ผู้เขียนโชคดีที่มีเพื่อนสนิทเป็นคนไทยเกิดที่อเมริกาหลายท่าน รวมทั้งหญิงและชาย ก็เลยได้ช่วยเหลือขัดเกลาในเรื่องไวยากรณ์และสำเนียงด้วยนอกเหนือจากการเรียนในห้องเรียน
เนื่องจากว่าเป็นคนอ่อนภาษาอังกฤษมาจากเมืองไทยอยู่แล้ว สมองจึงเปิดกว้างที่จะเรียนรู้ภาษาอังกฤษทันทีแบบเริ่มใหม่ตั้งแต่ต้น โดยลืมความรู้ด้านภาษาอังกฤษที่มีมาก่อนหน้านี้ไปหมดสิ้น
ผู้เขียนยินยอมเข้าไปเรียนแบบเริ่ม I , You , We, They ร่วมกับผู้สูงอายุหลายท่านในสถาบันสอนภาษาอังกฤษแห่งหนึ่งในอเมริกา เริ่มกันใหม่แต่ต้นเลยทีเดียว นับจากการออกเสียง A B C D, past tense ต่างๆ
จนปีกว่าๆก็สนทนา และเขียนได้ ในสมัยก่อน การเรียนรู้จากห้องเรียนอย่างเดียวนั้นไม่พอจริงๆ ต้องฝึกฝนใช้งานจริงจากชีวิตประจำวันด้วย
ตอนนั้นผู้เขียนอายุย่างเข้า 17ปี Internet ยังเป็นระบบ Modem ของ AOL ชั่วโมงละ $9.00 ไม่ได้คิดเป็นรายเดือนอย่างเช่นทุกวันนี้
ระบบ Social Network ในสมัยนั้นไม่มีทั่วถึง อยากเรียนรู้อะไรถ้าหากซื้อหนังสือมาเรียนเองแล้วยังไม่คล่อง ต้องลงทะเบียนเข้าห้องเรียนอย่างเดียวไม่มีทางลัด
นักเรียนรุ่นสมัยผมจึงแม่นมากๆเรื่องออกเสียงคำลงท้ายที่เป็น ed หรือ t สาเหตุเพราะยังมีพวกฝรั่งเหยียดบางคนที่ทำเป็นแกล้งฟังคนเอเชียพูดภาษาอังกฤษไม่เข้าใจ เลยต้องเน้นให้ชัดๆหน่อย
อย่างที่บอกว่าโชคดีมีเพื่อนเป็นคนไทยเกิดที่นี้มีส่วนช่วยอย่างมาก เพราะเวลาเราไม่เข้าใจอะไรก็ยังพอถามเป็นภาษาไทยได้บ้าง แต่อย่าไปไว้ใจมากมาย 555 เพราะบางทีเพื่อนผมก็งงภาษาไทยเหมือนกัน
ช่วงหนังไทยเริ่มบูม อย่างเช่น นางนาก, เสือใบ โจรพันธุ์เสือ,บางระจัน ผมก็จะตะเวนเอาแผ่น VCD เอาไปให้เพื่อนคนไทยที่เกิดต่างประเทศได้ดูทั่วถึง
เครื่องเล่น VCD ในอเมริกาตอนนั้นไม่มีหรอกครับ ต้องใช้ Computer ลง Software ดู หรือไม่ก็ใช้ เครื่องเล่นเกม PlayStation ติดAdd on เพื่อให้ดูแผ่น VCD ได้
จนมาภายหลังเครื่องเล่น DVD บางรุ่นสามารถเล่นแผ่น VCD ได้ควบคู่กันเลยสบายไป
มาจนถึงทุกวันนี้กลายเป็น 4K ไปแล้ว ก็ย้อนกลับมาดูหนังเก่าๆที่เราเคยประทับใจในแบบฉบับที่ชัดเจนขึ้น แต่สายตาสั้นอย่างผมแค่ Full HD ผมก็ว่าสูงสุดแล้วล่ะ
พูดไถลออกไปเรื่อยเปื่อย อยากบอกตรงประเด็นที่ว่า มีใครไม่รู้มาบอกว่าภาษาอังกฤษพูดไปเถอะ ผิดๆถูกๆเดี๋ยวฝรั่งมันแก้ให้เอง
