[Marvel Comic] Ruins จักรวาลหายนะ เรื่องของทุกคนโดนตัดจบตั้งแต่ยังไม่ทันได้เริ่ม

กระทู้สนทนา

เรื่องนี้เกิดในโลกคู่ขนาน Earth 9591 ไม่มีแฮปปี้เอนดิ้งให้ใคร ไม่มีเสรีภาพสื่อ มีแต่มะเร็ง กัมมันตรังสี ขี้ยา เชื้อโรคและรัฐบาลที่เกลียดผู้มีพลังพิเศษค่ะ เตือนแล้วนะ

- ฟิลลิป เชลด้อน ตัวเอกของเรื่องในจักรวาลหลัก616 ก็เป็นช่างภาพและนักข่าวของเดลี่ บูเกิ้ล และเขียนหนังสือเกี่ยวกับฮีโร่ชื่อ “marvels” ซึ่งขายดีระดับเบสต์เซลเลอร์ (และมาร์เวลก็ทำเป็นคอมิคออกมา4เล่ม) เป็นติ่งฮีโร่ยุคบุกเบิก ตามดูมาตั้งแต่ยุคฮิวแมนทอชคนแรก(แอนดรอยด์ไฟลุก ไม่ใช่จอนนี่F4)ตีกับนามอร์ ชอบตามดูตอนกำลังตีกันสดๆ จนโดนลูกหลงตาบอดไปข้างนึงแต่ก็ไม่เข็ด ชอบฮีโร่ทุกคนรักทีมฮีโร่ทุกทีมยกเว้นx-men

- นิค ฟิวรี่ในคอมิคจักรวาลหลักเป็นคนขาว เพิ่งมาเปลี่ยนสีตามหนังหลังอีเวนต์ original sins

- วิลสัน ฟิสก์ = คิงพิน

- ยุค60-70ในอเมริกามีพรรคการเมืองชื่อพรรคแบล็กแพนเธอร์จริง สองคนที่โดนจับพร้อมทีชาล่าคือหัวหน้าพรรค เรียกร้องสิทธิ์ของคนดำจนโดนจับบ่อยจริง

- ไดม่อน เฮลสตรอมเป็นลูกซาตาน ไม่ใช่ผู้ไถ่บาป

ตอนที่1 man on fire

ทุกครั้งที่มีคนจูบกัน จะมีคนถูกยิงตาย

ทุกการกระทำจะมีผลของการกระทำตามมาเสมอฉันใด

เหตุการณ์ใดๆก็ตามที่เกิดขึ้น ก็จะมีเหตุการณ์แบบเดียวกันแต่ผลของเหตุการณ์ต่างกันแบบหน้ามือเป็นหลังมือเกิดขึ้นฉันนั้น

ถ้าโลกมาร์เวลที่คุณรู้จัก เป็นโลกที่มีหญิงสาวที่ล่องหนผ่านเรื่องเลวร้ายต่างๆไปได้อย่างง่ายดายหรือชายหนุ่มที่ใช้พลังไฟบินขึ้นสู่ท้องฟ้าผ่านหน้าอยู่ประจำล่ะก็…

หากพวกเขาก้าวพลาดแม้เพียงก้าวเดียว หรือหยุดชะงักผิดจุดเมื่อไหร่ก็มีโอกาสที่จะทำให้โลกที่คุณรู้จักเหลือเพียงซากปรักหักพังเช่นกัน

กลางหน้าร้อนในแคลิฟอร์เนีย

มิสไซล์แพทริออทพุ่งจากฐานยิงจรวดเคลื่อนที่ของกองกำลังรักษาดินแดนแห่งชาติเข้าสู่เป้าหมายอย่างหิวกระหาย

ยิงโดนยานควินเจ็ตของอเวนเจอร์เข้ากลางลำพอดี

ผมมองผู้มีพลังเหนือมนุษย์ที่อยู่ในยานลำนั้นถูกเผาตายไปตอนกลางวันแสกๆอย่างงุนงง

(ที่กระเด็นออกมาจากยานน่าจะเป็นเคเบิ้ลหรือกัปตันอเมริกาก็ไม่รู้ วอสป์ และไอร่อนแมน)

