ถ้าให้นึกถึงนครศรีธรรมราช ทุกคนคงนึกถึง วัดพระมหาธาตุ ซึ่งเป็นโบราณสถานศักดิ์สิทธิ์ สัญลักษณ์ประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช นึกถึงหมู่บ้านคีรีวง ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่อากาศที่ดีที่สุดในประเทศไทย เเต่วันนี้เราจะไปทำความรู้จักกับอีกหมู่บ้านหนึ่ง อยู่ใกล้คีรีวงมาก รับรองว่าอากาศดีไม่เเพ้กันเลย นั้นก็คือ หมู่บ้านพรหมโลก อำเภอพรหมคีรี
เราเดินทางจากดอนเมือง-นครศรีธรรมราชใช้เวลาประมาณ 1 ชม. 15นาที
เเล้วก็มีพี่ที่รู้จักมารับที่สนามบินเลย เเต่ใครที่อยากมาเที่ยวเเต่ไม่มีคนรู้จักอยู่ที่นี่ก็ไม่เป็นไรจ้า ที่นี้เข้ามีรถเเดงเมืองคอนไว้คอยรับส่งนักท่องเที่ยว ส่วนเรื่องราคาเราไม่เเน่ใจนะ
เดินทางจากสนามบินนครศรี-หมู่บ้านพรหมโลก ใช้เวลา 10-15 นาที สิ่งที่ชอบมากคือรถไม่ติดเลยจ้า
เราเริ่มต้นทริปให้เป็นศิริมงคลโดยการเข้าวัดเขาขุนพนม
วัดนี้มีตำนานมายาวนานตั้งเเต่สมัยกรุงธนบุรี เนื่องจากสมัยนั้นพระเจ้าตากสินมหาราชได้มาบรรพชาเป็นพระภิกษุจำพรรษาอยู่ภายในวัดเเห่งนี้
นอกจากนี้คนที่นี่ยังศรัทธาเกจิอาจารย์ชื่อดังของวัดเขาขุนพนม นามว่าพ่อท่านกลาย ซึ่งเกิดปาฏิหาริย์หลังพ่อท่านกลายละสังขารคือสรีระสังขารไม่เน่า ไม่เปื่อย
เมื่อเดินเข้าวัดไม่กี่เมตร ก็จะเจอทางเดินเป็นบันไดไปยังถ้ำขุนเขาพนม ซึ่งขอบอกก่อนนะว่าเราไม่ได้ขึ้นไป เพราะตอนไปเราไปตอนเที่ยงวันแล้ว ซึ่งอากาศค่อนข้างร้อนมาก ใครที่ไปเเนะนำให้ไปตอนเช้าหรือไม่ก็ตอนเย็นไปเลยจ้ะ
จากที่เราศึกษามา ภายในถ้ำจะมีพระพุทธรูปเก่าเเก่ขนาดใหญ่ เเล้วจะมีเเสงสว่างส่องผ่านถ้ำสะท้อนมายังพระพุทธรูปงดงามมาก ใครมาเราอยากให้ขึ้นไปนะ เราถือว่าพลาดมากที่ไม่ได้ขึ้นไป ขอบอกก่อนว่าบันไดมี 200 กว่าขั้นจ้า
หลังจากสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เสร็จเราก็จะพาไปรู้จักร้านขนมจีนชื่อดังของถิ่นนี้ ซึ่งร้านเข้าไปซอยที่ห่างจากถนนใหญ่พอสมควร ซึ่งเเปลกใจมากว่าทำไมคนถึงยอมเดินทางมาไกล เพื่อมากินเเค่ขนมจีน
พอได้ลองชิมคำเเรกไม่เเปลกใจเลยว่าทำไมคนถึงยอมเสียเวลาเดินทางมากิน
