เรื่องสั้น : เสียงที่ไม่ได้ยิน

วรรณกรรมออนไลน์ : แนวแหวก เสียดสีสังคม 20+
ประเภทเรื่องสั้น : เรื่อง เสียงที่ไม่ได้ยิน
ผู้แต่ง : สุดารัตน์ เดชโฮม (แว่นกลม)
กลุ่มเป้าหมาย : นักเรียน นักศึกษา และบุคคลทั่วไป

ครึ้นนนนนนนนนนนน!!! ⛈⛈⛈
เสียงฟ้าร้องตั้งเค้าเหมือนฝนจะตกกับเช้าวันเสาร์ที่บรรยากาศอึมครึม ผมตื่นเช้ากว่าปกติที่เคยตื่นมาเลยก็ว่าได้ เพราะได้ยินเสียงขุดดินจากสวนหลังห้องแถวของผมเอง

ฉับ!! ฉับ!! ฉับ!! ฉับ!! ฉับ!! ฉับ!! 
     “เร่งมือเข้าสิว๊ะ จะขุดรอให้พ่อมาช่วยขุดหมดนี่หรือยังไงว๊ะ”
เสียงขุดดินเป็นจังหวะต่อเนื่อง และเร่งจังหวะไปเรื่อย ๆ พร้อมเสียงตะโกนด่าเป็นระยะจากคนที่ยืนอีกฝั่งของสวนหลังห้องแถว ท่ามกลางบรรยากาศฟ้ามืดครึ้มฝนกำลังจะตก....
     “โธ่!! ใจเย็น ๆ สิพี่ นี่พวกผมก็เร่งมือให้อยู่นี่ไง”
     “ใช่ ๆ ดินมันแข็ง มันขุดลำบากนะพี่”
     “จะลำบากตอนนี้ รึจะไปลำบากกับพ่อที่ฮ่องกง ไอ้เวร!!”
     “อ่าห์!!! ยิ้มหนักจังเลยว๊ะ ”
     “แล้วก็รีบ ๆ กลบดินให้มันแน่น ๆ นะพวกอ่ะ ”

เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง ที่พวกเขาขุดดินและทำการกลบดินหลุมนั้นให้เสร็จเรียบร้อย ซึ่งตัวผมเองถือว่ามันรวดเร็วมาก ๆ สำหรับคนสวนกลุ่มนี้....

เพล้งงงงงงงงงงงงง!! 💥💥
     “ออกไปเลยนะ!! หนูบอกให้พี่ออกไป!!”
     “ดึกดื่นจนป่านนี้แล้ว หนูจะให้พี่ไปอยู่ที่ไหนนิดา”
     “นิรู้ ต่อให้พี่ไม่อยู่ที่นี่ ยังไงพี่ก็มีที่ไปอยู่แล้ว”
     “โธ่ !! นิดา ก็แค่ผู้หญิงเค้ามาขอเอาก็แค่นั้นเอง”
     “แล้วถ้านิทำบ้างล่ะ พี่ยอมได้หรอ?”
     “อะไรว๊ะนิดา มันก็แค่นี้เอง อย่างี่เง่าได้มั้ย จะอะไรนักหนากับเรื่องแค่นี้”
     “พอเถอะ... นิเบื่อที่จะฟังคำแก้ตัวของพี่เต็มทีแล้ว มันถึงเวลาที่เราต้องจบปัญหานี้แล้ว ปัญหาที่นิไม่ได้ก่อ แต่ทำไมนิต้องเป็นคนที่คอยแก้ไขเรื่องบ้า ๆพวกนี้มันอยู่ตลอดเลย”
     “ก็ลืม ๆ มันไปสิ จะเก็บมาคิดให้มันปวดหัวทำไม”
     “ให้ลืมมันไปงั้นหรอ พี่พูดออกมาได้ยังไงว่าให้ลืมมันไป”
     “ก็ลืม ๆ มันไปนะ พี่ว่ามาทำให้พี่ชื่นใจดีกว่ามา มาเร็ว”
     “ปล่อยนินะ แล้วถ้าพี่ไม่ออกไป นิจะตะโกนให้คนมาช่วยจริง ๆ ด้วย”
     “เอาเลย ใครจะมาช่วย ใครมันจะกล้ายิ้มเรื่องของผัวเมียห้ะ อ๋อ ไอ้ข้างห้องใช่มั้ย มันใช่มั้ยที่จะเป็นผัวใหม่”
     “ไม่ใช่อะไรทั้งนั้น ไม่เกี่ยวกับเขา พี่เขาไม่รู้เรื่อง อย่าดึงพี่เขามาเกี่ยวข้องด้วยสิ”
     “อ๋อ!! นี่ปกป้องมันใช่มั้ย? ออกตัวแทนมันใช่มั้ย?”
     “นิไม่ได้ปกป้องใครทั้งนั้น แล้วมันก็ไม่ใช่แบบที่พี่คิดนะ”

