สารานุกรมปืนตอนที่ 275 กบฏซีปอยกับความเข้าใจผิดเรื่องกระสุนชะโลมน้ำมันหมู-วัวของทั้งสองฝ่าย

"ขอขอบคุณเพจประวัติศาสตร์การปืนอย่างสูงครับ"

https://www.facebook.com/FirearmsHistory/


มักมีการกล่าวโทษกล่าวหาเจ้าอาณานิคมอังกฤษอยู่เสมอในเรื่องของการดูถูกเหยียดหยามและการปฏิบัติต่อชาวพื้นเมืองที่อยู่ใต้อาณัตว่าทารุณโหดเหี้ยมซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นจริงอยู่ แต่ใช่ว่าเรื่องราวทั้งหมดจะถูกต้องอย่างที่กล่าวเอาไว้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีการขบถของกองทหารซีปอย(Sepoy Mutiny 1857)ที่อังกฤษมักจะถูกกล่าวหาว่าดูถูกตั้งใจจะทำลายประเพณีความเชื่อของชนพื้นเมืองชนชั้นวรรณะดั้งเดิมโดยใช้กระสุนชะโลมน้ำมันวัว-หมู แถมยังบังคับให้ทหารซีปอยใช้ปากกัดกระสุนแบบดังกล่าว โดยเรื่องนี้มีข้อผิดพลาดอยู่หลายแต่ละอย่างคงเป็นเรื่องของความเข้าใจผิดและการเร่งรัดเอาอาวุธใหม่เข้าประจำการโดยยังไม่พร้อมเสร็จสรรพทุกอย่าง
อย่างแรกเลยที่ต้องเข้าใจคือ ในช่วงนั้นจักรวรรดิอังกฤษกำลังอยู่ในช่วงปฏิรูปกองทัพกันขนานใหญ่เกิดการเปลี่ยนแปลงสำคัญอย่างการใช้ปืนเล็กที่ผลิตด้วยเครื่องจักรอุตสาหกรรมที่มีความแม่นยำในการผลิตสูง/ผลิตได้รวดเร็วสามารถเปลี่ยนชิ้นส่วนในปืนรุ่นเดียวกันไปมาเพื่อซ่อมบำรุงได้โดยง่าย ระบบการจุดชนวนด้วยแก็ปความน่าเชื่อถือสูงกว่าใช้หินเหล็กไฟในปืนคาบศิลาแบบเดิมสามารถยิงได้แม้แต่ในสภาพอากาศที่ชื้นเปียกแฉะฝนตก 
อีกทั้งยังมีการทำเกลียวลำกล้องเพิ่มความแม่นยำร่วมกับการใช้กระสุนทรงกรวยแบบใหม่เรียกว่า Minie ball (ทางอังกฤษเรียกว่า Pritchett ball ตามผู้ที่ดัดแปลงเอาไปใช้กับ Enfield Pattern 1853 แต่คนออกแบบจริงๆของฝั่งอังกฤษคือ William Metford แต่ก็ด้วยการรับแนวคิดมาจาก Minie ball ดังเดิมอีกที ดังนั้นเพื่อเป็นการให้เกียรติจึงขอเรียกว่า Minie ball)
ที่ฐานส่วนท้ายจะกลวงและบานออกเมื่อถูกแรงดันจากแก๊สดินขับและจับกับเกลียวลำกล้องปืนทั้งบรรจุง่ายรวดเร็วกว่ากระสุนกระสุนลูกกลมๆแบบเดิมที่นำมาใช้กับปืนลำกล้องมีเกลียวบรรจุจากปากลำกล้อง ทำให้ระยะหวังผลไกลขึ้นจากเดิมถึง 3 เท่า จากเดิมไม่เกิน 100 หลา กลายเป็น 300 หลา สำหรับเป้าหมายแบบจุด ส่วนเป้าหมายแบบพื้นที่สามารถทำการระดมยิงหวังผลได้ไกลเกิน 1,000 หลา โดยปืนรุ่นนี้มีชื่อว่า Enfield rifled-musket Pattern 1853


