าไปรอ เพราะเขาประมูลรถเราได้มากกว่าที่ราคาไฟแนนซ์ขายทอดตลาด
4.เราไปหาทนาย ทนายเห็นข้อมมูลเราไปแน่นมากพวกเอกสารเขาก็หวานเลยคะ เขาบอกน้องข้อมูลแน่นจัง เราเอาราคาท่ไฟแนนซ์ขายทอดตลาด มาเทียบกับราคาที่เราประมูลได้จากเว็บนึงอะคะ เทียบเลขไมล์ ซึ่งรถเรามันต้องได้ราคามากว่านี้ อะทีนี้ก็เป็นในส่วนของเอกสารเรานะที่ให้ทนายไป แต่ทนายไปเขียนบทความต่างๆที่มีประโยชน์กับเราเองคะ 
ในส่วนที่ไฟแนนซ์เสียเปรียบเราคือ ในกรณีของเรานะ เขาไม่โทรมาหาเราตอนที่จะปล่อยรถประมูลคะ มันเลยเหมือนทำให้ผิดอะไรสักอย่าง ตอนที่พูดกันในชั้นศาล
ส่วนรายละเอียดที่เราโดนยอดฟ้องคือ280,000 เกือบ 290,000คะเราจำยอดได้ไม่แน่นอน เพราะผ่านมาจะ5ปีแล้ว เราไปทุกนัดที่ศาลสั่ง และมีทนายไปทุกครั้ง อะเพื่อมีใครถามเรื่องคนค้ำ พอดีคนค้ำเป็นคนในครอบครัวเลยเคลียได้ และทนายก็เหมาทำให้ทั้ง3คนคือมอบอำนาจ 
พอครั้งแรกที่เราไปเจอศาล ศาลเหมือนก็จะให้เราคุยกันเองก่อน อืมลืมบอกทนายเราอะเขาเคยเจอทนายของบริษัทไฟแนนซ์นี้แล้ว และเป็นโชคดีของเราที่เขาทำอีกเคสนึงอะคะเหลือแค่8,000เองนะ ยอดก็เยอะคล้ายๆเราเลย  อะพอไปปุ๊บ เราก็เครียดนะไม่ใช่ไม่เครียด แบบเครียดมากเลยนอนไม่หลับ แต่เรามีเงินเตรียมไปแล้ว ตอนแรกเราคิดว่าเรื่องมันจะจบง่ายๆแบบแปบเดียวเสร็จ พอไปนัดแรก เราบอกทนายว่า เอาเงินให้ไฟแนนซ์ไปเลยไหมคะ100,000บาท จะได้จบๆไปคะ ให้แค่นี้พอ ขอให้เรื่องจบ ทนายเราก็ดุเรานะ จะไปยอมทำไมคะ  ไงเราก็ได้ลดเยอะ เราก็ว่าตัดรำคารเสียเวลาเราด้วย  แต่ทนายก็ไปบอกให้ ทนายฝั่งนู้นโทรถามบริษัท แต่บริษัทไม่ยอม จะเอาเงิน 210,000 จากเรา และจบ เราก็เลยบอกไม่มี งั้นไม่เป็นไรก็ยอมขึ้นศาล นัดแรกขึ้นก็สืบพยานต่างๆนาๆบลาๆไป ขอไม่เล่าลึกตอนไปขึ้นนะคะ ตื่นเต้นมาก หลังจากนั้นเราก็ต้องรออีกคะ ว่าเขาจะตัดสินเหลือเท่าไร และเวลาผ่านไปเราได้หมายศาลแล้วววว ศาลตัดสินเหลือ 120,000 บาทจ้าาาาาา เรานี่ดีใจมากกก ดีใจแบบลดเยอะมาก เพราะไฟแนนซ์กับยอดฟ้องคือมันคิดยอดไปแบบโอเวอร์มากเลยนะบอกก่อนค่าโน้นค่านี่ ค่าเสียผลประโยชน์วันละหลายพัน บลาๆ เยอะแยะ อะหลังจากนั้น ตอนนั้นเราก็พร้อมจ่ายนะ 120,000 เราพอใจแล้ว แต่....