พูดไม่ทันจบประโยค นิดาก็ถูกมือฟาดเข้าไปที่หน้าจนทำให้ร่างเล็กของเธอร่วงลงพื้นทันที
    “อย่าทำอะไรนอเลยนะ นิเจ็บ” เธอได้แต่ร้องอ้อนวอนขอความเห็นใจจากชายที่เธอเรียกว่าคนรัก ที่เขาทั้งตบตี และกระทืบซ้ำทำเธอปางตายแทบทุกครั้ง ซึ่งเหตุการณ์นี้มันเกิดขึ้นอยู่ซ้ำ ๆ จนเป็นเรื่องปกติของห้องแถวนี้ไปเลย
    “ถ้ากูไม่ได้ ก็ต้องไม่มีใครได้ จำไว้!! ”

เสียงร้องของหญิงสาวที่สลับกับเสียงทุบตีจากชายคนรักของเธอก็คงยังต่อเนื่อง ผ่านไปเพียงชั่วครู่ทุกอย่างก็เงียบสงบ เสียงปิดประตูอย่างรุนแรงก็ดังมาจากห้องของเธอ ไม่นานมากนักก็มีเสียงสตาร์ทรถยนต์ ที่ขับมุ่งหน้าออกไปจากห้องของเธออย่างรวดเร็วราวกับคนรีบไปไหนสักแห่ง...

ผมได้มองผ่านหน้าต่าง เช็คให้แน่ใจว่าชายคนนั้นจะไม่วนกลับมาที่นี่อีก... เมื่อแน่ใจแล้วผมรีบวิ่งออกจากห้องของตัวเองโดยไม่คิดอะไรทั้งนั้น

แอร๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด!! 🏠🏠🏠
ผมค่อย ๆ เปิดประตูห้องนั้นอย่างช้า ๆ สิ่งที่ผมเห็นตอนนั้นทำให้หัวใจของผมหล่นไปอยู่ที่พื้น ร่างเล็กของหญิงสาวที่นอนติดพื้นจมกองเลือดของตนเอง เธอหายใจรวยรินแทบปางตาย เธอนอนโอดโอยพร้อมกับน้ำตาที่ไหลหลั่งออกมาเหมือนคนใจจะขาดอยู่ร่อมร่อ ผมสั่นไปทั้งตัวที่ผมไม่สามารถช่วยอะไรเธอได้ทั้งที่ผมเองรู้เรื่องและได้ยินเสียงมาตั้งแต่ต้น แต่ผมทำได้เพียงแค่เป็นห่วงเธออยู่ห่าง ๆ ถึงแม้ว่าผมเองอยากจะวิ่งเข้าไปปกป้องเธอจากชายผู้นั้นมากแค่ไหนก็ตาม...

