โดยปกติแล้วเด็กที่เป็นความจำสั้นเนี่ยเค้าจะเป็นคนชอบสร้างเรื่องหลอกลวงเรื่องโกหกได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอคะ?เราอยากจะเล่าให้ทุกคนได้อ่านเผื่อจะมีใครช่วยให้คำแนะนำเราได้บ้างนะคะ
น้องเราจบม.3ไม่ได้เรียนต่อ และไม่สามารถทำงานในโรงงานได้เพราะเป็นคนที่ไม่มีความอดทนอะไรเลย (งานง่ายๆยังบ่นว่าไม่ไหว เหนื่อยปวดโน่นปวดนี่) แม่เราเคยพาน้องไปรพ.ยุวประสาทไวทโยปถัมภ์สองสามครั้ง หมอบอกน้องเป็นความจำสั้นแต่เป็นน้อย น้องสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ปกติ ไม่จำเป็นต้องรับยา ปัจจุบันน้องเราอายุ 22 แล้ว เราก็เข้าใจนะว่าคนที่เป็นโรคนี้เราจะไปอะไรกับเค้ามากก็ไม่ได้ แต่เราไม่แน่ใจว่าเฮ้ย! นี่มันใช่อาการของคนที่เป็นความจำสั้นหรือเปล่า ทำไมน้องเราถึงได้เป็นขนาดนี้ถึงขั้นแกล้งป่วย แกล้งทำเป็นเลือดออกจมูกอะไรแบบเนี้ย ซึ่งไอ้เลือดออกจมูกเนี่ยเราจับได้ตอนที่วิ่งไปเข้าห้องน้ำทำเหมือนจะฆ่าตัวตาย (ตอนนั้นยอมรับค่ะว่าเราทะเลาะกับน้องเรื่องที่น้องเราแอบขโมยเงินไปจนเกือบหมดจับได้ แล้วไม่ยอมรับ ไม่พูดอะไรออกมา) เชื่อไหมคะว่าน้องเรา “เอาเลือดประจำเดือนไปป้ายที่จมูกค่ะ” อ่านไม่ผิด ตาไม่ฝาดแน่นอน นี่คือเรื่องจริงค่ะ
อีกเรื่องหนึ่งคือน้องมาเล่าให้ฟังว่าตัวเองไปรพ.กับป้า ไปเข้า CT Scan สมองมา ฉีดยาสามสีอะไรเนี่ยแหละ เค้าเล่าให้ฟังว่าสมองเค้ามีจุดดำๆอยู่ตรงกลางเป็นเหตุทำให้ปวดหัว คือเขาเล่าเหมือนเป็นเรื่องจริงมาก เราก็เลยสงสัยว่าไปเข้า CT Scan ได้ยังไง มันต้องเสียค่าใช้จ่ายไม่ใช่เหรอ? แล้วอยู่ๆรพ.จะเอาเค้าเข้าตรวจทันทีเลยเหรอ?ทั้งๆที่ไม่ได้ไปรพ.มานานหลายปีแล้ว(ตั้งแต่แม่เสีย) แล้วถ้าตรวจจริงๆรอยที่ถูกฉีดยามาต้องมีแต่กลับไม่มีอะไรเลย และน้องเราไม่แสดงอาการเจ็บ หรือบ่นอะไรออกมาเลย ปกติถ้าเป็นอะไรนิดๆหน่อยๆต้องกินยาโชว์ หรือไม่ก็บ่นเจ็บอย่างโน้นอย่างนี้ อีกอย่างเอกสารการตรวจทุกอย่างมันต้องมีกลับมา แต่นี่กลับไม่มีอะไรเลย พอถามหาเอกสารน้องบอกว่าอยู่ที่บ้านพ่อ(ตอนนั้นพ่อน้องยังไม่เสียค่ะ) เราให้น้องไปเอากลับมาให้เราดู เผื่อมีใบนัดใบอะไรให้เราบ้างจะได้รักษาต่อเนื่องไปเลย น้องบอกว่าหายไปไหนไม่รู้ (อ้าว!) เราเลยโทรไปคุยกับพ่อน้อง(พ่อเลี้ยงเรา) ซึ่งคำตอบที่ได้มาก็คือ “ไม่ได้มีเอกสารอะไรเลย โดนมันหลอกแล้วล่ะ” ตอนนั้นเราหัวเราะจ้ากเลย โดนหลอกเต็มๆ
