JJNY : เสดตะกิดดี๊ดี..ซี้จุกสูญ ชาวสวนยางโอด!ไม่ถึงกก.ละ 40 บาท/สศอ.จุกเอ็มพีไอดิ่ง -5.54%/หอการค้าฯชี้ส่งออกปี'62 ติดลบ

กระทู้คำถาม
ชาวสวนยางโอด! ราคาเหลือไม่ถึง กก.ละ 40 บาท
https://www.one31.net/news/detail/12826

สหกรณ์กองทุนสวนยางบ้านบางดี จำกัด อ.ห้วยยอด จ.ตรัง สมาชิกสหกรณ์ฯ ซึ่งได้กรีดยางและนำน้ำยางมาจำหน่ายให้แก่สหกรณ์ตามปกติ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เดือดร้อนอย่างหนักจากปัญหาราคายางพาราที่ลดต่ำลงทุกวัน ถึงแม้ว่าสหกรณ์ฯ จะรับซื้อน้ำยางสดจากสมาชิกในราคาที่สูงกว่าจุดรับซื้อทั่วไปตามตำบลหรือหมู่บ้านต่างๆ แต่ราคาลดลงต่ำลงทุกวันเช่นเดียวกัน โดยที่ในวันนี้สหกรณ์กองทุนสวนยางบ้านบางดี รับซื้อน้ำยางสดจากสมาชิกกิโลกรัมละ 41 บาท ขณะที่จุดรับซื้อทั่วไปน้ำยางสดเหลือกิโลกรัมละ 37 – 39 บาทแล้วเท่านั้น โดยราคาน้ำยางสดลดต่ำลงรายวันๆละประมาณ 1 – 2 บาท

นายสมศักดิ์ ด้วงหวัง อายุ 55 ปี กล่าวว่า ราคายางย่ำแย่หนัก เวลาจะขึ้นครั้งละ 50 สตางค์/กก. แต่เวลาลงๆครั้งละ 1.50 บาท/กก. วันนี้น้ำยางสดสหกรณ์รับซื้ออยู่ที่กิโลกรัมละ 41 บาท วันก่อนกิโลกรัมละ 42.50 บาท วันหน้าไม่รู้จะขึ้นหรือจะลงอีก แต่ในฐานะชาวบ้าน ชาวสวนก็ต้องกรีดต่อไป แม้จะไม่มีอะไรดีขึ้นก็ตาม หรือราคาจะลดลงเหลือกิโลกรัมละ 20 บาท ก็จำเป็นต้องกรีด เพราะต้องใช้หนี้ ส่วนตัวก็เลี้ยงวัว และทำงานอย่างงานเสริม โดยขณะนี้ถามใครก็ตอบให้ไม่ได้ว่าราคาขึ้นหรือจะลงอีก วันก่อนราคาขึ้นไปอยู่ที่กิโลกรัมละ 50 บาทแล้ว พอเริ่มรู้สึกดีใจกลับลงมาอีกทุกวันจนตอนนี้ ดูแนวโน้มก็เชื่อว่าจะลงอีก

ชาวสวนยาง บอกต่อว่า แม้ขณะนี้การเลือกตั้งผ่านไปเกือบ 5 เดือนแล้ว ซึ่งในช่วงที่รัฐบาลแถลงนโยบายได้ฟัง ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ พูดเน้นเรื่องนี้ว่าให้เร่งแก้ปัญหาให้กับชาวสวนยางและสวนปาล์มโดยเร็ว แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มทำได้เมื่อใด ซึ่งตอนนี้อยากให้เร่งช่วยเหลือเรื่องราคาเท่านั้น แต่ไม่อยากให้ช่วยเหลือเป็นเงินชดเชยเหมือนครั้งที่ผ่านๆ มา เพราะไม่เกิดประโยชน์กับชาวสวนยาง เป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณ เพราะได้มาก็ใช้ไปหมด ไม่เหลือเก็บ ไม่เหลือเงินใช้หนี้ แต่อยากให้ช่วยเหลือเรื่องราคาให้สูงขึ้นแค่กิโลกรัมละ 50 – 60 บาท ชาวสวนก็พออยู่ได้แล้ว.



