คนที่สูญเสียพ่อแม่ เค้าผ่านวันเหล่านั้นมาได้อย่างไร ?

สวัสดีครับ จขกท. เป็นคนที่กำลังเรียนอยู่ในระดับอุดมศึกษาครับ อีก2 ปีถึงจะจบ มีเรื่องราวคือ บิดาของผม อาการผิดปกติจึงไปตรวจ พบว่าเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย อยู่ได้ไม่เกิน 3-6 เดือน จขกท.นี่เศร้ามากไม่มีใจทำอะไรเลย แต่ก็ไม่ถึงกับกินอาหารไม่ได้นอนไม่หลับนะครับ แต่ยอมรับว่าเครียดมาก ไม่รู้จะเอาอย่างไรกับชีวิตเลย เหมือนกับว่าโลกมันกลายเป็นสีเทา
ผมอยากรู้ว่า คนที่เคยอยู่ในสถาการณ์แบบผม หรือแย่กว่า ผ่านช่วงเวลาเหล่านี้มาได้อย่างไร ใช้ชีวิตอย่างไร วางแผนอย่างไรต่อไปครับ ?

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 245
วันนี้ (29 สค 62) พ่อของกระผมได้จากไปอย่างสงบที่โรงพยาบาล หลังจากความดันตกมาหลายวัน
ขอบคุณทุกคนมากที่มาให้กำลังใจให้กระผมได้สู้ต่อไป ขอบคุณครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
ตอนดิฉันเรียนอยู่ปี2  จู่ๆพ่อดิฉันเส้นเลือดในสมองตีบ เป็นอัมพฤก ช่วยเหลือตัวเองแทบไม่ได้ แม่ดิฉันซึ่งเป็นโรคไตขั้นสุดท้ายเครียดมากเลยเกิดอาการเส้นเลือดในสมองแตก นอนเป็นอัมพาตอยู่สองสัปดาห์ และเสียชีวิต

แม่ตาย พ่อช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ น้องๆยังเรียนอยู่ มอสอง  อีกคนอยู่มอสี่  เราเองอยู่ปีสอง  เงินก็ไม่มีค่ะ

ทางเดียวที่จะพาตัวเอง ให้พ้นความเลวร้ายนั้นมาได้ คือตั้งใจเรียนให้ดีที่สุด ทำคะแนนให้ได้มากที่สุด จากคนเรียนเล่นๆ เลยต้องขยันเรียนเพื่อให้ใด้รับทุนเรียนดีแต่ยากจนค่ะ เวลาว่างหลังเลิกเรียนก็ไปทำงานได้เงินสำหรับใช้จ่าย  

นึกถึงหน้าพ่อแม่เข้าไว้ค่ะ ถ้าเราไม่ฮึดสู้ ทั้งครอบครัวก็จะต้องล่มสลาย ซึ่งเป็นสิ่งที่ยอมไม่ได้ค่ะ

ปัจจุบันทุกคนเรียนจบปริญญาโท ทำงานหาเงินเลี้ยงตัวเอง และพ่อซึ่งยังนอนป่วยอยู่ได้ค่ะ  เรื่องนี้ผ่านมานานมากแล้ว ญาติทุกคนยังนึกชื่นชมที่เราทุกคนผ่านเหตุการณ์ร้ายมาได้ด้วยดี ไม่มีใครเสียอนาคตทำตัวเป็นเด็กมีปัญหา เพราะข้ออ้างแม่ตายเลยสักคนค่ะ

เป็นกำลังใจนะคะ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนค่ะ

ส่วนเรื่องของพ่อ ขอให้เข้าใจว่า ท่านจำเป็นต้องไปอยู่อีกที่นึงเท่านั้น เรายังได้เจอกันในฝันอยู่แทบทุกวัน และเป็นการดีแล้วที่ท่านจะหมดความเจ็บปวดทรมานทางกายอย่างแสนสาหัส เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ต้องยอมรับให้ได้ค่ะ

สู้ สู้ นะคะ
ความคิดเห็นที่ 41
เรื่องนี้ผมเขียนเล่าไว้เมื่อปีที่แล้ว ลองอ่านดูนะครับ
หวังว่ามันจะเป็นกำลังใจให้ผ่านไปได้ไม่มากก็น้อยครับ สู้ๆ นะครับ


สวัสดีครับชาว Pantip ห่างหายไปนานอีกเช่นเคย
เดือนนี้เป็นเดือนของแม่ วันแม่แห่งชาติ ปี 2561

สำหรับใครหลายๆคนก็คงทำอะไรพิเศษให้กับแม่
ผมก็เช่นกัน แต่ผมไม่ได้ทำแค่เฉพาะเดือนนี้หรอกนะครับ

