ชวนคุยค่ะ ว่า เคยมีงานวิจัยไหนไหมที่ทำเรื่องภาษา ว่าภาษาไหนในโลกที่มนุษย์จะเรียนรู้ง่ายเพราะไม่ฝืนธรรมชาติ เรียนแล้วเป็นเร็ว คือ ตอนนี้อยากได้ภาษาที่ 3 ที่มีประโยชน์กับชีวิตการงาน นอกเหนือจากภาษาอังกฤษมาฝึก เพราะรู้สึกขัดใจภาษาอังกฤษ และคิดเล่นๆ ว่ามันเทียบได้ไหมกับท่าว่ายน้ำต่างๆ
เราหัดว่ายน้ำครั้งแรกตอนเรียนปี 4 เป้าหมายคือ ตกน้ำ ต้องพอเอาตัวรอดได้ ในคลาสมีแต่เด็กปี 1 ปี 2 ท่าแรกที่ครูสอน คือ ฟรีสไตล์ ซึ่งเป็นท่าที่เราใฝ่ฝันมานานว่าต้องได้ เพราะใครๆ ที่เห็นในทีวงทีวีก็ว่ายฟรีสไตล์ แต่เอาจริง ยากสำหรับเรามาก มันไม่ได้จังหวะ แขนกับหน้าไม่สัมพันธ์กัน ว่ายไม่กี่ที น้ำก็เข้าจมูก หายใจไม่ทัน ตีขาแทบตาขยับไปนิดเดียว ลองว่ายให้น้องในคลาสช่วยดู มันบอกเจ้หันหน้าเร็วไปบ้าง หันไม่สูงพ้นน้ำบ้าง ว่ายได้ 2-3 ที ต้องลุกขึ้นมายืน แต่เด็กคนอื่นก็ไม่เห็นมันมีปัญหานะ เลยคิดว่าเป็นที่เราเองยังไม่มีทักษะ แต่ยังไม่ทันจะทำได้ ด้วยเวลาจำกัด ครูก็ขึ้นท่าใหม่ให้ คือท่ากบซึ่งปรากฏว่า เหมือนสวรรค์โปรด
เราว่ายท่ากบได้ในครั้งแรกและรู้สึกสบายร่างมาก หายใจสะดวก มือไม่ฝืน หัวไม่ฝืน ไม่ต้องหันหน้าไปๆ มาๆ และเหมือนเราได้ Enlightment ว่า ท่านี้ไม่ฝืนธรรมชาติร่างกายที่สุดแล้ว และมันบังเอิญ กลายเป็นสิ่งที่ทำให้เราได้คะแนนสอบเต็มคนเดียว และเป็นเรื่องขำๆ อย่างหนึ่งในชีวิตด้วยที่ดันได้เต็มข้อเขียนในวิชาว่ายน้ำ แทนที่จะเป็นเต็มปฏิบัติ ที่เต็มเพราะมีข้อหนึ่งในข้อสอบซึ่งเป็นข้อเขียนทั้งหมด ถามว่า ท่าว่ายน้ำใดไม่ฝืนสรีระมนุษย์และเพราะอะไร ซึ่งครูไม่เคยบอก และตำราที่อ่านๆ กันไปไม่มีพูดถึง ตอนตอบเราเลยใช้ตัวเองเป็นเกณฑ์และบรรยายจนได้เต็มไปในที่สุด หลังสอบเสร็จน้องๆ ถกกันใหญ่ หลายคนเข้าใจว่า คำตอบคือ ท่าฟรีสไตล์
ตรงนี้เอง เราคิดเล่นๆ ว่า มันจะเทียบได้ไหมกับที่เราทั้งหลายโดนฝึกให้เรียนภาษาอังกฤษซึ่งเป็นภาษามาตรฐานภาษาที่ 2 แต่ความจริงมันไม่ได้ง่ายกับธรรมชาติสมอง เลยทำให้มันไม่ได้สักที มันเหมือนติดอะไรบ้างอย่าง ไม่ได้จังหวะ ไม่สัมพันธ์กัน มันจะมีภาษาไหนอีกไหมคะที่เหมือนท่ากบ ที่ไม่ฝืนธรรมชาติมากนัก และเรียนรู้ได้ไวกว่าภาษาอังกฤษ แต่มีประโยชน์ในโลกการทำงานไม่แพ้กัน