“มานิดา หรือ นิดา” เธอคือเพื่อนบ้านของผมเอง และเนื่องจากห้องพักของเรานั้นอยู่ติดกันมันเลยทำให้เราได้รู้จักและสนิทสนมกันอยู่บ้าง นิดาเป็นหญิงสาวที่มาจากต่างจังหวัดที่เข้ามาเรียนที่กรุงเทพ ฯ และนิดาเป็นหญิงสาวที่หน้าตาดีที่สุดในหมู่บ้านเลยก็ได้ นิดานั้นเป็นคนผิวขาว ผมยาว ร่างเล็ก เธอชอบใส่ที่คาดผมสีโอรส มันจึงทำให้เธอเป็นที่หมายตาของหนุ่ม ๆ ในย่านนี้ ซึ่งก็รวมผมอยู่ในนั้นด้วยเช่นกันก็ว่าได้ แต่น่าเสียดายมากที่ผมรู้ว่านิดาเองนั้นมีชายหนุ่มคนรักเสียแล้ว ทุกเช้าวันจันทร์ถึงวันศุกร์ นิดาและผมต้องออกไปรอรถที่ป้ายรถเมล์ด้วยกันเสมอ เพราะเธอต้องไปเรียนหนังสือ ส่วนผมเองก็ต้องไปทำงาน นิดาให้ผมรู้จักเธอในฐานะพี่ชายข้างห้องที่เธอนั้นไว้ใจเสมอมาเท่านั้นเอง ผมเป็นที่ปรึกษาให้นิดามาตลอดระยะเวลา 3 ปี ตั้งแต่เธอย้ายมาอยู่ที่นี่ใหม่ ๆ ก่อนที่เธอจะรู้จักและคบหากับหนุ่มหน้าใส ใจร้อนคนนั้นเสียอีก ผมช่วยเหลือเธอทั้งเรื่องเรียน งาน และความรัก โดยที่ผมไม่เคยเอ่ยปากบอกเธอถึงความรู้สึกของผมที่ผมมีให้เธอ เมื่อเราคุยกันมากขึ้น ทำความรู้จักกันมากขึ้นทำให้ผมหลงรักแม่สาวน้อยคนนี้ขึ้นมา ทั้งที่ผมเองก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่ผมยังคงเก็บความรู้สึกนี้เอาไว้ไม่ให้นิดารู้ ยังคงพูดคุยกับเธอตามปกติและทำหน้าที่ของพี่ชายข้างห้อง

จนกระทั่งคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา... เรื่องราวเดิม ๆ ก็ยังคงทำให้เธอเจ็บปวดอยู่อย่างเคย เหตุการณ์เดิม ๆ กับคนเดิม ๆ ที่เธอยังคงเรียกเขาว่าคนรัก ผู้ชายที่คอยทำร้ายร่างกายเธอ เพียงเพราะเธอเอ่ยปากปกป้องผม ใจจริงผมอยากจะบอกแฟนเธอว่าเธอไม่ผิดเลยสักนิด เธอไม่ได้คิดอะไรกับผม มีแต่ผมเท่านั้นที่รู้สึกกับเธอมากกว่าน้องสาว แต่มันเป็นคำขอที่นิดาขอจากผม
     "พี่อย่าเข้ามาห้องหนูอีกเลยนะ หนูไม่อยากให้พี่ต้องเดือดร้อนเพราะหนู อย่าเข้ามาหาหนูในขณะที่หนูอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น"
ผมได้ยินเสียงร้องขอชีวิตของนิดาตลอดทั้งคืน ผมรอจนทุกอย่างเงียบไป... แล้วทุกอย่างก็เงียบไปจริง ๆ

วันนี้เป็นวันจันทร์ ผมตื่นตั้งแต่เช้า รีบอาบน้ำเตรียมตัวไปทำงาน รีบออกไปที่ป้ายรถเมล์เพื่อที่จะได้เจอหน้านิดาตามเคย แต่ก็ไม่เจอเธอ รึว่าเธอมีงานที่มหา'ลัยเลยต้องไปแต่เช้า จนผ่านไปวันอังคาร วันพุธ วันพฤหัส ผมก็ตื่นเช้าเพื่อที่จะไปให้ทันตอนที่นิดาออกจากห้องแต่ผมก็ไม่เคยทันเธอเลยสักครั้ง
นี่ก็วันศุกร์แล้ว ทำไมผมยังไม่เจอนิดา...

ผมตัดสินใจกลับเข้าไปที่ห้องพักเพื่อที่จะไปดูให้แน่ใจว่านิดาอยู่ห้องหรือป่าว
ก๊อก!! ก๊อก!! ก๊อก!! ก๊อก!! ก๊อก!! ก๊อก!!
     "นิดา นิดา นิดาอยู่มั้ย?"
     "ไม่อยู่เว้ย ไม่อยู่แล้ว"
เสียงคนที่ตอบกลับมาคือคนรักของนิดา แต่คนที่อยู่ในห้องกับเขาคือผู้หญิงอีกคนที่ไม่ใช่นิดา ผมเห็นเช่นนั้นผมจึงไม่พูดอะไร นอกจากเดินออกไปจากที่ตรงนั้น ผมกลับไปที่ทำงาน แต่ผมไม่มีสมาธิทำงานเลยแม้แต่น้อย เพราะนิดาหายไป ผมได้แต่คิดว่านิดาคงหนีไปและตัดขาดจากคนนี้ได้เสียที
จนกระทั่งเย็นผมกลับจากที่ทำงาน ผมรู้สึกว่าทำไมคนมาที่ห้องพักเยอะจัง เขามุงดูอะไรกัน ผมสงสัยจึงเดินเข้าไปถามคนแถวนั้น
     "ป้า ๆ เขามุงดูอะไรกันหรอครับ?"
     "อ่อ มีคนเห็นศพถูกฝังอยู่สวนหลังห้องพักนี้แหละ"
     "แล้วรู้มั้ยครับว่าศพนั้นเป็นใคร"
     "ยังไม่มีใครรู้เลยพ่อหนุ่ม"