ขนมจีนน้ำยาเข้มข้นถึงเครื่องถึงรสมาก น้ำยาของที่นี่อร่อยทุกอย่างเลย กินกับไก่ทอดสูตรที่นี่ คือพูดได้เลยว่าลองกินสักครั้ง จะกลับมากินอีกแน่นอน คือมันดีอ่ะ
กินเสร็จนะจ๊ะที่นี่เค้ายังมีไอติมเเล้วก็ขนมหวานให้ด้วยนะ
กินขนมจีนเสร็จเราก็เอาของไปเก็บที่โฮมสเตย์ ส่วนตัวชอบที่นี่มาก เนื่องจากตัวโฮมเสตย์ที่เราอยู่อ่ะเป็นบ้านของคนที่นี่จริงๆ ทำให้เราอินว่าเราเป็นคนที่นี่จริงๆเลยแหละ เจ้าของบ้านก็เป็นกันเองมากด้วย ช่วงที่เราอยู่ที่นี่ป้าเเกซื้อขนมมาฝากตลอด
เเถมคนที่นี่น่ารักมากๆ เขาเรียกเราไปกินทุเรียนที่บ้านเขาอ่ะ ทำเหมือนเราเป็นลูกเป็นหลาน ทำให้เราหลงรักที่นี้ยิ่งขึ้นไปอีก
ตอนเย็นอากาศกำลังดี เราปั่นจักยานไปวังปลาเเงะ ซึ่งอยู่ไปไกลจากที่พักเรามาก ปั่น 3 นาทีก็ถึงล่ะ ที่นี่น้ำใสเเละเย็นมากมาก จุดเด่นของที่นี่ก็คือปลาเเงะจ้า ปลาเเงะเยอะมาก มองไปทางไหนก็เจอเเต่ฝูงปลาเเงะเลย
เล่นน้ำได้สักพัก ฟังเสียงท้องร้องโกรกๆไม่ไหว เลยเปลี่ยนเสื้อผ้ามากินอาหารที่ร้านริมวังปลาเเงะ
กินเเบบได้ฟิวส์สุดๆ ร้านสะอาด อาหารอร่อยมาก วิวดี ราคาถูก ร้านนี้ 10เต็ม10 เลยจ้ะ
พอกินอาหารเสร็จก็กลับโฮมเสตย์เลยจ้า ต้องรีบนอนเพราะว่าวันรุ่งขึ้น เราต้องตื่นเช้ามืด เพื่อไปวิ่งสัมผัสบรรยากาศของที่นี่
เช้ามืดของวันถัดมา มีเสียงไก่ขันดังเป็นช่วงๆ บรรยากาศคือธรรมชาติมากๆ ใครที่ชอบวิถีชีวิตเเบบโลคอลๆ เราเเนะนำให้มาพักที่นี่เลย
เราเริ่มออกวิ่งประมาณ ตี 5 ครึ่ง ปลายทางของเราคือ น้ำตกพรหมโลก ระหว่างทางเราได้สัมผัสบรรยากาศ สัมผัสวิถีชีวิตของคนที่นี่ในตอนเช้า ส่วนใหญ่เขาจะออกไปทำสวนกันตั้งเเต่เช้ามืด วิ่งไปสักพักเหงื่อเริ่มออกแล้ว พอลมพัดมาคือรู้สึกสดชื่นสุด
เราใช้เวลาประมาณ 1 ชม.นิดๆก็ถึงจุดหมายปลายทาง ระยะทางที่วิ่งประมาณ 3.5 กม. น้ำตกที่นี่สวยมากจุดเด่นของน้ำตกนี้คือ ในอดีตในหลวงรัชกาลที่ 9 กับ พระนางเจ้าสิริกิติ์ทรงลงพระปรมาภิไธยย่อ “ ภ.ป.ร. และ ส.ก. ” ไว้ตรงหน้าผาชั้นที่ 1 ( หนานวังน้ำวน)
น้ำตกพรหมโลกมีทั้งหมด 50 ชั้น เปิดให้เล่นน้ำเเค่ 4 ชั้น