ทนายถามว่าเรา ว่าจะอุทรณ์ไหม เราก็เอาไงดี ปรึกษาพี่คนนึง ที่เราฝากเขาให้ทำงานกับพี่ทนายคนนี้ (พอดีตอนเราเอาข้อมมูลไปให้พี่ทนายเขาเห็นเราข้อมมูลแน่นอยากได้เราเป็นเลขาเลย5555 แต่เราไม่ได้ไปนะให้พี่อีกคนไป )นอกเรื่องๆๆ อิอิ อะต่อคะ เขาก็คิดค่าอุทรณ์อีกรอบนะคะทนาย แต่เรายังไม่ตัดสินใจ เพราะเราปรึกษาเขาไปว่า ถ้าอุทรณ์แล้วไม่ลดเราก็ต้องเสียค่าอุทรณ์ฟรีๆ ใช่ไหม อะไรประมาณนี้เราก็คิดอยู่หลายวันคะ และเราก็ตัดสินใจอุทรณ์ต่อ ทนายก็ยกเหตุผลต่างๆนาๆอะมาเล่าให้เราฟังว่าไปทำเคสนั้นเคสนี้แล้วลดนะ หลังจากนั้น เราก็ไม่เคยเซ็นรับเอกสารอะไร จากไฟแนนซ์หรือศาลทั้งสิ้นนะคะให้เขาวางไว้ปกติ และสั่งคนที่บ้านไว้ เพื่อเป็นข้อดีของเรา   หลังที่เราตัดสินใจอุทรณ์ ทนายก็ทำเรื่องคะ แล้วศาลก็นัดไปอีกคะ ก็ไปขึ้น ก็ตื่นเต้นเหมือนเดิมคะ และพอเวลาผ่านไป ศาลอุทรร์ก็ตัดสิน ของเรานี่ตัดสินจากศาลชั้นต้นคือ...........จาก 120,000เหลือ 12,000 คะ ใช่เราพิมพ์ไม่ผิด แต่จะบอกตอนแรกวันที่ศาลตัดสินทนายใช้เลาขาไป นางดูยอดให้เราผิดจ้าาา ทนายโทรมาบอก ยอดเหลือเท่าเดิมนะคะ120,000 เรานี่ทำงานอยู่เครียดไปครึ่งวัน ทำไงดี เพราะเราหวังด้วยไง ว่าไงก็ต้องลดลงจากราคานี้ เครียดแทบบ้าอะคะ พอเที่ยงละคะ ทนายโทรมา พี่ขอโทษ เลขาพี่ดูผิด เราก็แบบโอ๊ยยยพี่ พี่รู้ไหมหนู๋เนี๊ยเครียดจะเป็นบ้า  อะก็ดีใจมากกก และนางก็ขอโทษบลาๆอะคะ อะหลังจากนั้น ไม่นาน เราก็เตรียมเงินแหละ แต่พอดีใจไปสักพักหมายศาลก็มาอีกแล้ววววว ดับสลายเลยเรา ไฟแนนซ์ก็ขอฎีกาต่อศาลจ้าาา 5555+ ความหวังเรา ตามหมายศาลนะประมาณว่า ขอให้ศาลฎีกาตัดสินตามศาลชั้นต้นคือยอด120,000บาท เราได้รับหมายศาลแล้ว เราก็เครียดซิ และก็เอาไปให้ทนายจ้าาา รีบเลยความเครียดมาอีกแล้ว เราก็ถามทนายว่าศาลฎีกาเขาจะตัดสินไปทางไหน ทนายก็ด่าเรา 5555 พี่ตอบไม่ได้คะ มีไปได้ทั้ง2ทาง โห ตายๆๆเราตายแน่ๆถ้าตัดสินไปแบบเดิม และหลังจากที่รอ ช่วงนั้นคือแบบเครียดมากแหละทำไงได้ ได้แต่รอ และวันที่ศาลตัดสินก็มาถึง ทนายโทรมาแจ้ง แสดงความยิดดีด้วยนะคะ ศาลตัดสินเหมือนเดิมคะ คือ12,000 บาท พอเรารู้ปุ๊ป เราก็เลยไปชำระเลยจ้า แต่เราก็ต้องเสียค่าฤาชา หรือค่าทนายอะไรให้ฝั่งไฟแนนซ์ด้วยมั้งคะ ถ้าเราจำไม่ผิดตอนศาลชั้นต้นตัดสินตอนแรกนะ เราก็ลืมอะโทษทีนะคะ เพราะถึงจะสั่งว่าเราชำระ 