ความจริงก็คือ ฝรั่งใครที่ไหนมันจะมาคอยแก้ให้คุณครับ ยกเว้นคุณเป็นผญและฝรั่งคนนั้นมันอยากได้คุณเป็นเมีย หรือคุณเป็นนักเรียนแล้วพูดผิดๆถูกๆกับครูที่มีหน้าที่อยู่แล้วต้องคอยแก้ไขให้นักเรียน
คุณลองไปพูดถูกๆผิดๆกับงานที่คุณกำลังจะสมัครสิครับ แล้วดูว่าเค้าจะให้โอกาสคุณไหม ในเมื่อมีผู้สมัครพูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่หนึ่งรองานอีกมากมาย
สมัยนี้มีสื่อต่างๆมากมาย คนก็เลยคิดว่าเรียนลัดๆก็ได้ จริงๆแล้วถ้าชีวิตประจำวันคุณอยู่ได้ไม่ต้องง้อฝรั่งมันก็ถูกนะแต่ถ้าคุณจะมาเรียนหรือทำงาน ต้องเปลี่ยนแปลงความคิดใหม่
ฝรั่งให้ความสำคัญกับเวลามาก ทุกประโยคในการสนทนาถึงต้องมี past tense ใช้ไม่ถูกนิดเดียวนี่สิ่งที่ต้องการจะสื่อแตกต่างกันลิบลับ
อาจจะมี method ที่ทำให้การเรียนรู้ภาษาอังกฤษง่ายขึ้น แต่ผมไม่เชื่อว่ามีวิธีย่นย่อให้คนเรียนรู้โดยไม่ต้องใช้เวลาฝึก พูด ฟัง อ่านและเขียน
และที่สำคัญต้องเรียนรู้อย่างถูกวิธีด้วย เคยได้ยินไหมคนจีนมาอยู่อเมริกาสิบกว่าปียังพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย หรือภรรยาคนไทยมีสามีฝรั่งแต่ใช้ Broken English ทั้งๆที่อยู่กันมานานแล้ว
สิ่งที่ผมพยายามจะสื่อคือเรียนให้ถูกหลักและต้องใช้เวลาฝึกฝนครับ
การเรีบนรู้ภาษาอังกฤษ(ผู้เขียนเจ้าแม่จระเข้)
เนื่องจากว่าเป็นคนอ่อนภาษาอังกฤษมาจากเมืองไทยอยู่แล้ว สมองจึงเปิดกว้างที่จะเรียนรู้ภาษาอังกฤษทันทีแบบเริ่มใหม่ตั้งแต่ต้น โดยลืมความรู้ด้านภาษาอังกฤษที่มีมาก่อนหน้านี้ไปหมดสิ้น
ผู้เขียนยินยอมเข้าไปเรียนแบบเริ่ม I , You , We, They ร่วมกับผู้สูงอายุหลายท่านในสถาบันสอนภาษาอังกฤษแห่งหนึ่งในอเมริกา เริ่มกันใหม่แต่ต้นเลยทีเดียว นับจากการออกเสียง A B C D, past tense ต่างๆ
จนปีกว่าๆก็สนทนา และเขียนได้ ในสมัยก่อน การเรียนรู้จากห้องเรียนอย่างเดียวนั้นไม่พอจริงๆ ต้องฝึกฝนใช้งานจริงจากชีวิตประจำวันด้วย
ตอนนั้นผู้เขียนอายุย่างเข้า 17ปี Internet ยังเป็นระบบ Modem ของ AOL ชั่วโมงละ $9.00 ไม่ได้คิดเป็นรายเดือนอย่างเช่นทุกวันนี้
ระบบ Social Network ในสมัยนั้นไม่มีทั่วถึง อยากเรียนรู้อะไรถ้าหากซื้อหนังสือมาเรียนเองแล้วยังไม่คล่อง ต้องลงทะเบียนเข้าห้องเรียนอย่างเดียวไม่มีทางลัด
นักเรียนรุ่นสมัยผมจึงแม่นมากๆเรื่องออกเสียงคำลงท้ายที่เป็น ed หรือ t สาเหตุเพราะยังมีพวกฝรั่งเหยียดบางคนที่ทำเป็นแกล้งฟังคนเอเชียพูดภาษาอังกฤษไม่เข้าใจ เลยต้องเน้นให้ชัดๆหน่อย
