สวัสดีคับ อยากขอคำปรึกษาคับ ก่อนอื่นขอเล่าแบบกระชับเรื่องนะคับ
ผมมีแฟนแล้วได้เลิกลากันไป ซึ่งก่อนเลิกนั้นแฟนคนนี้มีปัญหาการเงินมาโดนตลอด ซึ่งผมให้บ้างและให้หยิบบ้าง
**กรณียืม คือใช้ยืมบัตรเครคิตในชื่อเราคับ ซึ่งก็หลายใบ ด้วยความไว้ใจกับคิดว่าเขาจะซื่อตรงเพราะคบกันมาเกือบ 10 ปี
ตอนเลิกเขาตกลงจ่ายคืนเดือนละ 3หมื่น แต่พอถึงเวลาจ่ายโอนมา หมื่นห้า ทำให้เราไม่พอไปจ่ายบัตร ภายหลังตกลงกันใหม่ให้จ่ายเดือนล่ะ 2 หมื่น โดยทำเอกสารรับสภาพหนี้ไว้ และ ได้มีการเซ็นเอกสารเรียบร้อย พอใกล้ถึงสิ้นเดือน ส่งข้อความมาว่าจะจ่ายแค่เดือนล่ะ 5 พัน โดยบอกว่าถ้าไม่พอใจให้แจ้งตำรวจมาจับได้เลย ซึ่งคดีกู้ยืม มันทำแบบนั้นไม่ได้อยู่แล้ว จึงได้มีการตกลงกันใหม่ซึ่งใช้เวลานานพอสมควร โดยตกลงว่ายังคงจ่ายที่ หมื่นห้า ต่อเดือนทำเอกสารรับสภาพหนี้ใหมม่โดยครั้งนี้ต้องมีครอบครัวเขาเซ็นค้ำประกัน โดยทางเขาขอให้ไปเซ็นที่ สน. ซึ่งเรายินดี พอถึงวันนัดก็ไปเซ็นที่ สน. จนท.สืบสวนก็มีการวักถามถึง มูลหนี้ จำนวนหนี้ ระยะการผ่อน และได้ลงบันทึกไว้เป็นหลักฐานจากทางจนท.สืบสวน 1 ฉบับ และเอกสารรับสภาพหนี้ 1 ฉบับ คนค้ำ 1 คน ซึ่งอีกคนไม่มา แต่ภายนัดมีการนัดเซ็นเพิ่ม จนค้ำครบ 2 คน ซึ่งระหว่างเขาก็ผ่อนจ่ายตามตกลงมา 3 งวด ไม่มีปัญหา แต่พอเข้างวดที่ 4 ไม่จ่าย ติดต่อไม่ได้ ติดต่อคนค้ำก็โยนกันไปมา ภายหลังจึงให้ทนายทำหนังสือทวงถามไปทั้ง 3 คน ก็ไม่มีการติดต่อใดๆ จึงได้ฟ้องร้อง พอศาลนัดครั้งแรก เขามาคับ แต่อ้างกับศาลว่าไม่ได้เซ็น ฉบับนี้ ทั้งทีเอกสาร รับสภาพหนี้ +หนังสือบันทึกประจำวันที่ ตำรวจ ออกให้ ระบุข้อความ จำนวนเงินหนี้ทั้งหมด ยอดการผ่อนต่อเดือน ระยะการผ่อน ชัดเจนเหมือนกันทั้งสองใบ และไม่ได้เป็นหนี้เรา แต่วันนั้นเขาไม่มีทนายมา ศาลจึงนัดครั้งต่อไป
*** อยากทราบว่ากรณี ศาลจะมองน้ำหนักไปทางไหน หรือ เราควรเตรียมอะไรไปแย้งเขา จะใช้ระยะเวลานานไหม เพราะตอนนี้เราเดือดร้อนเนื่องจากไม่ได้จ่ายบัตร ซึ่งยอดจ่ายจำนวนมาก และเราเองก็มีภาระต้องจ่ายเช่นกัน และมีรายได้ทางเดียวไม่พอให้จ่ายไปก่อน ขอคำแนะนำด้วยคับ
ฟ้องลูกหนี้ (แฟนเก่า) หัวหมอ
