ครอบครัวผม ปลูกฝัง ให้มีแฟน ได้ เมื่อเรียนจบปริญญาตรี แล้ว เท่านั้น ทำให้ ผมมีแฟนคนแรกตอนอายุประมาณ 22 ปี รู้จักทาง facebook คุยกันประมาณ เกือบ3 ปี โดยที่ผมไม่ได้เห็นหน้าอีกฝ่ายหนึ่งเลย ตลอดระยะเวลาดังกล่าว อีกฝ่ายหนึ่งจะได้รู้ความเป็นไปในชีวิตของผมซึ่งตอนนั้นผมฝึกงานอยู่สํานักงานกฎหมาย แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ส่วนเธอนั้น เรียนจบปริญญาตรี แต่ไม่ได้ทำงาน และ อยู่กับครอบครัวของเธอที่ต่างจังหวัด ถึงแม้ผมจะอยากเลิก คุย กับเธอแต่ด้วยความที่ผมเป็นคนใจอ่อนและขี้สงสาร ทำให้คบกับเธอไปเรื่อยๆ โดยเชื่อว่าสักวันหนึ่ง เราก็ได้พบกันเอง ผมได้ช่วยเหลือเธอทางการเงินหลายอย่าง ครั้งสุดท้ายผมขอดูหน้าเธอ โดยบอกว่าหาก เธอไม่ยอมให้ผมดูหน้าผมก็จะขอเลิก และ ผมรู้สึกว่าผมก็ไม่ได้ติดค้างอะไรกับเธอ แต่เธอก็ไม่ ยอม จึงทำให้ ผมเลิกกับเธอในที่สุด
2.แฟนคนที่ 2 คือคนที่เข้ามาในชีวิตผม หลังจากที่ผมฝึกงานสำนักงานกฎหมาย เสร็จแล้วและได้เปลี่ยนงานไปทำงานอื่น เนื่องจากว่า อยากลองทำงานสายงานอื่นๆดูบ้าง ช่วงนั้นอายุประมาณ 25 ปี และ เป็นคนแรกเลย ที่ มีอะไรด้วย กัน เธอเรียนจบกฎหมายเหมือนกัน แต่ไม่ชอบงานทางสายงานกฎหมาย เราจึงตกลงคบกัน แต่เธอเองมีภาระหนี้สินมากเช่นช่วยทางบ้านผ่อนบ้าน ค่าห้องที่เธอเช่าอยู่ ค่าโทรศัพท์ ของเธอเอง ทำให้เธอ มีรายได้ไม่พอกับรายจ่าย และ ต้องการให้ผม ช่วยผ่อนหนี้ต่างๆ ให้เธอด้วย ผมช่วยได้แค่เพียงบางส่วนเท่านั้นเพราะเงินเดือนผมก็น้อยนิด ท้ายที่สุดผมจึงตัดสินใจลาออกจากงาน ซึ่งไม่ใช่สายงานกฎหมายที่ผมเรียนจบมา ทำให้ผมไม่มี รายได้อะไร และเธอก็ ไม่ครบ กับผม ซึ่งผมก็เข้าใจดีแต่ก็มีเสียใจบ้าง แม่ผม ก็ขอให้ผมไปบวชให้ครอบครัว ผมจึงได้บวชให้ครอบครัวประมาณ 2 เดือน และมาสมัครงานกฎหมาย ที่สำนักงานกฎหมายแห่งหนึ่ง เพื่ออนาคตของตัวเอง
3. แฟนคนที่ 3 ผมได้รู้จักผ่านทาง App ชื่อว่า BeeTalk ซึ่งเธอ ทำงานอยู่เซเว่น หน้าปากซอย ใกล้ ที่พักของผมเอง เราก็ได้คุยกัน เธออายุประมาณ 20 ปี ผมเห็นเธอน่ารักดี ตั้งนานแล้วจึงได้จีบ แล้วเราก็ตกลงคบกัน เริ่มที่เธออยู่กับแม่เป็นห้องเช่า ผมจึงได้ไปพบแม่กับของเธอและชวนเธอมาอยู่กับผมซึ่งจะประหยัดค่าใช้จ่ายกว่า