อย่างที่บอกว่าโชคดีมีเพื่อนเป็นคนไทยเกิดที่นี้มีส่วนช่วยอย่างมาก เพราะเวลาเราไม่เข้าใจอะไรก็ยังพอถามเป็นภาษาไทยได้บ้าง แต่อย่าไปไว้ใจมากมาย 555 เพราะบางทีเพื่อนผมก็งงภาษาไทยเหมือนกัน
ช่วงหนังไทยเริ่มบูม อย่างเช่น นางนาก, เสือใบ โจรพันธุ์เสือ,บางระจัน ผมก็จะตะเวนเอาแผ่น VCD เอาไปให้เพื่อนคนไทยที่เกิดต่างประเทศได้ดูทั่วถึง
เครื่องเล่น VCD ในอเมริกาตอนนั้นไม่มีหรอกครับ ต้องใช้ Computer ลง Software ดู หรือไม่ก็ใช้ เครื่องเล่นเกม PlayStation ติดAdd on เพื่อให้ดูแผ่น VCD ได้
จนมาภายหลังเครื่องเล่น DVD บางรุ่นสามารถเล่นแผ่น VCD ได้ควบคู่กันเลยสบายไป
มาจนถึงทุกวันนี้กลายเป็น 4K ไปแล้ว ก็ย้อนกลับมาดูหนังเก่าๆที่เราเคยประทับใจในแบบฉบับที่ชัดเจนขึ้น แต่สายตาสั้นอย่างผมแค่ Full HD ผมก็ว่าสูงสุดแล้วล่ะ
พูดไถลออกไปเรื่อยเปื่อย อยากบอกตรงประเด็นที่ว่า มีใครไม่รู้มาบอกว่าภาษาอังกฤษพูดไปเถอะ ผิดๆถูกๆเดี๋ยวฝรั่งมันแก้ให้เอง
ความจริงก็คือ ฝรั่งใครที่ไหนมันจะมาคอยแก้ให้คุณครับ ยกเว้นคุณเป็นผญและฝรั่งคนนั้นมันอยากได้คุณเป็นเมีย หรือคุณเป็นนักเรียนแล้วพูดผิดๆถูกๆกับครูที่มีหน้าที่อยู่แล้วต้องคอยแก้ไขให้นักเรียน
คุณลองไปพูดถูกๆผิดๆกับงานที่คุณกำลังจะสมัครสิครับ แล้วดูว่าเค้าจะให้โอกาสคุณไหม ในเมื่อมีผู้สมัครพูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่หนึ่งรองานอีกมากมาย
สมัยนี้มีสื่อต่างๆมากมาย คนก็เลยคิดว่าเรียนลัดๆก็ได้ จริงๆแล้วถ้าชีวิตประจำวันคุณอยู่ได้ไม่ต้องง้อฝรั่งมันก็ถูกนะแต่ถ้าคุณจะมาเรียนหรือทำงาน ต้องเปลี่ยนแปลงความคิดใหม่
ฝรั่งให้ความสำคัญกับเวลามาก ทุกประโยคในการสนทนาถึงต้องมี past tense ใช้ไม่ถูกนิดเดียวนี่สิ่งที่ต้องการจะสื่อแตกต่างกันลิบลับ
อาจจะมี method ที่ทำให้การเรียนรู้ภาษาอังกฤษง่ายขึ้น แต่ผมไม่เชื่อว่ามีวิธีย่นย่อให้คนเรียนรู้โดยไม่ต้องใช้เวลาฝึก พูด ฟัง อ่านและเขียน
และที่สำคัญต้องเรียนรู้อย่างถูกวิธีด้วย เคยได้ยินไหมคนจีนมาอยู่อเมริกาสิบกว่าปียังพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย หรือภรรยาคนไทยมีสามีฝรั่งแต่ใช้ Broken English ทั้งๆที่อยู่กันมานานแล้ว
สิ่งที่ผมพยายามจะสื่อคือเรียนให้ถูกหลักและต้องใช้เวลาฝึกฝนครับ