เรื่องล่าสุดที่เราพาน้องไปรักษาตัวที่รพ.จุฬารัตน์ 3 ด้วยประกันสุขภาพที่มีอยู่ ตรวจอย่างละเอียดทุกอย่าง กระทั่งสแกนสมอง หมอบอกน้องเราไม่อะไรผิดปกติเลยสักอย่าง แค่นอนดูอาการคืนหนึ่งเท่านั้นเช้ามาก็กลับบ้านได้
ไม่ใช่แค่เรื่องแต่งที่น้องเราเล่ามาเท่านั้น ยังมีโกหกเก่งอีกด้วย ขนาดจับได้ต่อหน้าต่อตาก็ยังโกหกเรา หรือบางครั้งจะไม่ยอมปริปากพูดอะไรออกมาเลย ต่อจากโกหกก็ชอบลักขโมยของในบ้าน อย่างเงินที่วางอยู่ตามตู้ ตามชั้นใส่ของหรือไม่ก็ของสวยๆงามๆอย่างเครื่องประดับจับได้และถูกตำหนิบ่อยครั้งก็ยังเป็นเหมือนเดิม และบางครั้งตัวเองเห็นอะไรแปลกตาก็ชอบพูดออกมาเสียงดังในเชิงดูถูก หนักสุดคือการแกล้งป่วย อย่างปวดหัวเหมือนหัวจะระเบิด ชักดิ้นชักงออยู่กับพื้น เมื่อก่อนไม่เคยเป็นแบบนี้ตอนแม่ยังอยู่เพราะแม่สามารถควบคุมดูแลน้องเราได้(ควบคุมนี่ไม่ได้หมายถึงบังคับเคี่ยวเข็ญน้องนะคะ) พอแม่ไม่อยู่แล้วเราก็เป็นคนดูแลแทน ซึ่งเราจะไม่ด่าไม่ว่าน้อง ปล่อยให้น้องทำตามใจทุกอย่าง(ต่างจากแม่เรามาก) และทุกครั้งที่ปล่อยให้ทำตามใจก็มักจะมีปัญหาตามมาให้เครียดอีก เราพยายามเกลี้ยกล่อม พูดดี ยกเหตุผลร้อยแปดทุกอย่างมาสอนน้อง
แต่ก็อย่างว่าแหล่ะค่ะ น้องเราความจำสั้นจะไปจำที่เราสอนได้ยังไง เราเองก็ใช่ว่าจะเป็นคนใจเย็นนะ เป็นคนอารมณ์ร้อนมาก ถึงจะร้อนแค่ไหนเราก็ต้ออดทนอยู่ดีเพราะน้องเราเป็นแบบนี้ และเราก็มีกันแค่สองพี่น้องเท่านั้น พ่อเลี้ยง(คนปัจจุบัน)ก็พึ่งพาได้นะคะแต่เราก็ต้องเผื่อใจเอาไว้ด้วยว่าเค้าจะกลับบ้านตัวเองไปเมื่อไหร่ ตอนไหนก็ไม่รู้
จากที่เราเล่ามาทั้งหมดนี้ ใครมีคำแนะนำอะไรดีๆ ก็ช่วยแนะนำเราบ้างนะคะ เราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับด้านจิตวิทยาเลย อีกอย่างเรากับน้องไม่ได้ถูกเลี้ยงด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ มาอยู่ด้วยกันอีกทีก็ตอนที่แม่นั้นเสียไปแล้วเมื่อ 3 ปีก่อนค่ะ และเราก็ทำงานไม่ค่อยมีเวลา วันหยุดก็คุยเล่นกันนิดหน่อย น้องเราก็ไปสนใจคุยโทรศัพท์อยู่ดี จะห้ามก็คงไม่ได้เดี๋ยวแกล้งป่วยอีกล่ะยุ่งเลย อีกอย่างเราพิมพ์เล่าเรื่องราวไม่เก่งมีอ่านแล้วงงบ้าง ไม่ถูกบ้างก็ขออภัยด้วยนะคะ (นี่เพิ่งหัดพิมพ์เล่าเรื่องจริงๆก็วันนี้แหละค่ะ) ขอบคุณที่ยอมเสียเวลาอ่านมาจนถึงบรรทัดสุดท้ายนะคะ