ผมเริ่มพาแม่เที่ยวเมื่อต้นปีที่ผ่านมานี้
เพราะคิดว่าผมพร้อมแล้ว พร้อมกำลังที่มีที่พาไปเที่ยวไกลๆได้
แต่แม่อาจไม่ได้ไปเที่ยวแบบทั่วๆไป เพราะผมต้องแบกแม่ไปด้วยทุกที่
แบกไปจริงๆนะ

เกริ่นนิดนึงนะว่า
ครอบครัวผมเป็นครอบครัวคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว
ทั้งหมดเราไม่ได้ใครที่ครอบครัวเป็นแบบนี้
มันก็แค่ความรักระหว่างพ่อกับแม่ มันไม่มากพอที่จะอยู่ด้วยกันมากกว่า
ก็เลยต้องแยกทางกันเดิน และแม่เลือกที่จะดูแลเรา
และการดูแลของแม่เรานั้นเรียกว่าเกินเบอร์ไปมาก
แม้มันไม่ได้มีเยอะแยะ หรูหรา ฟู่ฟ่านัก แต่เชื่อเหอะว่าผมมีความสุข

ผมขอย้อนเวลานิดนึงนะครับ ย้อนกลับไปใน 2547
ตอนนั้นผมอยู่ ม.ปลาย ช่วง ม.5 ม.6 มั้ง
ความสุขตั้งแต่เด็กที่แม่เคยให้เราเสมอมาไม่เคยน้อยลงเลย
แต่อย่างว่าสุขแล้วก็ต้องมีทุกข์ และความทุกข์ก็เข้ามาจนได้...
แม่ตรวจพบว่าเป็นมะเร็งเต้านมในปีนั้น

ถามว่าใจเสียไหม ก็ธรรมดาอ่ะแหละ
แต่ถามว่าเราต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันไหม ก็ต้องตอบว่าใช่
เมื่อเข้าสู่ขั้นตอนการรักษา เรานี่แหละที่ต้องเป็นกำลังใจให้แม่จริงไหม?
แม่ก็ร้องไห้ กลัว เสียขวัญไปต่างๆนาๆ

เมื่อการรักษาที่ต้องถึงจุดที่ตัดเต้านมทิ้ง
ให้คีโม ฉายแสง เราอยู่กับนางทุกขั้นตอน
ดูแลทุกอย่างเท่าที่ลูกคนนึงจะทำได้
อาหารการกินต้องปรับทั้งหมดเราก็ปรับด้วย
เราใช้ชีวิตแบบเดิมไม่ได้อีกแล้ว
ในที่สุดมะเร็งก็หายไป...

จนถึงปี 2550
มะเร็งกลับมาอีก กลับมาคราวนี้ลงตับ
ท้องแม่โตขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ และแข็งมาก
ตอนนั้นเป็นจุดที่เราต้องใช้สติมากๆ
เป็นช่วงที่เราเข้ามหาวิทยาลัย
ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ เรียนก็ต้องดี ดูแลแม่ก็ต้องไม่บกพร่องอ่ะเเน้อ

เราจูงมือกันไปหาหมอ
และหมอก็บอกว่าแม่จะอยู่ได้ประมาณ 3 เดือนนะ จากระยะที่เจอ
น้ำตาไหลไหม? หึ ไม่เลยสักหยด
แต่ข้างในแทบระเบิดออกมาก
อยากเอาชีวิตที่เหลืออยู่แลกกับนางเสียจริง

แต่อย่างว่า โลกนี้มันก็มักเล่นเกมส์กับเราแบบนี้แหละ
ผมใช้เวลาดูแลแม่มากขึ้น กินอยู่ด้วยกันแบบมากกว่าเดิม
แม่อยากทำอะไรให้ทำ อยากไปไหนที่เราพอพาไปได้จะพาไป

จำได้ว่าแม่เคยอยากไปห้าง นางเบื่อที่นอนอยู่แต่บ้าน
(ช่วงนั้นแม่เริ่มเดินไม่ค่อยคล่องแล้ว)
เราก็โอเค ไปเดินห้างกันนะ
แล้วแม่ก็เอ่ยขึ้นมาว่า “เดินไม่ไหวหรอก ไม่อยากนั่งรถเข็น อายเค้า”
เราเลยบอกแม่ว่า จะอายทำไม ไม่มีใครสนใจหรอกน่า
สุดท้ายเราก็ได้พาแม่ไปห้างแม้นางจะไม่ได้เดินก็ตาม เข็นเอา

ช่วงปลายปี 2550
อาการของแม่ทรุดลงไปเร็วมาก เร็วแบบเราตั้งตัวไม่ทัน
ขาแม่รีบลงเรื่อยๆ เดินไม่ได้
เริ่มปวดเนื้อปวดตัว ผอม ซูบ พุงป่อง
และเริ่มทำธุระส่วนตัวไม่ได้ แม่ต้องใส่แพมเพิส
ช่วงนั้นยอมรับว่าหนักมากสำหรับเราในการดูแลแม่
เรื่องเรียนก็ต้องไม่ให้เสีย ใช้ความอดทนล้วนๆ
แต่แม่เราเลี้ยงเรามาคนเดียว อดทนกว่าตั้งเยอะ
แค่นี้จิ๊บๆ