สศอ.จุกเอ็มพีไอดิ่ง -5.54% ผลจากค้าโลกชะลอตัว
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_1603514

สศอ.จุกเอ็มพีไอดิ่ง -5.54% ผลจากค้าโลกชะลอตัว

นายอดิทัต วะสีนนท์ รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนมิถุนายน 2562 หดตัวร้อยละ 5.54 เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับผลกระทบจากแนวโน้มเศรษฐกิจและการค้าโลกที่ชะลออย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในไตรมาสที่ 2 หดตัวลงร้อยละ 2.64 เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลลบต่อดัชนี MPI เดือนมิถุนายน 2562 ได้แก่ รถยนต์และเครื่องยนต์ ผลิตภัณฑ์ยาง น้ำมันปิโตรเลียม Hard Disk Drive และเครื่องประดับแท้ สาเหตุหลักมาจากความต้องการบริโภคภายในประเทศและคำสั่งซื้อจากตลาดต่างประเทศชะลอตัวลง ยกเว้นน้ำมันปิโตรเลียมที่มีการซ่อมบำรุงโรงกลั่นตามวาระการตรวจซ่อมบำรุงครั้งใหญ่ ในขณะที่อุตสาหกรรมสำคัญที่ส่งผลบวกต่อ MPI ได้แก่ น้ำมันปาล์ม เครื่องปรับอากาศและชิ้นส่วน เภสัชภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ที่ใช้รักษาโรค เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์และน้ำดื่ม และเบียร์

“สศอ.ยังคงเป้าหมายอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ(จีดีพี)ภาคอุตสาหกรรม ไว้ที่ 1.5-2.5% และปรับลดคาดการณ์ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม(เอ็มพีไอ) ไว้ที่ 1.5-2.5% โดยจะทบทวนอีกครั้งในการแถลงเอ็มพีไอเดือนสิงหาคมนี้” นายอดิทัตกล่าว

สำหรับ อุตสาหกรรมหลักที่ยังคงขยายตัวในเดือนมิถุนายน ได้แก่ น้ำมันปาล์ม ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 44.79 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนจากผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มดิบและน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ ที่ได้มีการลงนามสัญญาซื้อขายน้ำมันปาล์มของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และมาตรการส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซล B20 เพิ่มขึ้น เครื่องปรับอากาศและชิ้นส่วน ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.64 จากช่วงเดียวกัน ของปีก่อน จากตลาดในประเทศและเนื่องจากสภาพอากาศร้อนจัด รวมถึงตลาดส่งออกได้รับคำสั่งซื้อจากประเทศเวียดนาม สหรัฐและญี่ปุ่น เภสัชภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ที่ใช้รักษาโรค ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.05 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการผลิตเต็มกำลังของเครื่อง จักรใหม่ของผู้ผลิตตามความต้องที่เพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศ โดยมีการเร่งผลิตและส่งมอบตามการประมูลงานในโรงพยาบาล และการขยายตลาดส่งออกได้เพิ่มขึ้น

ขณะที่เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์และน้ำดื่ม ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.86 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากน้ำอัดลม น้ำโซดา น้ำชา และน้ำดื่มให้พลังงาน
ที่ผู้ผลิตออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ และการปรับขนาดบรรจุภัณฑ์ใหมีความหลากหลายเพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคมากขึ้น และเบียร์ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.06 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลายเพื่อให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค และการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ลดปริมาณแอลกอฮอล์ลง (เบียร์ 0%) เพื่อขยายตลาด รวมถึงการเร่งผลิตสต๊อกสินค้าเพื่อปิดปรับปรุงเครื่องจักรบางส่วนของผู้ผลิต
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่