เมื่อพูดถึงรถไฟความเร็วสูงในประเทศไทย เชื่อว่าลึก ๆ แล้วมีคนอยากให้เกิดเป็นจำนวนมาก แม้แต่คนที่ร้องออกสื่อเย้ว ๆ ว่าคัดค้าน เอาเข้าจริงก็อยากให้เกิดนั่นแหละ แต่ที่ต้องทำเป็นค้านหัวชนฝา ก็ด้วยหัวโขนที่สวมใส่อยู่นั่นเอง

อย่างวันก่อนกลุ่มสหภาพแรงงานทั้งหลายที่จัดเสวนาต่อต้านเมกะโปรเจ็กท์อีอีซี ตั้งชื่อหัวข้อหลักของงานในทำนองคัดค้านรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน ที่จะต้องเอาที่ดินมักกะสันอันแสนหวงแหนของคนรถไฟไปรวมในโครงการด้วย แต่ฟังผู้ร่วมเสวนาแล้ว เห็นได้ถึงความไม่มีเอกภาพ โต้โผหลักที่ยังไงก็ต้องแสดงการคัดค้านโครงการนี้อย่างเป็นอื่นไปไม่ได้ก็หนีไม่พ้นสหภาพแรงงานการรถไฟฯ แต่ผู้ร่วมงานจากกลุ่มสหภาพอื่น กลับพูดได้ไม่เต็มปากว่าคัดค้าน เพราะอันที่จริงไม่ได้มีส่วนกระทบอะไรด้วย แถมบางองค์กรยังได้รับประโยชน์จากการการเกิดขึ้นของโครงการรถไฟฯ และอีอีซีด้วยซ้ำ
หรืออย่างนักการเมืองบางกลุ่มบางพวกที่หาเรื่องคัดค้านโครงการไฮสปีด อ้างโน่นอ้างนี่สารพัด ที่แท้ก็แค่ชักแม่น้ำทั้งห้า เกาะกระแสตาม ๆ กันไป บางคนออกมาค้านโดยไม่เคยติดตามความเป็นมาของโครงการด้วยซ้ำ พูดออกมาแต่ละคำรู้เลยว่า ไม่ทันโลก และถ้าบางคนในกลุ่มที่คัดค้านนั้น ไม่คิดจะเอาไฮสปีดเทรน ซึ่งมีตัวมีตนใช้งานได้จริง ๆ ในหลายประเทศทั่วโลก ก็คงไม่ชูไฮเปอร์ลูป เทคโนโลยีที่ยังใช้งานไม่ได้จริง มาขายฝันกันหรอก

เห็นการคัดค้านต่อต้านแบบไม่มีเหตุมีผลอันสมควรแล้ว พาให้นึกถึงเรื่องราวของประเทศเอธิโอเปีย ซึ่งในอดีตหลายสิบปีที่ผ่านมา มีภาพจำสำหรับคนทั้งโลกว่า เป็นประเทศยากจนข้นแค้นสุดติ่ง ประชากรอดอยาก ขาดอาหาร ขาดน้ำ สภาพสังคมแย่สุด ๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไป วันนี้เอธิโอเปียเปลี่ยนแปลงไปราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ กลายเป็นประเทศที่มีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจรุดหน้า มีจีดีพีเพิ่มขึ้นอัตราเฉลี่ยร้อยละ 8.5 เศรษฐกิจของประเทศขยายตัวเฉลี่ยอย่างน้อยร้อยละ 6.5 สร้างสถิติใหม่ ครองตัวเลขอัตราการเติบโตทางเศรฐกิจโดยเฉลี่ยของประเทศถึงประมาณร้อยละ 10
หากไปดูภาพเอธิโอเปียในปัจจุบันจะเห็นความเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับสิบกว่าปีที่แล้ว เพราะวันนี้เอธิโอเปียมีการพัฒนามากมาย ทั้งอสังหาริมทรัพย์ ระบบโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ทั้งระบบรางเบารางหนัก กระทั่งรถไฟความเร็วสูง จนได้ชื่อว่าเป็นเมืองจีนแห่งอัฟริกา โดยนักวิเคราะห์กล่าวว่า การที่อิโอเปียสามารถเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นได้ เหตุผลหนึ่งก็เพราะการไม่ไปกังวลกับประวัติศาสตร์หรืออดีตอันขมขื่นที่เกิดขึ้นใประเทศ และมีวิสัยทัศน์ชัดเจนกับการพัฒนาประเทศในอนาคต โดยเชื่อมั่นว่าวันหนึ่งประเทศของตนจะพัฒนาขึ้นเป็นประเทศมหาอำนาจผู้ทรงอิทธิพลทางเศรษฐกิจของโลกได้ ทำให้นึกถึงอีกคำพูดหนึ่งที่ว่า ถ้าอยากมีอนาคต ก็อย่ามัวไปกังวลกับอดีต

นอกจากนี้ นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์และการเมืองอย่าง รศ.ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ ยังบอกด้วยว่า สถานการณ์เศรษฐกิจโลกอยู่ในช่วงขาลง และเศรษฐกิจไทยก็ต่ำลงกว่าที่ประมาณการไว้ จึงต้องฝากความหวังไว้ที่รัฐบาลใหม่ให้เร่งแก้ไข ไม่งั้นแย่และแพ้เวียดนามแน่ เพราะวันนี้เวียดนามก้าวไปไกลแล้ว
เวียดนามมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 6.8% ขณะที่ไทยเฉลี่ยแค่ 3.8% มากกว่าไทยเป็นเท่าตัว การส่งออกของไทยติดลบ ซึ่งรัฐบาลต้องเอาสาธารณูปโภคพื้นฐานของโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี เข้ามาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ

เวียดนามเหมือนกับจีน ที่แต่ก่อนไม่ได้เติบโตขนาดนี้ แต่ปัจจุบันสามารถก้าวขึ้นมาแถวหน้าได้ สิ่งหนึ่งที่เวียดนามได้เปรียบ คือ มีคุณภาพคนที่ดีมาก มีความขยัน อดทน ฉลาด ทั้งการคำนวณ วิทยาศาสตร์ และการจับประเด็น และอีกประเทศที่จะเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวในอนาคต คือ กัมพูชา และฟิลิปปินส์ ดังนั้น ไทยเราต้องปรับตัวเพื่อเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะการปรับคุณภาพคนให้เท่าทันเทคโนโลยี เป็นต้น
ก็นะ ค้านได้ ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่เอาแค่พองาม ให้ประเทศเดินต่อได้เถอะ เราติดกับดักขัดแข้งขัดขากันเองมาหลายทศวรรษแล้ว ช่วย ๆ ลดอัตตา ลดผลประโยชน์ส่วนตัวกันลงบ้างเถอะ ก้าวข้ามหลุมที่ขุดขึ้นเองนี่ไปได้ก่อน ให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น อยู่ตัวแล้วค่อยมาค้านกันใหม่ก็ยังไม่สายนะ สายแค้นทั้งหลาย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้"5 การบ้านรัฐบาลใหม่" แม่ทัพเศรษฐกิจสู้ไหวไหม ชักช้า "เวียดนาม" แซงแน่
https://www.thairath.co.th/scoop/1611220?fbclid=IwAR1s7ZkwEhZ3YSOA6OxJvMadEJmEdWni-vnqMQ2ZSZDaem5eh6gbKBedjnk
ลืมไปได้เลย ภาพความอดอยาก สัมผัส ประเทศเอธิโอเปีย กับฉายาใหม่ “จีนแห่งแอฟริกา”
https://www.salika.co/2018/07/27/ethiopia-china-africa/
ไฮสปีดอีอีซีตัวช่วยแห่งความหวัง ยกระดับเศรษฐกิจประเทศ อย่ามัวขวางทางเจริญ
อย่างวันก่อนกลุ่มสหภาพแรงงานทั้งหลายที่จัดเสวนาต่อต้านเมกะโปรเจ็กท์อีอีซี ตั้งชื่อหัวข้อหลักของงานในทำนองคัดค้านรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน ที่จะต้องเอาที่ดินมักกะสันอันแสนหวงแหนของคนรถไฟไปรวมในโครงการด้วย แต่ฟังผู้ร่วมเสวนาแล้ว เห็นได้ถึงความไม่มีเอกภาพ โต้โผหลักที่ยังไงก็ต้องแสดงการคัดค้านโครงการนี้อย่างเป็นอื่นไปไม่ได้ก็หนีไม่พ้นสหภาพแรงงานการรถไฟฯ แต่ผู้ร่วมงานจากกลุ่มสหภาพอื่น กลับพูดได้ไม่เต็มปากว่าคัดค้าน เพราะอันที่จริงไม่ได้มีส่วนกระทบอะไรด้วย แถมบางองค์กรยังได้รับประโยชน์จากการการเกิดขึ้นของโครงการรถไฟฯ และอีอีซีด้วยซ้ำ
หรืออย่างนักการเมืองบางกลุ่มบางพวกที่หาเรื่องคัดค้านโครงการไฮสปีด อ้างโน่นอ้างนี่สารพัด ที่แท้ก็แค่ชักแม่น้ำทั้งห้า เกาะกระแสตาม ๆ กันไป บางคนออกมาค้านโดยไม่เคยติดตามความเป็นมาของโครงการด้วยซ้ำ พูดออกมาแต่ละคำรู้เลยว่า ไม่ทันโลก และถ้าบางคนในกลุ่มที่คัดค้านนั้น ไม่คิดจะเอาไฮสปีดเทรน ซึ่งมีตัวมีตนใช้งานได้จริง ๆ ในหลายประเทศทั่วโลก ก็คงไม่ชูไฮเปอร์ลูป เทคโนโลยีที่ยังใช้งานไม่ได้จริง มาขายฝันกันหรอก