แม่เธอก็ตกลงเราก็อยู่ด้วยกัน ภายหลัง มาทราบว่าเธอไม่ใช่คนไทย เนื่องจากแม่ของเธอได้แอบหลบหนีเข้ามา โดยผิดกฎหมายและพาเธอมาด้วย ผมรู้สึกว่า ในเมื่อเราตกลงเป็นแฟนกันแล้ว เราก็ต้องรับ เธอได้ ก็ไม่เป็นไรก็ดูแลกันไป ภายหลัง เธอก็ได้ออกจากงานเซเว่นและไปสมัครงานเลยหลายที่ ผมก็ไปรับไปส่ง มาโดยตลอดโดยไม่เคยบ่น ความรู้สึกผมรู้สึกสงสารเธอมาก ที่ต้องทำงานและยังถูก นายจ้างที่เป็นคนไทยเอาเปรียบ ฉันไม่สามารถทำอะไรได้เลย เราอยู่ด้วยกันมาประมาณ 2 ปีกว่า เนื่องจากว่าเธอเข้ามาโดยไม่ถูกต้อง ตามกฎหมาย การที่จะทำงานอยู่ ในกรุงเทพฯจึง ไม่สามารถ ทำงานได้ตามกฎหมายจะ จำกัดเพียงจังหวัดเชียงใหม่เท่านั้น ทำให้เธอ กลับไปอยู่กับ ญาติพี่น้องที่เชียงใหม่ และครอบครัวเธอ ก็ขอให้เธอเลิกติดต่อกับผม ผมเสียใจมาก ทำอะไรไม่ได้เลย ครั้งหนึ่ง ที่เราอยู่ด้วยกัน เธอ นั่งรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง และเกิดอุบัติเหตุ ผมเป็นคนแรก ที่เธอ นึกถึง และเป็นคนที่อยู่กับเธอตลอด และอกค่ารักษาพยาบาลทุกอย่าง แล้วร้องไห้ไปกับเธอ สำหรับผมแล้ว มันมีความผูกพัน ลึกๆ มากกว่า ที่ผมรู้สึกกับเธอ ปัจจุบัน เธอบอกให้ผมไปหาคนใหม่ที่เหมาะสมกับผม เธอเอง จะไม่ มาอยู่ที่ กรุงเทพฯแล้ว ทุกวันนี้ยังคุยกัน ถาม ทุกข์สุขและช่วยเหลือ เล็กน้อย แต่ผมเสียใจ มา มาก กับความรัก ที่ผ่านมาของผมเอง และปัจจุบันผมอายุประมาณ 28 ปีแล้ว ผมรู้สึกว่าการที่จะเริ่มต้น ใหม่ เป็นอะไรที่ยากมาก เมื่อไหร่จะเจอรักดีๆบ้าง
เมื่อไหร่จะเจอรักดีๆบ้าง
2.แฟนคนที่ 2 คือคนที่เข้ามาในชีวิตผม หลังจากที่ผมฝึกงานสำนักงานกฎหมาย เสร็จแล้วและได้เปลี่ยนงานไปทำงานอื่น เนื่องจากว่า อยากลองทำงานสายงานอื่นๆดูบ้าง ช่วงนั้นอายุประมาณ 25 ปี และ เป็นคนแรกเลย ที่ มีอะไรด้วย กัน เธอเรียนจบกฎหมายเหมือนกัน แต่ไม่ชอบงานทางสายงานกฎหมาย เราจึงตกลงคบกัน แต่เธอเองมีภาระหนี้สินมากเช่นช่วยทางบ้านผ่อนบ้าน ค่าห้องที่เธอเช่าอยู่ ค่าโทรศัพท์ ของเธอเอง ทำให้เธอ มีรายได้ไม่พอกับรายจ่าย และ ต้องการให้ผม ช่วยผ่อนหนี้ต่างๆ ให้เธอด้วย ผมช่วยได้แค่เพียงบางส่วนเท่านั้นเพราะเงินเดือนผมก็น้อยนิด ท้ายที่สุดผมจึงตัดสินใจลาออกจากงาน ซึ่งไม่ใช่สายงานกฎหมายที่ผมเรียนจบมา ทำให้ผมไม่มี รายได้อะไร และเธอก็ ไม่ครบ กับผม ซึ่งผมก็เข้าใจดีแต่ก็มีเสียใจบ้าง แม่ผม ก็ขอให้ผมไปบวชให้ครอบครัว ผมจึงได้บวชให้ครอบครัวประมาณ 2 เดือน และมาสมัครงานกฎหมาย ที่สำนักงานกฎหมายแห่งหนึ่ง เพื่ออนาคตของตัวเอง
