มีเรื่องราวดีๆของ ผญ คนนึงมาแชร์ให้เพื่อนๆได้อ่านกันค่ะ

.....จขกท มีโอกาสได้มาเรียนภาษาที่ออสเตรเลียเป็นเวลาหกเดือน ระหว่างเดือนสุดท้ายของการเรียนที่นี่ได้รู้จักกับพี่ ผญ คนไทยคนนึง ให้นามสมมุติว่าพี่บ นะคะ

พี่ บ เป็น ผญ สุภาพ มีมารยาท น้ำเสียงอ่อนนุ่ม ลักษณะเป็นคนยอมคนและใจเย็น  เรามีโอกาสได้เรียนร่วมคลาสกับพี่ บ ทั้งเช้าและบ่าย  วันนึงครูคาบเช้าขอให้ทุกคนเขียนความลับของตัวเองเป็นภาษาอังกฤษลงในกระดาษ แล้วครูจะเอาไปเขียนบนกระดานให้นักเรียนเดาว่าเป็นความลับของใคร โดยครูเขียนว่า “has a baby” เราก็เดาๆกันไม่ถูกสักคน จนครูเฉลยว่าเป็นพี่ บ เราก็งงมาก ก็พี่ บ ยังไม่แต่งงานนิ เรื่องก็เริ่มจากตรงนี้ล่ะค่ะ พี่ บ เริ่มเล่าให้ทุกคนในห้องฟังว่า

....เมื่อประมาณ4 ปีที่แล้ว พี่ บ แกทำงานที่ธนาคารแห่งหนึ่งในชลบุรี  ทีนี้แกจะจอดรถยนต์ของแกไว้ที่แถวๆวัดเป็นประจำเพราะใกล้ที่ทำงานแก  และวันนั้นเวลาสองทุ่มแกเพิ่งเลิกงานก็เดินมาที่รถเตรียมจะกลับบ้าน แกสังเกตเห็นมีคนเอาห่ออะไรมาวางที่รถแก ตอนแรกแกนึกว่าลูกแมว พอเข้ามาดูใกล้ๆ เห้ย!! นี่เด็กทารกนี่นา แกตกใจมากทำอะไรไม่ถูก แต่ด้วยความเป็นห่วงเด็กเพราะคงตากลมมาสักพักนึงแล้วแกเลยตัดสินใจเอาเด็กขึ้นรถและขับกลับบ้านของแก

....พอมาถึงบ้านแกก็อุ้มเด็กตรงมาหาแม่กับยาย(แกอาศัยอยู่กันสามคนค่ะ) ปรึกษากันว่าจะเอายังไงดี คืนนั้นแกเครียดมากเลยโทรหาตำรวจให้มารับตัวเด็กไปก่อนเพราะแกก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ตอนนั้นแกอายุ 29 ปียังไม่เคยแต่งงานมีลูกมาก่อนเลย พอตำรวจมาเอาตัวเด็กไป แกปรึกษากับแม่และยาย แม่ของแกบอกว่า “ถ้า บ อยากเลี้ยงเด็กคนนี้ไว้เองแม่ก็ไม่ว่านะ แม่จะช่วยเลี้ยงด้วย แล้วแต่ บ ตัดสินใจเลย” ซึ่งทางแม่ของพี่ บ เองก็พร้อมสนับสนุนหากพี่ บ อยากจะเลี้ยงเด็กคนนี้ 


