เส้นทางการทวงแชมป์อาเซียน ก้าวแรกในรอบแบ่งกลุ่มเดิมทางมาถึงนัดรองสุดท้ายแล้ว ซึ่ง "ช้างศึกU15" ต้องเจอศึกหนัก เมื่อต้องพบกับทัพ "จิงโจ้" ออสเตรเลีย ที่คัมแบ็คกลับมาร่วมโม่แข้งในระดับอาเซียนอีกครั้ง
แม้ผลงานของทีมไทย จะไฉไลเป็นบ้า เมื่อสามารถเก็บชัยชนะ 3 รวดที่ลงสนามเหนือ ลาว ด้วยสกอร์ฉิวเฉียด 2-1 จากนั้นก็จัดการยำใหญ่ บรูไนฯ ไปขาดลอย 7-1 ล่าสุดก็สามารถเอาชนะ กัมพูชา ไปแบบไม่ยากเย็นนัก 4-0 เบ็ดเสร็จในทัวร์นาเมนต์นี้ "ช้างศึกU15" เจาะตาข่ายคู่แข่งไป 13 ลูก เสียไปจิ๊บๆ 2 ประตูเท่านั้น
แต่หลังฉากชัยชนะอันสวยงาม ยังมีงานหนักให้ ซัลบาดอร์ บาเลโร การ์เซีย เฮดโค้ชและทีมงานสตาฟฟ์โค้ชของทีมต้อง "สะสาง" ให้เสร็จโดยด่วน หากหวังทวงแชมป์อาเซียน
รวมถึงการเตรียมลุยศึกใหญ่ "ชิงแชมป์เอเชีย" รอบคัดเลือก ที่เมียนมา ในเดือนกันยายนนี้
ไม่ว่าจะเป็น "การเพรสซิ่งสูง" ที่เป็นจุดเด่นของทีมชุดนี้
เนื่องจาก 3 นัด ที่ผ่านมา ต้องบอกว่าประสิทธิภาพการเพรสซิ่งของทีมลดลงไปพอสมควร
ดังนั้นกุนซือหนุ่มต้องกำชับและกระตุ้นให้นักเตะเตะเล่นเกมเพรสซิ่งให้ดุดัน การเข้าบอลต้องหนักหน่วง และแม่นยำ
ที่สำคัญทุกคนต้องไล่บอลพร้อมๆ กัน เพื่อเอาบอลมาครองให้ได้
ถัดมาก็คือเรื่องการ "สร้างสรรค์เกม"
จะเห็นได้ชัดว่าพื้นฐานของทีมชุดนี้คือการเล่นบอลกับพื้นเป็นหลัก ตามสไตล์ลูกหนังแดนกระทิงดุ ผ่านปรัชญาการทำทีมของ "เอคโคโน่"
ซึ่งรูปแบบการเจาะแนวรับคู่ต่อสู้มีความหลากหลาย ประตูที่ทำได้ในทัวร์นาเมนต์นี้มาจาก ลูกเตะมุม 4 ประตู, ลูกยิงไกล 4 ประตู, ลูกครอสจากด้านข้าง 2 ประตู และลูกฟรีคิก 3 ประตู
ที่สำคัญนักเตะกองหน้า, กองกลาง และกองหลัง สามารถทำประตูได้ทุกตำแหน่งด้วย
แต่สิ่งที่ขาดหายอยู่ก็คือการเข้าทำประตูในกรอบเขตโทษยังน้อยอยู่
โดยเฉพาะจังหวะเข้าฮอร์ส หรือแท็บอิน
หากแก้ไขจุดเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ให้สมบูรณ์แบบมากขึ้น โอกาสที่จะกรุยทางสู่การผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ และต่อยอดเป็นแชมป์ก็เปิดกว้างทันที
และที่สำคัญยังเป็นการสร้างมั่นใจ ก่อนออกไปเจอกระดูกขัดมัน ในศึกระดับที่สูงขึ้นต่อไป
เครดิต ฟุตบอลทีมชาติไทย
l MATCHDAY l AFF - U15 BOYS' CHAMPIONSHIP THAILAND 2019 : 'ช้างศึก U15' VS 'จิงโจ้ U15' ...เด็กไทย สู้หลังพิงฝา !!!
รวมถึงการเตรียมลุยศึกใหญ่ "ชิงแชมป์เอเชีย" รอบคัดเลือก ที่เมียนมา ในเดือนกันยายนนี้
ไม่ว่าจะเป็น "การเพรสซิ่งสูง" ที่เป็นจุดเด่นของทีมชุดนี้
เนื่องจาก 3 นัด ที่ผ่านมา ต้องบอกว่าประสิทธิภาพการเพรสซิ่งของทีมลดลงไปพอสมควร
ดังนั้นกุนซือหนุ่มต้องกำชับและกระตุ้นให้นักเตะเตะเล่นเกมเพรสซิ่งให้ดุดัน การเข้าบอลต้องหนักหน่วง และแม่นยำ
ที่สำคัญทุกคนต้องไล่บอลพร้อมๆ กัน เพื่อเอาบอลมาครองให้ได้
ถัดมาก็คือเรื่องการ "สร้างสรรค์เกม"
จะเห็นได้ชัดว่าพื้นฐานของทีมชุดนี้คือการเล่นบอลกับพื้นเป็นหลัก ตามสไตล์ลูกหนังแดนกระทิงดุ ผ่านปรัชญาการทำทีมของ "เอคโคโน่"
ซึ่งรูปแบบการเจาะแนวรับคู่ต่อสู้มีความหลากหลาย ประตูที่ทำได้ในทัวร์นาเมนต์นี้มาจาก ลูกเตะมุม 4 ประตู, ลูกยิงไกล 4 ประตู, ลูกครอสจากด้านข้าง 2 ประตู และลูกฟรีคิก 3 ประตู
ที่สำคัญนักเตะกองหน้า, กองกลาง และกองหลัง สามารถทำประตูได้ทุกตำแหน่งด้วย
แต่สิ่งที่ขาดหายอยู่ก็คือการเข้าทำประตูในกรอบเขตโทษยังน้อยอยู่
โดยเฉพาะจังหวะเข้าฮอร์ส หรือแท็บอิน
หากแก้ไขจุดเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ให้สมบูรณ์แบบมากขึ้น โอกาสที่จะกรุยทางสู่การผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ และต่อยอดเป็นแชมป์ก็เปิดกว้างทันที
และที่สำคัญยังเป็นการสร้างมั่นใจ ก่อนออกไปเจอกระดูกขัดมัน ในศึกระดับที่สูงขึ้นต่อไป
เครดิต ฟุตบอลทีมชาติไทย