เชียงใหม่ - นำชมสถานกงสุลอังกฤษ เชียงใหม่ และห้องลับผนังหนาร่วม 1 ศอก ห้องทรมาน ห้องเก็บไวน์

..........สามแยกระหว่างถนนเจริญประเทศและถนนศรีดอนชัย เคยเป็นที่ตั้งของกงสุลอังกฤษ
ปัจจุบันเป็น ANANTARA แยกนี้เรียกกันจนติดปากว่า "แยกกงสุลอังกฤษเก่า"


ประวัติความเป็นมาของสถานกุงสุลอังกฤษที่เมืองเชียงใหม่

..........เริ่มก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ.2425 (บางเอกสารระบุว่าเริ่ม ปี พ.ศ.2427)
ก่อตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาผลประโยชน์ของอังกฤษในล้านนา
โดยเริ่มต้นมาจากประเทศอังกฤษภายหลังจากที่ได้เข้าไปยึดครองแคว้นยะไข่และตะนาวศรีของพม่าตั้งแต่ปี พ.ศ.2367
แล้วได้สนใจภาคเหนือของประเทศไทยเพราะมีป่าไม้สักอันอุดมสมบูรณ์และมีชาวพม่าและไทยใหญ่เข้าไปดำเนินกิจการป่าไม้อยู่บ้างแล้ว
โดยขอสัมปทานจากเจ้าผู้ครองนคร บริษัทป่าไม้อังกฤษจึงเข้ามาดำเนินการกิจการป่าไม้เพิ่มมากขึ้น

..........การเข้ามาทำป่าไม้ของคนในบังคับอังกฤษก่อให้เกิดกรณีพิพาทระหว่างเจ้าเชียงใหม่กับคนในบังคับอังกฤษ
แต่เดิมซึ่งป่าไม้เป็นทรัพยากรที่ไม่มีค่ามากนักเมื่อคนอังกฤษเข้ามาทำป่าไม้มากขึ้น
ทำให้มูลค่าของป่าไม้มีมากขึ้นเป็นที่ต้องการของคนอังกฤษ
อีกทั้งบรรดาเจ้าเมืองเชียงใหม่ที่มีอำนาจอยู่ก็พยายามหาผลประโยชน์จากป่าไม้มากที่สุด
ทำให้เกิดความขัดแย้งในเรื่องการใช้อำนาจที่กว้างขวางของเจ้า
เช่น ในการยึดทรัพย์สิ่งของ การทำผิดสัญญา การให้สัญญาที่ซ้ำซ้อน เป็นต้น
จนทำให้รัฐบาลอังกฤษกดดันรัฐบาลสยามสมัยรัชกาลที่ 5 ให้แก้ไขปัญหา
และต่อมาทำให้รัฐบาลสยามต้องลงนามทำสนธิสัญญาเพื่อรักษาผลประโยชน์ของอังกฤษในล้านนาเรียกว่า
"สนธิสัญญาเชียงใหม่ในปี พ.ศ.2416 และ พ.ศ.2426

..........สนธิสัญญาเชียงใหม่ได้ให้ความคุ้มครองแก่คนในบังคับคนอังกฤษ
ที่เข้ามาเป็นแรงงานและทำการค้าขายในเมืองเชียงใหม่ ลำปางและลำพูน
ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวจีน อินเดีย พม่า ไทยใหญ่ ขมุ ต่องซู่และมอญ
โดยจะได้รับความคุ้มครองในด้านความปลอดภัยจากภัยโจรผู้ร้ายตามแนวชายแดนและสามารถเดินทางค้าขายได้อย่างสะดวก

..........สนธิสัญญาเชียงใหม่นี้เองส่งผลให้คนในบังคับอังกฤษเดินทางเข้ามาตั้งถิ่นฐานในเมืองเชียงใหม่มากขึ้น
ในกรณีของชาวพม่า ชาวไทยใหญ่ได้เข้ามาประกอบอาชีพค้าขาย ทำไม้ และเป็นพ่อค้าวัวต่าง

..........ต่อมา ปี พ.ศ.2426 รัฐบาลสยามและอังกฤษตกลงทำสัญญาเชียงใหม่ ฉบับที่ 2
โดยรัฐบาลสยามยินยอมให้รัฐบาลอังกฤษจัดตั้งสถานกงสุลอังกฤษขึ้นที่เชียงใหม่ได้
ซึ่งปีต่อมา คือ พ.ศ.2427 อังกฤษก็ได้มาตั้งสถานกงสุลอังกฤษที่เชียงใหม่

..........สถานกงสุลอังกฤษตั้งอยู่ที่ถนนเจริญประเทศ ด้านหลังติดแม่น้ำปิง ผู้รับตำแหน่งกงสุลคือมิสเตอร์เบคเกต

..........กงสุลอังกฤษแห่งนี้ต่อมาเลิกดำเนินการเมื่อต้นปี พ.ศ.2513
หัวหน้ากงสุลอังกฤษประจำจังหวัดเชียงใหม่คนสุดท้ายคือ มิสเตอร์ดี.ซี.ริเวตต์ อาร์แนค
มีรายละเอียดในหนังสือพิมพ์คนเมือง ฉบับวันที่ 30 พฤษภาคม 2513 หน้า 3

"ไว้อาลัยแด่กงสุลอังกฤษเชียงใหม่"