12,000 ยังไงก็คือเราแพ้อยู่ดีคะ แค่ชำระน้อยลงมากกกกกก มากกกกกก หลังจากนั้นเราก็ไปชำระเงินเรียบร้อยคะ และพอเวลาผ่านไปไม่นาน เราได้รับเอกสารอีกแล้ว 5555 โถ่ๆๆๆชีวิต เอกสารอะไรอีก หมดทุกศาลแล้ว 3 ศาล และแล้วมันก็คือเอกสารว่าไฟแนนซ์ยังไม่ได้รับเงินที่เราชำระ แป่ววว คืออะไร เราก็หาข้อมูลคะ โทรถามศษล โทรหากรมบังคับคดี เพราะมันมีเอกสารมาแบบนั้นให้ติดต่อ เราก็หาข้อมูลวนไปคะทำยังไงดี  เราก็โทรถามทนายก่อน ทนายบอกเราว่าให้เอาใบไปให้เขาและเขาจะดำเนินเรื่องให้ ไม่งั้นโดนบังคับคดีนะ บลาๆๆ แต่ในใจเราคิด ต้องเสียตังอีกแน่เลย เราก็เลยหาข้อมูลอื่นๆพอเราโทรไปถามศาล เขาบอกให้เราเขียนคำร้องเองได้ที่ศาล หรือโทรไปบอกบริษัทไฟแนนซ์ก็ได้คะ ว่าเราชำระเงินแล้วให้ไปรับเงินที่ศาล อะ พอหลังจากนั้นเราก็หาเบอร์บริษัทไฟแนนซ์จ้าา ตอนเราโทรไปเจ้าหน้าที่เขาก็บอกตอนนี้อยู่ในระหว่างดำเนินการ เราก็เลยชี้แจงเขาแหละคะ ว่าเราชำระแล้วนะ ศษลตัดสินแล้ว เราชำระเงินไปนานแล้ว และเราก็บอกวันที่เขาไป และเราก็บอกเข้าไปรับเงินได้เลยคะ  หลังจากนั้นเรื่องก็จบคะ จนทุกวันนี้ไม่มีอะไรแล้วคะ 
เรามาแชร์ประสบการณ์ เนื่องด้วยเราเป็นคนชอบนั่งและหาข้อมูล ช่วงเราโดนยึด เรานั่งหาทั้งวันคะ และก็ปริ้นเก็บๆไว้คะ นี่เป็นประสบการณ์ตรง ตอนนี้นั่งพิมพ์ไปมันก็เหมือนขำนะคะ แต่เอาเข้าจริงเวลานั้นมันขำไม่ออกนะ มันเครียดมากๆ แทบจะเป็นบ้าเลย พ่อแม่ก็เครียดคะ เรื่องทั้งหมดมันเป็นประสบการณ์ที่ดีคะ ทำให้ทุกวันนี้เรารู้คะ ว่าก่อนเราจะทำไรให้เราคิดให้เยอะๆ เราเห็นคนแก่ๆหลายคนนะคะที่โดนยึดรถ แต่เขาไม่มีทนายไป บางคนก็ตกลงกับทนายฝั่งไฟแนนซ์เองและเซ็นสัญญา จ่ายทุกเดือน จนกว่าจะครบยอดที่ทางไฟแนนซ์กำหนด คือก็เหมือนเราส่งลมเลยแบบนั้น และบางคนที่มีหมายศาลมา ถึงไม่มีทนายไปด้วย แต่ขอให้ไปขึ้นศาลนะคะ เพราะศาลท่านลดให้เราเยอะมากจริงๆคะ เพราะถ้าเราไม่ไปศาลท่านจะไม่ได้ฟังเหตุผลอะไรจากเราเลยคะ จะกลายเป็นฝั่งไฟแนนซ์ได้เปรียบนะคะ และไปขึ้นศาลไฟแนนซ์ให้เซ็นอะไรอย่าไปเซ็นนะคะ ถ้าไปคนเดียวเดี๋ยวจะได้ชำระหนี้รายเดือนกัน วันนั้นเราก็มาแชร์เพียงเท่านี้คะ เล่าผิดพลาดประการใดขอ  อภัยนะคะ 
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่