ซึ่งน่าทึ่งเป็นอย่างมากเพราะภายในเวลาเพียง 4 ปี อีกทั้งในช่วงนี้ยังติดอยู่กับการรบในสงครามไครเมีย 1853-1856 ที่ในช่วงนี้กองทัพภาคพื้นยุโรปของอังกฤษยังขาดแคลนปืนรุ่นนี้อยู่เลย แต่จักรวรรดิอังกฤษกลับสามารถจัดหาและส่งมอบแจกจ่ายปืนรุ่นนี้ไปยังอาณานิคมที่ตั้งอยู่ห่างไกลอย่างอินเดียได้
แต่ทุกอย่างใช่ว่าจะสมบูรณ์แบบเสมอไป เนื่องจากดินขับไร้ควันยังไม่ได้ถูกคิดค้นขึ้น ปืนยังคงใช้ดินดำเป็นดิบขับหลักอยู่เช่นเดิม เมื่อทำการยิงไปเรื่อยๆเขม่าดินปืนจะสะสมมากขึ้นในลำกล้องปืน(ดินดำเป็นดินขับที่เผาไหม้ไม่สมบูรณ์) จนถึงระดับหนึ่งที่ทำให้การบรรจุกระสุนลงไปให้สุดถึงรังเพลิงทำได้ยาก เมื่อหัวกระสุนไม่ถูกกดสุดอยู่บนตำแหน่งของดินขับก็มีผลโดยตรงต่อการเผาไหม้ของดินพื้นทันทีทำให้เผาไหม้ด้วยแรงดันที่น้อยลงกว่าเดิมมากทำให้ความเร็วกระสุนลดต่ำลงมีผลต่อความแม่นยำและระยะยิงของตัวปืนทันที ซึ่งสิ่งนี้สำคัญเป็นเรื่องความเป็นความตายในสนามรบ กลายเป็นโจทย์สำคัญที่ต้องหาทางแก้ไข
ซึ่งก็แก้ปัญหาง่ายๆด้วยการห่อหัวกระสุนด้วยกระดาษอีกชั้นเพื่อการซับเช็ดขับเขม่าดินปืนแล้วเคลือบห่อกระสุนด้วยไขขี้ผึ้งผสมน้ำมันวัว ในระหว่างยิงฐานท้านหัวกระสุนที่บานออกและกระดาษเคลือบไขขี้ผึ้งน้ำมันวัวก็จะไปจับกับเกลียวขูดเป็นร่องบากจะบีบให้สารหล่อลื่นนี้ออกไปจับกับเกลียวลำกล้องและพื้นที่ภายในลำกล้องปืนขณะที่กระสุนกำลังเคลื่อนเดินทางออกจากลำกล้องปืน เป็นการหล่อลื่นลำกล้องปืนและขจัดเช็ดเขม่าดินปืนไปด้วยในตัว โดยจากการทดสอบแล้วสามารถทำให้ปืนยิงต่อเนื่องได้นานถึง 150 นัด เมื่อเทียบกับปกติที่แค่ยิงออกไปเพียง 40-50 นัด เขม่าดินปืนที่ตกค้างอยู่ภายในก็แทบจะทำให้การบรรจุกระสุนเป็นไปไม่ได้แล้ว