เห็นการคัดค้านต่อต้านแบบไม่มีเหตุมีผลอันสมควรแล้ว พาให้นึกถึงเรื่องราวของประเทศเอธิโอเปีย ซึ่งในอดีตหลายสิบปีที่ผ่านมา มีภาพจำสำหรับคนทั้งโลกว่า เป็นประเทศยากจนข้นแค้นสุดติ่ง ประชากรอดอยาก ขาดอาหาร ขาดน้ำ สภาพสังคมแย่สุด ๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไป วันนี้เอธิโอเปียเปลี่ยนแปลงไปราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ กลายเป็นประเทศที่มีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจรุดหน้า มีจีดีพีเพิ่มขึ้นอัตราเฉลี่ยร้อยละ 8.5 เศรษฐกิจของประเทศขยายตัวเฉลี่ยอย่างน้อยร้อยละ 6.5 สร้างสถิติใหม่ ครองตัวเลขอัตราการเติบโตทางเศรฐกิจโดยเฉลี่ยของประเทศถึงประมาณร้อยละ 10
หากไปดูภาพเอธิโอเปียในปัจจุบันจะเห็นความเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับสิบกว่าปีที่แล้ว เพราะวันนี้เอธิโอเปียมีการพัฒนามากมาย ทั้งอสังหาริมทรัพย์ ระบบโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ทั้งระบบรางเบารางหนัก กระทั่งรถไฟความเร็วสูง จนได้ชื่อว่าเป็นเมืองจีนแห่งอัฟริกา โดยนักวิเคราะห์กล่าวว่า การที่อิโอเปียสามารถเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นได้ เหตุผลหนึ่งก็เพราะการไม่ไปกังวลกับประวัติศาสตร์หรืออดีตอันขมขื่นที่เกิดขึ้นใประเทศ และมีวิสัยทัศน์ชัดเจนกับการพัฒนาประเทศในอนาคต โดยเชื่อมั่นว่าวันหนึ่งประเทศของตนจะพัฒนาขึ้นเป็นประเทศมหาอำนาจผู้ทรงอิทธิพลทางเศรษฐกิจของโลกได้ ทำให้นึกถึงอีกคำพูดหนึ่งที่ว่า ถ้าอยากมีอนาคต ก็อย่ามัวไปกังวลกับอดีต
นอกจากนี้ นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์และการเมืองอย่าง รศ.ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ ยังบอกด้วยว่า สถานการณ์เศรษฐกิจโลกอยู่ในช่วงขาลง และเศรษฐกิจไทยก็ต่ำลงกว่าที่ประมาณการไว้ จึงต้องฝากความหวังไว้ที่รัฐบาลใหม่ให้เร่งแก้ไข ไม่งั้นแย่และแพ้เวียดนามแน่ เพราะวันนี้เวียดนามก้าวไปไกลแล้ว
เวียดนามมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 6.8% ขณะที่ไทยเฉลี่ยแค่ 3.8% มากกว่าไทยเป็นเท่าตัว การส่งออกของไทยติดลบ ซึ่งรัฐบาลต้องเอาสาธารณูปโภคพื้นฐานของโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี เข้ามาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ
เวียดนามเหมือนกับจีน ที่แต่ก่อนไม่ได้เติบโตขนาดนี้ แต่ปัจจุบันสามารถก้าวขึ้นมาแถวหน้าได้ สิ่งหนึ่งที่เวียดนามได้เปรียบ คือ มีคุณภาพคนที่ดีมาก มีความขยัน อดทน ฉลาด ทั้งการคำนวณ วิทยาศาสตร์ และการจับประเด็น และอีกประเทศที่จะเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวในอนาคต คือ กัมพูชา และฟิลิปปินส์ ดังนั้น ไทยเราต้องปรับตัวเพื่อเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะการปรับคุณภาพคนให้เท่าทันเทคโนโลยี เป็นต้น
ก็นะ ค้านได้ ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่เอาแค่พองาม ให้ประเทศเดินต่อได้เถอะ เราติดกับดักขัดแข้งขัดขากันเองมาหลายทศวรรษแล้ว ช่วย ๆ ลดอัตตา ลดผลประโยชน์ส่วนตัวกันลงบ้างเถอะ ก้าวข้ามหลุมที่ขุดขึ้นเองนี่ไปได้ก่อน ให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น อยู่ตัวแล้วค่อยมาค้านกันใหม่ก็ยังไม่สายนะ สายแค้นทั้งหลาย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้