เกี่ยวกับเด็กความจำสั้น
น้องเราจบม.3ไม่ได้เรียนต่อ และไม่สามารถทำงานในโรงงานได้เพราะเป็นคนที่ไม่มีความอดทนอะไรเลย (งานง่ายๆยังบ่นว่าไม่ไหว เหนื่อยปวดโน่นปวดนี่) แม่เราเคยพาน้องไปรพ.ยุวประสาทไวทโยปถัมภ์สองสามครั้ง หมอบอกน้องเป็นความจำสั้นแต่เป็นน้อย น้องสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ปกติ ไม่จำเป็นต้องรับยา ปัจจุบันน้องเราอายุ 22 แล้ว เราก็เข้าใจนะว่าคนที่เป็นโรคนี้เราจะไปอะไรกับเค้ามากก็ไม่ได้ แต่เราไม่แน่ใจว่าเฮ้ย! นี่มันใช่อาการของคนที่เป็นความจำสั้นหรือเปล่า ทำไมน้องเราถึงได้เป็นขนาดนี้ถึงขั้นแกล้งป่วย แกล้งทำเป็นเลือดออกจมูกอะไรแบบเนี้ย ซึ่งไอ้เลือดออกจมูกเนี่ยเราจับได้ตอนที่วิ่งไปเข้าห้องน้ำทำเหมือนจะฆ่าตัวตาย (ตอนนั้นยอมรับค่ะว่าเราทะเลาะกับน้องเรื่องที่น้องเราแอบขโมยเงินไปจนเกือบหมดจับได้ แล้วไม่ยอมรับ ไม่พูดอะไรออกมา) เชื่อไหมคะว่าน้องเรา “เอาเลือดประจำเดือนไปป้ายที่จมูกค่ะ” อ่านไม่ผิด ตาไม่ฝาดแน่นอน นี่คือเรื่องจริงค่ะ
อีกเรื่องหนึ่งคือน้องมาเล่าให้ฟังว่าตัวเองไปรพ.กับป้า ไปเข้า CT Scan สมองมา ฉีดยาสามสีอะไรเนี่ยแหละ เค้าเล่าให้ฟังว่าสมองเค้ามีจุดดำๆอยู่ตรงกลางเป็นเหตุทำให้ปวดหัว คือเขาเล่าเหมือนเป็นเรื่องจริงมาก เราก็เลยสงสัยว่าไปเข้า CT Scan ได้ยังไง มันต้องเสียค่าใช้จ่ายไม่ใช่เหรอ? แล้วอยู่ๆรพ.จะเอาเค้าเข้าตรวจทันทีเลยเหรอ?ทั้งๆที่ไม่ได้ไปรพ.มานานหลายปีแล้ว(ตั้งแต่แม่เสีย) แล้วถ้าตรวจจริงๆรอยที่ถูกฉีดยามาต้องมีแต่กลับไม่มีอะไรเลย และน้องเราไม่แสดงอาการเจ็บ หรือบ่นอะไรออกมาเลย ปกติถ้าเป็นอะไรนิดๆหน่อยๆต้องกินยาโชว์ หรือไม่ก็บ่นเจ็บอย่างโน้นอย่างนี้ อีกอย่างเอกสารการตรวจทุกอย่างมันต้องมีกลับมา แต่นี่กลับไม่มีอะไรเลย พอถามหาเอกสารน้องบอกว่าอยู่ที่บ้านพ่อ(ตอนนั้นพ่อน้องยังไม่เสียค่ะ) เราให้น้องไปเอากลับมาให้เราดู เผื่อมีใบนัดใบอะไรให้เราบ้างจะได้รักษาต่อเนื่องไปเลย น้องบอกว่าหายไปไหนไม่รู้ (อ้าว!) เราเลยโทรไปคุยกับพ่อน้อง(พ่อเลี้ยงเรา) ซึ่งคำตอบที่ได้มาก็คือ “ไม่ได้มีเอกสารอะไรเลย โดนมันหลอกแล้วล่ะ” ตอนนั้นเราหัวเราะจ้ากเลย โดนหลอกเต็มๆ