มีวันนึงต้องเปลี่ยนแพมเพิสให้แม่
นางก็ร้องไห้ ผมก็ถามว่าร้องทามมายยยยยย
แม่ก็บอกว่าไม่อยากให้เป็นแบบนี้
ไม่อยากให้ลูกชายต้องมาเช็ดก้นเช็ดจิ๊มิ๊ให้แบบนี้
เราก็เลยบอกว่า
“แม่! นี่ก็ออกมาทางรูนี้อ่ะ หน้าก็ถูรูจิ๊มิ๊แม่มานี่อ่ะ จะคิดอะไรมาก”
นี่น่าจะเป็นอีกครั้งที่แม่หัวเราะทั้งน้ำตา...

1 สัปดาห์สุดท้ายของชีวิตแม่ที่อยู่ที่โรงพยาบาล
ทุกอย่างในร่างกายแม่เริ่มหยุดทำงาน
เราดูแลแม่มาจนถึงวันที่ 11 มีนาคม 2551
เป็นวันที่แม่จากผมไป จากไปไกล...
ไม่ร้องไห้เลยสักแอะ ไม่ร้องเลยจริงๆ

ตั้งสติแล้วจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย
งานศพ วัด เสื้อผ้า แจ้งข่าว อะไรที่ลิสๆไว้ทำให้ครบ
ผมเตรียมรูปหน้าศพของแม่ไว้ โดยนางเป็นคนเลือกรูปเอง
ผมเตรียมชุดสำหรับแม่ไว้ โดยนางก็เลือกชุดไว้เอง
ผมเตรียมเครื่องสำอางค์และน้ำหอมของแม่ไว้ โดยนางก็เลือกไว้เอง
ผมและแม่รู้ว่ามันนึงต้องมาถึง ก็แค่เตรียมตัวให้ดีนั่นแหละ

ผมจัดงานศพของแม่
และก็รู้ว่าคนรักแม่เยอะมากกกกกก แอบดีใจแทนนางนะ
และถึงวันสุดท้ายที่ผมต้องส่งแม่
วันนี้คือวันที่ผมร้องไห้ ร้องแบบเสียสติ ร้องแบบใจจะขาด
และก็รู้ว่าแม่ไม่ชอบแน่ๆที่เราเป็นแบบนี้
ก็ต้องฮึ้บ ตั้งสติ แล้วใช้ชีวิตอยู่ให้ได้

เวลาผ่านไปไวนะ ไวมาก นี่ปี 2561 แล้ว
ผมเรียนจบด้วยเกียรตินิยมอันดับ 2
ผ่านการทำงานในบริษัทที่มีชื่อมาหลายที่
แล้วก็เคยผิดพลาดล้มลุกคลุกคลานจนถึงขั้นแย่ก็มี
จนวันนี้วันที่ยืนได้แม้ไม่ค่อยแข็งแรงนัก แต่ก็พยายามไม่ให้ล้มอีก
แล้วตัวแม่เองก็ไม่ได้อยู่กับผมมา 10 ปีแล้ว ไวจริงไรจริง
แต่หลายสิ่งหลายๆอย่างของแม่อยู่ในตัวผม อยู่ในใจผมเสมอ

ปีนี้หลายๆอย่างเริ่มลงตัว ผมเลยพาแม่มาอยู่ด้วย
ใช่ครับ ผมพาแม่มาอยู่ด้วยเป็นจี้ห้อยคอ
ที่บอกว่าแบกแม่ไป ก็แบกไปจริงๆ ไปไหนไปกัน

ปีนี้เลยถือโอกาสพาแม่เที่ยว แม้ว่ามันไม่ใช่แบบที่ควรจะเป็น
แต่ก็พานางไป พาไปด้วยกำลัง และพลังที่เราสร้างด้วยตัวเราเอง
เวียดนาม เชียงใหม่ เชียงราย ญี่ปุ่น สมุย ตราด สิงค์โป ภูเก็ต ไต้หวัน
ทำงานบ้างเที่ยวบ้าง ปนๆกันไป หลายที่เลย
และคิดว่าก็จะพาแม่ไปไหนมาไหนด้วยตลอดชีวิตนี้

เอาจริงๆก็พาแม่ไปไหนด้วยทุกที่เลย
ทำงาน กินเหล้า 55555555555555
แล้วก็ไม่ลืมที่จะเอ่บบอกนางทุกครั้งนะ
ว่าไปด้วยกันนะ วันนี้มีภารกิจอะไรก็บอกไป
ให้แม่ดูแลและเป็นกำลังใจให้เราด้วยนะ

สุดท้ายอยากบอกว่า
“แม่ยังอยู่ในใจผมเสมอ แม้มันจะจับต้องไม่ได้แล้วก็ตาม”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่