ผมชื่อฟิลลิป เชลด้อน ที่ผมจดบันทึกเรื่องราวเหล่านี้ไว้เพราะผมรู้ว่ามันมีบางอย่างผิดปกติ

เพื่อนๆและครอบครัวของผมต่างก็คิดว่าผมเป็นบ้าไปแล้ว ที่ลาออกจากงานช่างภาพของนสพ.เดลี่บูเกิ้ลมาทำอะไรแบบนี้

ลองพิจารณาเรื่องราวเหล่านี้ดูนะครับ

ตัวเอกคือแอนโทนี่ สตาร์ค วิศวะกรอัจฉริยะที่เป็นมหาเศรษฐีเจ้าของเครือข่ายอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ และเป็นที่รักของชาวแคลิฟอร์เนีย

เรื่องที่เกิดขึ้นคือไม่กี่ปีก่อนหน้านี้หลังจากที่เขาใช้มันสมองอัจฉริยะหยุดสงครามเวียดนามไว้ได้

แล้วท่านประธานาธิบดีก็ส่งกองกำลังรักษาดินแดนแห่งชาติไปบุกแคลิฟอร์เนียเพื่อระงับการปะทะกันของผู้สนับสนุนและผู้คัดค้านแนวคิดแบ่งแยกดินแดน

สตาร์คที่กำลังเข้าไปเจรจาไกล่เกลี่ยเพื่อให้ทุกอย่างจบลงด้วยดี กลับถูกสะเก็ดระเบิดจากระเบิดที่ทหารฝ่ายรัฐบาลโยนเข้าไปกลางวงเข้าไปจนเกือบตาย

แต่เขาก็ใช้มันสมองอัจฉริยะของเขาแก้ไขสถานการณ์อีกครั้ง

สตาร์ครอดมาได้โดยใช้เทคโนโลยีที่เขาพัฒนาขึ้นเอง กลายเป็นบุรุษที่อยู่เบื้องหลังหน้ากากเหล็กซึ่งหนังสือพิมพ์ทุกเล่มกล่าวขวัญถึง

หลังจากนั้นเขาก็ร่วมมือกับนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังของแคลิฟอร์เนียอย่างดร.พิม และกูรูสายเวทย์อย่างสตีเฟ่น สเตรนจ์ เพื่อตั้งกองกำลังติดอาวุธเพื่อแบ่งแยกดินแดน

ที่ชื่อว่าอเวนเจอร์

พวกเขาเป็นฮีโร่นักปฏิวัติที่ดูราวกับหลุดออกมาจากฝันกลางวันที่เกิดขึ้นหลังเมาเหล้าสมุนไพรแล้วดันไปอ่านวรรณกรรมฝรั่งเศสเข้า

ในทีมมีอัจฉริยะผู้หล่อเหลาที่ห่อหุ้มตัวด้วยเกราะเหล็ก ชายที่ขยายร่างได้จนตัวเท่าตึกระฟ้า หญิงสาวแสนสวยที่มีปีกบางใส นักธนูหนุ่มผู้เย็นชา และคนอื่นๆอีกมากมาย

แต่ทหารที่รัฐบาลกลางส่งมาปราบกบฎก็สู้ไม่ถอย และจบลงที่การแบ่งแยกดินแดนก็เป็นแค่ความฝันต่อไป

ที่เห็นเพิ่งระเบิดไปเมื่อกี้เป็นยานควินเจ็ตลำสุดท้ายแล้วหรือเปล่าก็ไม่รู้ พวกเขาจะยังเหลือรอดอีกกี่คนก็ไม่รู้