เรื่องล่าสุดที่เราพาน้องไปรักษาตัวที่รพ.จุฬารัตน์ 3 ด้วยประกันสุขภาพที่มีอยู่ ตรวจอย่างละเอียดทุกอย่าง กระทั่งสแกนสมอง หมอบอกน้องเราไม่อะไรผิดปกติเลยสักอย่าง แค่นอนดูอาการคืนหนึ่งเท่านั้นเช้ามาก็กลับบ้านได้
ไม่ใช่แค่เรื่องแต่งที่น้องเราเล่ามาเท่านั้น ยังมีโกหกเก่งอีกด้วย ขนาดจับได้ต่อหน้าต่อตาก็ยังโกหกเรา หรือบางครั้งจะไม่ยอมปริปากพูดอะไรออกมาเลย ต่อจากโกหกก็ชอบลักขโมยของในบ้าน อย่างเงินที่วางอยู่ตามตู้ ตามชั้นใส่ของหรือไม่ก็ของสวยๆงามๆอย่างเครื่องประดับจับได้และถูกตำหนิบ่อยครั้งก็ยังเป็นเหมือนเดิม และบางครั้งตัวเองเห็นอะไรแปลกตาก็ชอบพูดออกมาเสียงดังในเชิงดูถูก หนักสุดคือการแกล้งป่วย อย่างปวดหัวเหมือนหัวจะระเบิด ชักดิ้นชักงออยู่กับพื้น เมื่อก่อนไม่เคยเป็นแบบนี้ตอนแม่ยังอยู่เพราะแม่สามารถควบคุมดูแลน้องเราได้(ควบคุมนี่ไม่ได้หมายถึงบังคับเคี่ยวเข็ญน้องนะคะ) พอแม่ไม่อยู่แล้วเราก็เป็นคนดูแลแทน ซึ่งเราจะไม่ด่าไม่ว่าน้อง ปล่อยให้น้องทำตามใจทุกอย่าง(ต่างจากแม่เรามาก) และทุกครั้งที่ปล่อยให้ทำตามใจก็มักจะมีปัญหาตามมาให้เครียดอีก เราพยายามเกลี้ยกล่อม พูดดี ยกเหตุผลร้อยแปดทุกอย่างมาสอนน้อง
แต่ก็อย่างว่าแหล่ะค่ะ น้องเราความจำสั้นจะไปจำที่เราสอนได้ยังไง เราเองก็ใช่ว่าจะเป็นคนใจเย็นนะ เป็นคนอารมณ์ร้อนมาก ถึงจะร้อนแค่ไหนเราก็ต้ออดทนอยู่ดีเพราะน้องเราเป็นแบบนี้ และเราก็มีกันแค่สองพี่น้องเท่านั้น พ่อเลี้ยง(คนปัจจุบัน)ก็พึ่งพาได้นะคะแต่เราก็ต้องเผื่อใจเอาไว้ด้วยว่าเค้าจะกลับบ้านตัวเองไปเมื่อไหร่ ตอนไหนก็ไม่รู้
จากที่เราเล่ามาทั้งหมดนี้ ใครมีคำแนะนำอะไรดีๆ ก็ช่วยแนะนำเราบ้างนะคะ เราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับด้านจิตวิทยาเลย อีกอย่างเรากับน้องไม่ได้ถูกเลี้ยงด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ มาอยู่ด้วยกันอีกทีก็ตอนที่แม่นั้นเสียไปแล้วเมื่อ 3 ปีก่อนค่ะ และเราก็ทำงานไม่ค่อยมีเวลา วันหยุดก็คุยเล่นกันนิดหน่อย น้องเราก็ไปสนใจคุยโทรศัพท์อยู่ดี จะห้ามก็คงไม่ได้เดี๋ยวแกล้งป่วยอีกล่ะยุ่งเลย อีกอย่างเราพิมพ์เล่าเรื่องราวไม่เก่งมีอ่านแล้วงงบ้าง ไม่ถูกบ้างก็ขออภัยด้วยนะคะ (นี่เพิ่งหัดพิมพ์เล่าเรื่องจริงๆก็วันนี้แหละค่ะ) ขอบคุณที่ยอมเสียเวลาอ่านมาจนถึงบรรทัดสุดท้ายนะคะ