ผมมีแฟนแล้วได้เลิกลากันไป ซึ่งก่อนเลิกนั้นแฟนคนนี้มีปัญหาการเงินมาโดนตลอด ซึ่งผมให้บ้างและให้หยิบบ้าง
**กรณียืม คือใช้ยืมบัตรเครคิตในชื่อเราคับ ซึ่งก็หลายใบ ด้วยความไว้ใจกับคิดว่าเขาจะซื่อตรงเพราะคบกันมาเกือบ 10 ปี
ตอนเลิกเขาตกลงจ่ายคืนเดือนละ 3หมื่น แต่พอถึงเวลาจ่ายโอนมา หมื่นห้า ทำให้เราไม่พอไปจ่ายบัตร ภายหลังตกลงกันใหม่ให้จ่ายเดือนล่ะ 2 หมื่น โดยทำเอกสารรับสภาพหนี้ไว้ และ ได้มีการเซ็นเอกสารเรียบร้อย พอใกล้ถึงสิ้นเดือน ส่งข้อความมาว่าจะจ่ายแค่เดือนล่ะ 5 พัน โดยบอกว่าถ้าไม่พอใจให้แจ้งตำรวจมาจับได้เลย ซึ่งคดีกู้ยืม มันทำแบบนั้นไม่ได้อยู่แล้ว จึงได้มีการตกลงกันใหม่ซึ่งใช้เวลานานพอสมควร โดยตกลงว่ายังคงจ่ายที่ หมื่นห้า ต่อเดือนทำเอกสารรับสภาพหนี้ใหมม่โดยครั้งนี้ต้องมีครอบครัวเขาเซ็นค้ำประกัน โดยทางเขาขอให้ไปเซ็นที่ สน. ซึ่งเรายินดี พอถึงวันนัดก็ไปเซ็นที่ สน. จนท.สืบสวนก็มีการวักถามถึง มูลหนี้ จำนวนหนี้ ระยะการผ่อน และได้ลงบันทึกไว้เป็นหลักฐานจากทางจนท.สืบสวน 1 ฉบับ และเอกสารรับสภาพหนี้ 1 ฉบับ คนค้ำ 1 คน ซึ่งอีกคนไม่มา แต่ภายนัดมีการนัดเซ็นเพิ่ม จนค้ำครบ 2 คน ซึ่งระหว่างเขาก็ผ่อนจ่ายตามตกลงมา 3 งวด ไม่มีปัญหา แต่พอเข้างวดที่ 4 ไม่จ่าย ติดต่อไม่ได้ ติดต่อคนค้ำก็โยนกันไปมา ภายหลังจึงให้ทนายทำหนังสือทวงถามไปทั้ง 3 คน ก็ไม่มีการติดต่อใดๆ จึงได้ฟ้องร้อง พอศาลนัดครั้งแรก เขามาคับ แต่อ้างกับศาลว่าไม่ได้เซ็น ฉบับนี้ ทั้งทีเอกสาร รับสภาพหนี้ +หนังสือบันทึกประจำวันที่ ตำรวจ ออกให้ ระบุข้อความ จำนวนเงินหนี้ทั้งหมด ยอดการผ่อนต่อเดือน ระยะการผ่อน ชัดเจนเหมือนกันทั้งสองใบ และไม่ได้เป็นหนี้เรา แต่วันนั้นเขาไม่มีทนายมา ศาลจึงนัดครั้งต่อไป
*** อยากทราบว่ากรณี ศาลจะมองน้ำหนักไปทางไหน หรือ เราควรเตรียมอะไรไปแย้งเขา จะใช้ระยะเวลานานไหม เพราะตอนนี้เราเดือดร้อนเนื่องจากไม่ได้จ่ายบัตร ซึ่งยอดจ่ายจำนวนมาก และเราเองก็มีภาระต้องจ่ายเช่นกัน และมีรายได้ทางเดียวไม่พอให้จ่ายไปก่อน ขอคำแนะนำด้วยคับ