"ประวัติศาสตร์ของจังหวัดเชียงใหม่ต้องบันทึกอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อรัฐบาลอังกฤษได้ประกาศปิดสถานกงสุลอังกฤษประจำจังหวัดเชียงใหม่ตั้งแต่วันที่ 23 พฤษภาคม 2513 เป็นต้นไป
จากคำปราศรัยของ มร.ดี.ซี.ริเวตต์ อาร์แนค กงสุลอังกฤษคนสุดท้ายในงานรับรองที่สถานกงสุลเมื่อค่ำวันที่ 27 พฤษภาคม 2513
ต่อบรรดาแขกที่ได้รับเชิญประมาณ 150 คน ทำให้ทราบว่าสถานกงสุลอังกฤษแห่งนี้ได้ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ.2425
ซึ่งนับว่าเป็นสถานกงสุลที่เก่าแก่แห่งหนึ่งของโลก
เมื่อรัฐบาลอังกฤษต้องปิดสถานกงสุลแห่งนี้จึงเป็นที่น่าเสียดายและอาลัยอย่างยิ่งของประชาชนชาวจังหวัดเชียงใหม่

"เหตุผลสำคัญที่สุดในการตัดสินใจปิดสถานกงสุลแห่งนี้ของรัฐบาลอังกฤษ
คงจะหนีไม่พ้นเกี่ยวกับเงินงบประมาณ
ในสมัยก่อนโน้นประเทศอังกฤษมีอิทธิพลมากในย่านนี้ของโลก มีหลายประเทศต้องตกไปเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ
เช่น พม่า มลายู และอินเดีย เป็นต้น
ถึงแม้ประเทศไทยจะไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นของใครก็ตาม แต่อังกฤษก็มีอิทธิพลเหนือประเทศไทยมิใช่น้อย
คนอังกฤษเป็นจำนวนมากได้เข้ามาประกอบอาชีพการค้าไม้สักทางภาคเหนือ
นอกจากนี้ยังมีคนในบังคับอังกฤษมาช่วยทำงานอีกด้วยทั้งพม่าและคนจีน เป็นต้น

"เมื่ออังกฤษได้ผลประโยชน์จากการทำไม้สักซึ่งเป็นเงินหลายร้อยล้านบาทในขณะนั้น
อังกฤษจึงต้องเปิดสถานกงสุลขึ้นเพื่อคอยพิทักษ์คุ้มครองทรัพย์สินและผลประโยชน์ให้แก่คนในบังคับอังกฤษทุกคน
แต่ในปัจจุบันนี้หรือนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง อิทธิพลของอังกฤษก็ค่อยๆ หมดไปจากซีกโลกทางด้านนี้
การค้าไม้ก็ถูกรัฐบาลไทยยึดคืนมาหมด ประเทศราชของอังกฤษก็ได้รับเอกราชทั่วหน้ากัน
จึงทำให้กิจการของสถานกงสุลอังกฤษมีงานน้อยลงไปมาก
อีกประการหนึ่งประเทศอังกฤษกำลังประสบกับปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ..." (ข้อความบางส่วนขาดหายไป)

..........หลังจากมีการปิดสถานกงสุลอังกฤษแล้ว อาคารสถานกงสุลยังคงได้รับการอนุรักษ์ไว้
ลักษณะเป็นอาคารทรงโคโลเนียล ด้านหน้าติดถนนเจริญประเทศ ด้านหลังติดแม่น้ำปิง 
ด้านทิศใต้ติดสถานกงสุลฝรั่งเศสซึ่งปัจจุบันกงสุลฝรั่งเศสปรับเป็นหอสมุด (ตามอ่านในกระทู้ก่อนหน้าอีกอันได้นะครับ)

ภาพถ่ายขณะปรับปรุงส่วนรอบนอกอาคารกงสุลเพื่อก่อสร้างเป็นโรงแรมเชดี ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็น ANATARA
จากนี้ไป เราจะเริ่มนำชม กงสุลอังกฤษเก่ากันนะครับ เชิญตามมาครับ

เริ่มจาก ด้านหน้าทางเข้า จะมองเห็น อาคารกงสุลอังกฤษเก่า

เราจะชมบริเวณรอบๆ อาคารกงสุลอังกฤษเก่า และชมบรรยากาศรอบๆ ไปด้วยนะครับ


ป้ายยืนยันอาคารกงสุลอังกฤษเก่า 

เข้าไปชมภายในตัวอาคารกันเลยครับ ซึ่งได้ปรับเปลี่ยนเป้นห้องอาหาร สำหรับผู้พักในโรงแรม หรือ บุคคลภายนอกที่เข้าใช้บริการ
จากนั้นเราก็จะขึ้นมาชั้นบน เพื่อมาชมห้องต่างๆ ครับ

ห้องนี้มีเครื่องมือพันธนาการด้วยนะครับ


ส่วนห้องนี้ ผนังขนาดใหญ่ แต่สามารถเปิดเข้าสู่ห้องลับอีกด้านหนึ่งนะครับ

มีแผนที่แสดงเส้นทางค้าไม้ในภูมิภาคนี้ด้วยครับ
เดินออกมาด้านนอกจะเป็นระเบียง open air มีบังตาลวดลายฉลุสวยงามมากครับ เพื่อแบ่งสัดส่วนของแต่ละโต๊ะทานอาหาร
หลังคาคลุมทางเดินไปริมน้ำ แบกรับน้ำหนักกรวดหิน ออกแบบมาเพื่อไม่ให้นกพิราบมาเกาะและถ่ายมูลครับ
บันไดขึ้นไปห้องใต้หลังคา
ห้องน้ำดูสะอาดตา
ทางเดินเข้าห้องน้ำแคบ จึงใส่กระจกทั้งสองข้าง ให้หลอกตาว่ากว้างครับ
เดินลงมาชั้นล่างอีกด้านหนึ่ง
มีบรรยากาศร่มรื่น
บันไดเวียนลายฉลุสวยงาม
ผนังน้ำริน ให้บรรยากาศและลดอุณหภูมิ
มีไวน์ด้วย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่