ทุกอย่างดูผิดปกติไปหมด

ตอนนี้เรากำลังอยู่บนจุดเปลี่ยนของจักรวาลมาร์เวลแน่ๆ ผมรู้ดี

นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมออกเดินทางไปทั่วทั้งอเมริกาตลอดหลายสิบปี เพื่อสัมภาษณ์ผู้ที่เคยพบกับปรากฎการณ์เหนือธรรมชาติเหล่านี้
เรื่องราวต่างๆที่พวกเขาเล่าอาจเป็นเบาะแสที่จะบอกได้ว่าเรื่องราวที่ควรเกิดขึ้นคืออะไร

ทำไมทุกอย่างถึงได้ผิดพลาดไปหมด

(ตาลุงแขนขาดขายหนังสือพิมพ์นั่นทรงผมกับหนวดคุ้นๆนะคะ หมอแปลกหรือเปล่า?)

ข่าวจากหนังสือพิมพ์เดลี่ บูเกิ้ล :
การสอบสวนกรณีรถขนกัมมันตรังสีคว่ำ
เด็กหนุ่มชื่อแมตต์ เมอร์ด็อค เสียชีวิตวันนี้ที่โรงพยาบาล จากแผลไหม้จากกัมมันตรังสีและการบาดเจ็บที่สมอง เนื่องจากถูกกากกัมมันตรังสีจากรถขนกัมมันตรังสีที่คว่ำกระเด็นเข้าตา และเมื่อวานนี้ในเมืองนิวยอร์ค...
อ่านต่อหน้า12

บาร์ที่ผมเข้าไปมีแต่กลิ่นซิการ์และกลิ่นส้วมที่ท่าทางจะเพิ่งเต็ม ปกติผมไม่กล้าเข้ามาในที่แบบนี้หรอก แต่วันนี้ผมจำเป็นต้องซี้อน้ำอะไรก็ได้มากินหลังกินยาเลยต้องเข้ามา

ฟิลลิป : ขออะไรก็ได้ที่ไม่มีแอลกอฮอล์ อย่างน้ำส้มหรืออะไรประมาณนั้น

บาร์เทนเดอร์ : ที่นี่มีแต่น้ำส้มแบบผงเอาไว้ชงเหล้านะคุณ

ฟิลลิป : เอาแบบนั้นก็ได้ครับ

??? : เลี้ยงเหล้าฉันซะ ไม่งั้นฉันจะฆ่าแก

บาร์เทนเดอร์ : อ้อ ไม่ต้องสนใจเจ้าแคนาเดี้ยนตัวกะเปี๊ยกนั่นร้อก

เจ้านี่มันก็แค่ขี้หงุดหงิดไปหน่อย กำลังหงุดหงิดอยู่ใช่ไหมล่ะตาแก่ ก็เล่นเป็นโรคกระดูกน่าเกลียดน่ากลัวแบบนั้นมันก็แหงอยู่แล้วล่ะนะ

ไหนขอมือแกให้คุณลูกค้าคนนี้ดูหน่อยซิเจ้าเปี๊ยก

ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ไม่เอาน่า เรื่องแค่นี้เองอย่าเพิ่งร้องไห้สิเจ้าเปี๊ยก

โอ๋ๆ เดี๋ยวเลี้ยงเหล้าน้า ฉันไม่เบี้ยวที่สัญญากับแกไว้หรอก

แต่ให้แค่นิดเดียวนะ

บ็อบบี้ ซีเอล, ฮิวอี้ พี นิวตั้น, และทีชาล่า เดส วากันดาส จากพรรคแบล็กแพนเธอร์อยู่ในคุกประจำรัฐแคลิฟอร์เนีย

คลินตั้น บาร์ตั้นถูกประหารชีวิตที่เฮทสตรีท โดยที่ปรึกษาของกองทัพประจำรัฐแคลิฟอร์เนีย

มีผู้พบเห็นแอนโทนี่ สตาร์คที่เซาท์เซ็นทรัล ลอสแอนเจลิส

อดีตอเวนเจอร์ วันด้า แม็กซิมอฟฟ์-เลนเชอร์ ขณะที่เข้ามอบตัวและให้ข้อมูลเกี่ยวกับอเวนเจอร์ทั้งหมดเพื่อขอลดโทษและเข้าโครงการคุ้มครองพยาน ที่กระทรวงยุติธรรม