นอกจากความสวยงามของน้ำตกเเล้ว ที่นี่ยังมีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์มากๆ มองไปทางไหนก็เห็นสีเขียว สบายตา
นอกจากนี้ที่นี้ยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกพรหมโลก เส้นทางนี้ต้องมีเจ้าหน้าที่นำทางไปเท่านั้นนะจ๊ะ มีป้ายบอกชัดเจน
ระหว่างที่วิ่งกลับ เราสังเกตุเห็นสะพานไม้ไผ่พาดระหว่างน้ำตก จุดนี้วิวสวยมาก
รูปนี้เรากลับมาถ่ายอีกวันนึงนะ เพราะวันที่วิ่งไปน้ำตกเรารีบกลับมากเนื่องจากอากาศมันเริ่มร้อนเเล้ว
หลังจากวิ่งเสร็จ ก็เริ่มหิวละ เราก็ปั่นจักรยานไปซื้อไก่ทอดที่ริมทางไปวังปลาเเงะ เเล้วก็เลยไปจิบน้ำชาที่ร้านบ้านชาในป่าฝน กินไก่ทอดกับข้าวเหนียวร้อนๆเเล้วตามด้วยน้ำชา บวกกับบรรยากาศดีๆ คือได้ฟิวส์สุดๆ
เรามาต่อที่สวนสมรมของลุงถึง มีต้นไม้หลากหลายพันธุ์มาก ที่จำได้ก็จะมีทุเรียน มังคุด กล้วยหอม สับปะรด ต้นประ เเล้วก็มีพันธุ์เก่าเเก่หลายพันธ์ุมากๆ
พูดง่ายๆคือ ปลูกทุกอย่างที่กิน กินทุกอย่างที่ปลูก
เเล้วที่สำคัญสวนที่นี่เข้ายังร่วมใจการปลูกเเบบปลอดสารพิษทั้งชุมชนอีกด้วยจ้า
ริมถนนที่หมู่บ้านนี้มีลำธารไหลผ่านด้วยนะ น้ำก็เล่นได้ วิวดีเว่ออออ
ตอนเย็นเราไปหาอะไรกินที่ตลาดนัดชุมชนพรหมโลก ตลาดที่นี่มีทั้งของกินเล่น กับข้าว วัตถุดิบทำอาหาร มีผัก มีผลไม้ มีเครื่องสำอาง มีทุกอย่างเลยจริงๆ
ตอนค่ำเราก็มาทำอาหารปักษ์ใต้กินกัน พูดได้อย่างเต็มปากเลยว่าอร่อยทุกเมนู
ก่อนกลับเราเเวะไปกินมังคุดจากต้นที่สวนมังคุดพี่สุดา คือที่นี้เข้าการันตีเลยว่าสวนเขาไม่ใช้สารเคมีในทุกขั้นตอนการปลูก เริ่ดไหมละจ๊ะ
ตอนกลับเรากลับกับรถไฟชั้น3 ราคา200 ปลายๆ คือเราอยากบรรยากาศเเล้วก็ธรรมชาติข้างทาง เลยเลือกกลับด้วยรถไฟ
คนที่ชอบวิถีสีเขียว มองไปก็เห็นธรรมชาติ ชอบใช้ชีวิตเเบบโลคอลๆ เราแนะนำนำที่นี่เลย ลองมาเที่ยวดู มาเเล้วต้องมาอีกรอบแน่นอน
ท่องเที่ยววิถีสีเขียว สไตล์ local เเบบฉบับพรหมโลก เมืองนครศรี
ขนมจีนน้ำยาเข้มข้นถึงเครื่องถึงรสมาก น้ำยาของที่นี่อร่อยทุกอย่างเลย กินกับไก่ทอดสูตรที่นี่ คือพูดได้เลยว่าลองกินสักครั้ง จะกลับมากินอีกแน่นอน คือมันดีอ่ะ