มีภาษาที่ 3 ภาษาไหนไหมที่มีประโยชน์นอกเหนือจากภาษาอังกฤษ แต่เรียนรู้ง่ายกว่า
เราหัดว่ายน้ำครั้งแรกตอนเรียนปี 4 เป้าหมายคือ ตกน้ำ ต้องพอเอาตัวรอดได้ ในคลาสมีแต่เด็กปี 1 ปี 2 ท่าแรกที่ครูสอน คือ ฟรีสไตล์ ซึ่งเป็นท่าที่เราใฝ่ฝันมานานว่าต้องได้ เพราะใครๆ ที่เห็นในทีวงทีวีก็ว่ายฟรีสไตล์ แต่เอาจริง ยากสำหรับเรามาก มันไม่ได้จังหวะ แขนกับหน้าไม่สัมพันธ์กัน ว่ายไม่กี่ที น้ำก็เข้าจมูก หายใจไม่ทัน ตีขาแทบตาขยับไปนิดเดียว ลองว่ายให้น้องในคลาสช่วยดู มันบอกเจ้หันหน้าเร็วไปบ้าง หันไม่สูงพ้นน้ำบ้าง ว่ายได้ 2-3 ที ต้องลุกขึ้นมายืน แต่เด็กคนอื่นก็ไม่เห็นมันมีปัญหานะ เลยคิดว่าเป็นที่เราเองยังไม่มีทักษะ แต่ยังไม่ทันจะทำได้ ด้วยเวลาจำกัด ครูก็ขึ้นท่าใหม่ให้ คือท่ากบซึ่งปรากฏว่า เหมือนสวรรค์โปรด
เราว่ายท่ากบได้ในครั้งแรกและรู้สึกสบายร่างมาก หายใจสะดวก มือไม่ฝืน หัวไม่ฝืน ไม่ต้องหันหน้าไปๆ มาๆ และเหมือนเราได้ Enlightment ว่า ท่านี้ไม่ฝืนธรรมชาติร่างกายที่สุดแล้ว และมันบังเอิญ กลายเป็นสิ่งที่ทำให้เราได้คะแนนสอบเต็มคนเดียว และเป็นเรื่องขำๆ อย่างหนึ่งในชีวิตด้วยที่ดันได้เต็มข้อเขียนในวิชาว่ายน้ำ แทนที่จะเป็นเต็มปฏิบัติ ที่เต็มเพราะมีข้อหนึ่งในข้อสอบซึ่งเป็นข้อเขียนทั้งหมด ถามว่า ท่าว่ายน้ำใดไม่ฝืนสรีระมนุษย์และเพราะอะไร ซึ่งครูไม่เคยบอก และตำราที่อ่านๆ กันไปไม่มีพูดถึง ตอนตอบเราเลยใช้ตัวเองเป็นเกณฑ์และบรรยายจนได้เต็มไปในที่สุด หลังสอบเสร็จน้องๆ ถกกันใหญ่ หลายคนเข้าใจว่า คำตอบคือ ท่าฟรีสไตล์
ตรงนี้เอง เราคิดเล่นๆ ว่า มันจะเทียบได้ไหมกับที่เราทั้งหลายโดนฝึกให้เรียนภาษาอังกฤษซึ่งเป็นภาษามาตรฐานภาษาที่ 2 แต่ความจริงมันไม่ได้ง่ายกับธรรมชาติสมอง เลยทำให้มันไม่ได้สักที มันเหมือนติดอะไรบ้างอย่าง ไม่ได้จังหวะ ไม่สัมพันธ์กัน มันจะมีภาษาไหนอีกไหมคะที่เหมือนท่ากบ ที่ไม่ฝืนธรรมชาติมากนัก และเรียนรู้ได้ไวกว่าภาษาอังกฤษ แต่มีประโยชน์ในโลกการทำงานไม่แพ้กัน