3. แฟนคนที่ 3 ผมได้รู้จักผ่านทาง App ชื่อว่า BeeTalk ซึ่งเธอ ทำงานอยู่เซเว่น หน้าปากซอย ใกล้ ที่พักของผมเอง เราก็ได้คุยกัน เธออายุประมาณ 20 ปี ผมเห็นเธอน่ารักดี ตั้งนานแล้วจึงได้จีบ แล้วเราก็ตกลงคบกัน เริ่มที่เธออยู่กับแม่เป็นห้องเช่า ผมจึงได้ไปพบแม่กับของเธอและชวนเธอมาอยู่กับผมซึ่งจะประหยัดค่าใช้จ่ายกว่า แม่เธอก็ตกลงเราก็อยู่ด้วยกัน ภายหลัง มาทราบว่าเธอไม่ใช่คนไทย เนื่องจากแม่ของเธอได้แอบหลบหนีเข้ามา โดยผิดกฎหมายและพาเธอมาด้วย ผมรู้สึกว่า ในเมื่อเราตกลงเป็นแฟนกันแล้ว เราก็ต้องรับ เธอได้ ก็ไม่เป็นไรก็ดูแลกันไป ภายหลัง เธอก็ได้ออกจากงานเซเว่นและไปสมัครงานเลยหลายที่ ผมก็ไปรับไปส่ง มาโดยตลอดโดยไม่เคยบ่น ความรู้สึกผมรู้สึกสงสารเธอมาก ที่ต้องทำงานและยังถูก นายจ้างที่เป็นคนไทยเอาเปรียบ ฉันไม่สามารถทำอะไรได้เลย เราอยู่ด้วยกันมาประมาณ 2 ปีกว่า เนื่องจากว่าเธอเข้ามาโดยไม่ถูกต้อง ตามกฎหมาย การที่จะทำงานอยู่ ในกรุงเทพฯจึง ไม่สามารถ ทำงานได้ตามกฎหมายจะ จำกัดเพียงจังหวัดเชียงใหม่เท่านั้น ทำให้เธอ กลับไปอยู่กับ ญาติพี่น้องที่เชียงใหม่ และครอบครัวเธอ ก็ขอให้เธอเลิกติดต่อกับผม ผมเสียใจมาก ทำอะไรไม่ได้เลย ครั้งหนึ่ง ที่เราอยู่ด้วยกัน เธอ นั่งรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง และเกิดอุบัติเหตุ ผมเป็นคนแรก ที่เธอ นึกถึง และเป็นคนที่อยู่กับเธอตลอด และอกค่ารักษาพยาบาลทุกอย่าง แล้วร้องไห้ไปกับเธอ สำหรับผมแล้ว มันมีความผูกพัน ลึกๆ มากกว่า ที่ผมรู้สึกกับเธอ ปัจจุบัน เธอบอกให้ผมไปหาคนใหม่ที่เหมาะสมกับผม เธอเอง จะไม่ มาอยู่ที่ กรุงเทพฯแล้ว ทุกวันนี้ยังคุยกัน ถาม ทุกข์สุขและช่วยเหลือ เล็กน้อย แต่ผมเสียใจ มา มาก กับความรัก ที่ผ่านมาของผมเอง และปัจจุบันผมอายุประมาณ 28 ปีแล้ว ผมรู้สึกว่าการที่จะเริ่มต้น ใหม่ เป็นอะไรที่ยากมาก เมื่อไหร่จะเจอรักดีๆบ้าง