....รุ่งเช้าพี่ บ เลยตัดสินใจไปที่โรงพักไปเซ็นขอเป็นคนรับผิดชอบเด็ก และขอตัวเด็กมาเลี้ยงที่บ้าน เราก็ถามแกว่า “โหพี่ภาระใหญ่นะ ทำไมพี่ตัดสินใจแบบนั้น” แกตอบว่า “ไม่รู้สิ ครั้งแรกที่พี่เห็นหน้าเขาพี่ก็รู้สึกผูกพัน มันเป็นความรู้สึกว่าอยากดูแล” จากนั้นพี่เขาก็พาเด็กชายคนนี้มาที่บ้านและพาไปหาหมอ อายุเด็กน่าจะยังไม่ถึงหนึ่งเดือนด้วยซ้ำ  หมอบอกว่าสุขภาพภายในของเด็กไม่ค่อยสู้ดีนัก เนื่องจากแม่เด็กอาจจะเคยกินยาขับเลือดจึงส่งผลเสียแก่เด็ก โดยดวงตาของเด็กจะมองได้ไม่ค่อยชัด คือเหมือนเราปรือตามอง เด็กจะสามารถมองได้ในลักษณะนี้เท่านั้น  หมอบอกว่าเขาอาจจะอยู่ได้แค่อายุ7-10 ขวบ เพราะภายในค่อนข้างแย่และไม่แข็งแรง พี่ บ พาน้องกลับบ้านและตั้งชื่อให้ว่า ว (นามสมมุติ) พี่ บ บอกกับเราว่าน้องเลี้ยงง่ายมาก ไม่ค่อยดื้อและชอบนอนกอดเขาทุกคืน พี่ บ เคยถามว่าหนูมองเห็นแม่มั้ย น้องตอบว่า “เห็นไม่ชัดแต่ก็รู้ว่าหน้าแม่ประมาณแบบนี้” (ถามตอนน้องสี่ขวบ) แล้วลูบหน้าของพี่ บ น้องพยายามมีความสุขในทุกๆวัน ไม่งอแง ไม่เอาแต่ใจ ตอนนี้น้องสี่ขวบแล้วแต่ไม่ค่อยได้ออกไปเล่นกับเพื่อน เพื่อนคนอื่นขี่จักรยานสี่ล้อกันแต่ ว ไม่สามรถขี่ได้เพราะน้องตัวเล็กเกินไป เนื่องจากร่างกายไม่แข็งแรงจึงเติบโตช้า พี่ บ สงสารน้องมาก พี่แกเลยพยายามให้ความรักความอบอุ่นกับน้องเหมือนลูกแท้ๆเลย พี่ บ แกบอกว่าน้อง ว มีลักษณะนิสัยที่ดีอย่างนึง น้องเป็นเองโดยที่เเกไม่ต้องสอน คือเวลาน้องได้ขนมมา น้องจะยื่นให้พี่ บ แม่พี่ บ หรือคุณยายของพี่ บ กินก่อนเสมอ ถ้าไม่มีใครกินน้องก็จะยังไม่ยอมกิน พี่ บ เลยต้องแกล้งทำเป็นหยิบกินก่อนหนึ่งชิ้นทุกครั้ง น้องถึงจะค่อยมาหยิบกิน 

...พี่ บ บอกว่าน้องเมือนเป็นของขวัญที่ฟ้าส่งมาให้ ไม่ดื้อ ไม่ซน ไม่งอแงร้องเอานู่นนี่แบบเด็กบางคนในวัยเดียวกัน พี่ บ บอกว่าหากต้องเข้าโรงเรียนก็คงจะให้เข้าโรงเรียนของคนตาบอด เพราะตาน้องมองเห็นได้แค่เลือนลาง ไม่ชัดเจน จะเป็นการดีหากให้เรียนโรงเรียนเฉพาะทาง เพราะเราก็ไม่รู้ว่าในอนาคตน้องจะยังมองเห็นได้อยู่หรือไม่ พี่ บ แกพยายามหาวิธีรักษานะคะ หมดเงินไปเยอะมากก็พยุงสายตาไว้ได้แค่นี้จริงๆ นี่เลยถามแกว่า “คาดหวังมั้ยว่าลูกจะอยู่ได้เกิน7-10 ปี” แกตอบว่า “พี่ภาวนานะ ขอให้เขาอยู่จนเติบโต ถ้าเเลกกันได้พี่อยากยกชีวิตพี่ให้เขา พี่อยากให้เขาได้มีโอกาสใช้ชีวิตแบบคนอื่นๆ” คือเรามองแววตาพี่เขาตอนเขาตอบละเราจะร้องไห้อ่ะ  คือรู้สึกได้เลยว่าเขารักเด็กคนนี้ด้วยใจจริงๆ มีรูปน้องด้วยนะคะแต่เดี๋ยวขออนุญาตพี่เขาก่อนว่าลงได้ไหม อาจจะปิดหน้าไว้ พี่เขาบอกว่าถึงน้องจะพิการพี่เขาก็รักมากๆ ยินดีเลี้ยงดู เพราะทราบตั้งแต่ตอนเป็นทารกแล้วว่าน้องมีความพิการนะ แต่พี่เขาก็ไม่คิดเปลี่ยนใจค่ะ เรานับถือใจของพี่เขามากๆ พอฟังเรื่องนี้จากพี่เขาแล้วก็เลยอยากนำความรู้สึกดีๆที่ได้รับฟังมาแชร์ให้ทุกคนได้อ่านกันค่ะ เรื่องที่เราเล่ามันอาจจะดูเหมือนนิยายหรือละครน้ำเน่า เราเองตอนแรกได้ฟังยังอึ้งเลย แต่มันคือเรื่องจริง เหตุการณ์จริง ที่ผญคนนึงได้มอบโอกาสให้ชีวิตน้อยๆได้อยู่ในอ้อมอกของความอบอุ่น แม้จะไม่ใช่แม่แท้ๆ แต่พี่ บ ก็รักน้องดูแลน้องเหมือนแม่แท้ๆเลยค่ะ เดือนธันวาพี่ บ จะกลับไทยแล้ว(เรากลับสิงหา) เราจะไปเยี่ยมน้องด้วยค่ะ อยากเจอน้องมาก
ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ🙏🙏
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่