สิ้นเสียงพูดของป้า ผมรีบวิ่งเข้าไปที่เกิดเหตุทันที ร่างกายของผมอยากวิ่งเข้าไปขุดหลุมตรงนั้นขึ้นมาเพื่อดูให้เห็นกับตาของผมเองว่าใช่นิดาจริงหรือไม่ แต่ผมทำอะไรไม่ได้เพราะเจ้าหน้าที่ไม่ให้เข้าไป ผมได้แต่ยืนรอด้วยหัวใจที่หดหู่ เมื่อศพถูกขุดขึ้นมาจากหลุม ก็เห็นเป็นห่อผ้าสีขาว เมื่อเจ้าหน้าที่แกะผ้าออกมา สิ่งแรกที่ผมเห็นคือผ้าคาดผมสีโอรสของคนที่ผมรัก แค่แว็บเดียวมันทำให้สมองของผมเบลอ ร่างกายหมดเรี่ยวแรงเหมือนล้มทั้งยืน และที่เลวร้ายไปกว่านั้นคือ มันหั่นนิดาของผมออกเป็นชิ้น ๆ เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า ศพถูกทำร้ายร่างกายด้วยของแข็ง เบ้าตาซ้ายยุบเข้าไปข้างใน กะโหลกศรีษะบาดเนื่องจากโดนสับด้วยของมีคม และทุบด้วยของแข็ง บริเวณคอของศพถูกรัดด้วยสายไฟ ก่อนที่จะโดนหั่นออกเป็นชิ้น ๆ และศพกำมือแน่นจนเลือดออก ถ้ารวมระยะเวลาการตาย คือครบ 1 สัปดาห์พอดี ซึ่งนั่นเป็นวันที่ผมเห็นกลุ่มคนมาขุดหลุมที่สวนหลังห้องพักในวันนั้นนั่นเอง

ผมได้แต่โทษตัวเอง...
ว่าทำไมผมไม่เข้าไปช่วยเธอ....
ว่าทำไมผมปล่อยให้เธอโดนกระทำ
ว่าทำไมผมปล่อยให้ทุกอย่างมันเกิดขึ้นกับเธอ
ว่าทำไมผมปล่อยให้คนที่ผมรักมาเกือบ 3 ปีต้องตาย ทั้งที่เขาอยู่ข้าง ๆ เพียงแค่เอื้อมมือเท่านั้นเอง
ว่าทำไมผมปล่อยให้คนที่ผมคอยเฝ้าดูมาตลอดต้องจากผมไปโดยที่ผมยังไม่ได้บอกความรู้สึกที่ผมมีกับเขา คนที่ผมยอมทำเพื่อเขาทุกอย่าง ทั้งที่เขาเองไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าผมรักเขามากแค่ไหน
.
.
.
ผมนั่งข้าง ๆ ร่างอันไร้วิญญาณของเธอ
ผมได้แต่นั่งเสียใจ และได้แต่นึกเสียดาย
ผมปล่อยให้เสียงหัวใจของผมต้องกลายเป็นเสียงที่ไม่มีใครได้ยิน
เป็นเสียงหัวใจที่ไม่มีใครได้ยินมัน แม้แต่นิดาเองก็เช่นกัน....

เหตุการณ์ครั้งนี้มันสอนให้ผมรู้ว่า....
เวลากับความตายมันวิ่งคู่กันมาตลอด และมันจะพรากคนสำคัญไปจากเราทุกที

เขียนโดย : แว่นกลม
๑๑/๐๕/๒๕๖๒
#วิชากาเขียนเพื่อการสอน
#ThaiEDUNPU
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่