ถ้าพิจารณาตามนี้ก็เหมือนว่าคำกล่าวหาจะเป็นจริงตามนั้นทุกประการที่อังกฤษใช้และให้กัดเข้ากับน้ำมันวัว-หมูที่ใช้หล่อลื่นจริงๆ แต่ก็ยังไม่ใช่หรอกครับเพราะยังมีอย่างสุดท้ายที่ชี้ชัดเจนตัดสินได้ชัดเจนเลย ก็คือ เรื่องการใช้ห่อกระสุนกระดาษบรรจุทั้งหัวกระสุนและดินขับเอาไว้พอเวลาจะใช้ก็หยิบขึ้นมาเอาปากกัดเทดินดำและยัดหัวกระสุนใส่ลำกล้องปืนได้เลย ซึ่งถ้านี่เป็นกระสุนกระดาษทั่วๆไปในยุคก่อนหน้านี้ก็คงจะกล่าวโทษได้อยู่
แต่ทว่าห่อกระสุนกระดาษที่ตามแบบที่ Enfield Pattern 1853 ใช้นี้ต่างกันโดยสิ้นเชิง เนื่องจากว่ากองทัพของจักรวรรดิอังกฤษมีดินแดนใต้อาณิตอยู่รอบโลก ไม่ได้รบแต่ในเขตอบอุ่นหนาวอย่างเดียวแต่ร้อนจัดอย่างอินเดียหรือแอฟริกาก็ต้องไป ฉะนั้นถ้าเอาทุกอย่างมาใส่รวมกันอย่างที่ว่า ทั้งหัวกระสุนที่มีการใช้ไขสารหล่อลื่นนำมาใส่วางบนดินขับโดยตรงไขก็จะละลายในอากาศร้อนๆเข้าไปผสมกับดินขับโดยตรงทันที ส่งผลต่อการเผาไหม้ของดินปืนและระยะยิงความแม่นยำ รวมทั้งยังไปทำลายกัดกร่อน(สงสัยจะเป็นกรดไขมันจากน้ำมันวัว)หัวกระสุนที่ทำมาจากตะกั่วจนพื้นผิวขุรขระทำให้บรรจุกระสุนยากขึ้น
ฉะนั้นสิ่งที่อังกฤษทำก็คือ สร้างห่อกระดาษแยกกันถึง 3 ชั้น มีห่อดินปืนและห่อหัวกระสุนแยกออกจากกันออกตั้งหากอย่างชัดเจนป้องกันไม่ให้ไขหล่อลื่นละลายเข้าไปผสมได้ โดยส่วนปลายหัวกระสุนจะหันขึ้นด้านบน โดยทั้งหมดนี้จะถูกห่อด้วยห่อกระดาษใหญ่ภายนอกอีกทีแล้วส่วนปลายด้านล่างภายนอกของห่อกระสุนจะถูกชะโลมด้วยไขหล่อลื่นอีกนิดเดียวเท่านั้น ไม่มีส่วนบนของกระสุนที่ต้องใช้ปากกัดฉีกเอาดินปืนออกมาสัมผัสกับไขหรือถูกเคลือบไว้ด้วยไขแต่อย่างใดเลย อีกอย่างที่น่าสนใจคือตามตำราฝึกของอังกฤษในช่วงนี้ที่ก็ใช้บังคับฝึกกับทหารซีปอยแบบเดียวกันก็ไม่มีการฝึกให้ใช้ปากกัดห่อกระสุนออกแต่ให้ใช้มือฉีกส่วนปลายเอาเท่านั้น แล้วในจังหวะที่ต้องเอาหัวกระสุนมาใส่ที่ปากลำกล้องปืนก็ไม่จำเป็นต้องเอามือมาจับหัวกระสุนหรืออีกด้านที่เคลือบไขเอาไว้ด้วยอีก เพียงแค่หยิบหมุนกลับด้านเอามาเสียบแล้วหักออกก็พร้อมกระทุ้งหัวกระสุนเข้าลำกล้องลงไปรังเพลิงได้ทันที มันจึงไม่สำคัญว่ามันจะใช้น้ำมันวัว-หมูมาเคลือบเอาไว้หรือไม่ เพราะไม่ได้มีการสัมผัสเข้าโดยตรงตอนใช้งานตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
ซึ่งตามทฤษฎีแล้วควรจะเป็นเช่นนั้น แต่อังกฤษคาดการณ์ผิดพลาดอย่างรุนแรง สภาพอากาศอินเดียร้อนจัดหนักกว่าที่คาดเอาไว้มาก ไขที่เคลือบเอาไว้ละลายอย่างรวดเร็วและถูกซึมซับกระจายไปทั่วทุกส่วนของห่อกระสุนกระดาษแม้แต่ส่วนที่จะต้องใช้มือฉีกหรือปากกัดที่ไม่ควรจะมีไขเคลือบก็โดนไปด้วย
แน่นอนว่าเมื่อกองทหารซีปอยถูกเรียกมารับอาวุธใหม่และเริ่มการฝึกเห็นสภาพกระสุนเป็นดังกล่าวเข้าก็ปฏิเสธที่จะใช้กระสุนแบบนี้ทันที ส่วนนายทหารอังกฤษที่อยู่บังคับบัญชาก็เข้าใจว่ากองทหารซีปอยอ้างคิดขบถไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่ง เนื่องจากคิดว่ากระสุนแบบใหม่ไม่น่าจะมีปัญหาแต่อย่างใด
และอย่างสุดท้ายที่เป็นข้อสังเกตว่าเรื่องนี้ไม่ได้ตั้งใจจะทำลายประเพณีความเชื่อของชนพื้นเมืองชนชั้นวรรณะดั้งเดิมโดยใช้กระสุนชะโลมน้ำมันวัว-หมูฯลฯ คือ หลังการกบฎเนี่ยแหละครับ ที่อังกฤษก็มีการเปลี่ยนกระสุนใหม่ทันทีและบังคับใช้กับอินเดียก่อนเป็นรายแรกโดยให้ยกเลิกกระสุนไขขี้ผึ้งผสมน้ำมันวัวแล้วเปลี่ยนให้ไปใช้ไขขี้ผึ้งล้วนแทนในปี 1859
ซึ่งฟังดูแล้วเหมือนกับว่าเป็นผลมาจากการกบฏ ทว่าอันที่จริงแล้วอังกฤษมีแผนการจะยกเลิกตั้งแต่ช่วงก่อนที่จะมีการขบถของกองทหารซีปอยแล้วในปี 1857 เพราะทราบดีถึงสภาพอากาศร้อนจัดแบบอินเดียที่ไม่ว่าจะห่อดีแต่ไหนมันก็ละลายรั่วไหลออกมาสร้างความเสียหายให้กับหัวกระสุนตะกั่วได้ตั้งใช้กระสุน Enfield Pattern 1851 มาแล้ว แต่ว่าถกเถียงกันอยู่ระหว่างนายทหารระดับสูงว่าจะใช้ขี้ผึ้งผสมน้ำมันวัวดีหรือเปล่า หรือจะแยกกันทั้งสองอย่างเลยแล้วเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เพราะว่าไขขี้ผึ้งมีปัญหาเจออากาศเย็นแล้วแตกเปราะ น้ำมันวัวก็ดันละลายเจออากาศร้อนจัดอีก

ref. A history of the development of the ammunition used in the first successful general-issue military rifle 
1st Lieutenant Brett Gibbons, 
Ordnance Corps, USAR 
December, 2016

 สวัสดีครับ





แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่