รัฐเนวาด้า

ฟิลลิป : รัฐบาลจงใจสร้างสถานกักกันชาวครีไว้ที่นี่

มันตั้งอยู่กลางจุดทดสอบระเบิดนิวเคลียร์เก่าพอดี

ซึ่งเป็นทั้งการลงโทษและคำเตือนไม่ให้มีใครเข้าใกล้ชาวเผ่านักรบผู้เย่อหยิ่งเหล่านี้อีก

และนับเป็นสิ่งเลวร้ายมากสำหรับเด็กเพียงไม่กี่คนที่เกิดที่นี่ เพราะชาวครีจะไม่สอนเด็กรุ่นหลังเกี่ยวกับความผิดพลาดของตัวเอง

เด็กเหล่านี้จะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าตัวเองมาอยู่ที่นี่เพราะอะไร

ฟิลลิป :ผมมาที่นี่เพื่อสัมภาษณ์โฆษกของชาวครี

ทหารของที่นี่ยินดีต้อนรับและพาผมเข้าไปด้านในอย่างง่ายดาย ไม่เหมือนทหารที่แคลิฟอร์เนีย

แต่พวกเขาจะไม่ยอมให้ผมเข้าใกล้ชาวครีอย่างเด็ดขาดถ้าไม่ใส่ชุดกันรังสีเสียก่อน

พวกเขาปล่อยให้ผมเดินเข้าไปยังโซนที่พักของชาวครีคนเดียว

น่าตกใจอยู่เหมือนกันที่ชาวครีที่เป็นผู้ใหญ่แล้วไม่มีใครสนใจผมเลย

ผมจ้องมองเขาอย่างตกตะลึงอย่างที่ทุกคนน่าจะทำเมื่อได้พบชาวเผ่าเอเลี่ยนที่มาบุกโลกในระยะประชิดแบบนี้เป็นครั้งแรก

เขาเป็นเอเลี่ยนที่กำลังแบกความอับอายขายหน้า เป็นมะเร็งทั้งตัวและตาบอดไปข้างหนึ่งเพราะต้อกระจกที่เกิดจากการกลายพันธุ์

ในแววตาข้างเดียวที่ยังดีอยู่ของเขามีแต่คำถาม เป็นคำถามเดียวกับผม

คำถามที่ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เรื่องทั้งหมดกลายเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง

มาร์-เวลล์ : เชิญนั่งก่อนครับ คุณเชลด้อน

ผมคือมาร์-เวลล์ นักเจรจาต่อรองฝึกหัดจากกองกำลังเพื่อเสรีภาพของชาวครี

ผมเข้าใจว่าคุณอยากจะสัมภาษณ์พวกเรา ถูกต้องไหม

ฟิลลิป : เอิ่ม…. ที่จริงตอนนี้ผมกำลังเขียนหนังสือเล่มหนึ่งอยู่ หรืออย่างน้อยที่สุดก็กำลังวางแผนจะเขียนอยู่น่ะครับ เวลาของผมเหลือน้อยเต็มทีแล้วในหลายๆแง่ ขอถามตรงๆเลยแล้วกัน

ว่าทำไมการรุกรานโลกของพวกคุณถึงล้มเหลวได้ เรื่องมันเป็นมายังไงกันแน่?

มาร์-เวลล์ : เมื่อสามปีก่อน

กองกำลังเพื่อเสรีภาพของชาวครีได้รับคำสั่งจากผู้นำสูงสุดของเราให้มาปลดปล่อยโลกจากรัฐบาลที่ปกครองอยู่เดิม และทำให้โลกอยู่ใต้การปกครองของเรา

ผมยังจำเสียงที่ราวกับเป็นเพลงปลุกใจซึ่งดังขึ้นมา ตอนที่ยานของเราเริ่มออกเดินทางเข้าจุดวาร์ปเพื่อข้ามอวกาศมาที่นี่ได้ดีเลยล่ะ