[CR] ... เขาเหมียนซาน (绵山, Mt. Mianshan) ...

กระทู้รีวิว

ได้มีโอกาสกลับไปร่วมทริปกับพี่ ๆ และเพื่อน ๆ เป็นรอบที่ 3 เมืองซีอานเป็นเมืองที่ไปแล้วต้องมนต์สะกดมาก เราเที่ยวจีนมาหลายเมือง แต่ซีอานเป็นอะไรที่เราชอบมาก ไม่เบื่อที่จะกลับไปย่ำรอยเท้าเดิม ๆ ความที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน การเดินทางครั้งนี้จึงเลือกเมืองซีอานเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางอีกครั้ง

เราเดินทางกันระหว่างวันที่ 15 - 21 พฤษภาคม 2562 บินไปลงซีอาน ไฟท์ในช่วงเดือนที่ไปไม่ค่อยดีเลย ออกจากกรุงเทพฯ เวลา 16.40 น. ถึงสนามบินเซียงหยาง เวลา 21.35 น. จึงต้องให้โรงแรมจัดรถมารับที่สนามบิน และจองตั๋วรถไฟความเร็วสูงจากเมืองซีอานไปยังเมืองโบราณผิงเหยาผ่าน China Easy Ticket พักที่เมืองโบราณผิงเหยา 4 วัน 3 คืน ติดต่อที่พักให้ส่งรถมารับกรุ๊ปเราที่สถานีรถไฟ ทริปนี้ สว. แยะ และแพลนกันว่าจะเช่ารถเที่ยวเมืองรอบ ๆ เมืองผิงเหยา

ก่อนวันเดินทางเจอเว็บที่เขียนเกี่ยวกับเขาเหมียนซาน อารามต้าหลัวกง ตำหนักเซียน ทำให้สนใจ ข้อมูลอื่น ๆ ไม่มี ไม่รู้ว่าสถานที่นี้อยู่ตรงไหนในประเทศจีน และระหว่างนั่งรถไฟความเร็วสูงมายังเมืองโบราณผิงเหยาเห็นวัดจำนวนมากตั้งอยู่บนหน้าผาบนเขาสูง ทำให้นึกถึงวัดเสวียนคง พอเข้าที่พักก็เปิดเว็บถามคนขับรถให้พี่ที่เชี่ยวชาญด้านภาษาจีนถามไถ่ให้ก็ไม่ได้อะไร แต่พอวันรุ่งขึ้น เขามาบอกว่าจะพาพวกเราไป ดวงมันจะได้ไปอะไร ๆ มันเลยง่ายไปหมด

จะว่าเป็นเหตุบังเอิญ แต่ความบังเอิญไม่มีอยู่จริง ทุกสิ่งที่อย่างที่เกิดขึ้นกับเรา ล้วนเป็นกรรมลิขิตทั้งสิ้น ครั้งนี้ก็คงเป็นเช่นกัน


แผนที่และข้อมูลเกี่ยวกับเขาเหมียนซาน เพิ่งเจอเมื่อคืนจากเว็บ
>> https://www.travelchinaguide.com/cityguides/shanxi/jinzhong/mianshan-mountain.htm

ข้อมูลภาษาไทยที่เราพบก่อนการเดินทาง >>  https://www.facebook.com/AsianStudiesTH/posts/d41d8cd9/1841794085895498/

"เทือกเขาเหมียนซานเป็นตอนหนึงของเทือกเขาไท่เย่ว ตั้งอยู่ในเขตเจี้ยซิว ภาคกลางของมณฑลซานซี มีอาณาเขตถึง 136 ตารางกิโลเมตร มี 14 ทิวทัศน์ หลัก 360 ทิวทัศน์ย่อย มียอดเขาสูงสุด 2,568 เมตรจากระดับน้ำทะเล เทือกเขาแห่งนี้เกี่ยวพันกับเจี้ยจื่อทุย และเป็นจุดเริ่มต้นของเทคกาลเชงเม้งเซ่นไหว้บรรพบุรุษมายาวนานกว่า 3,000 ปีของจีน

เราเช่ารถมาสองคัน สำหรับ 10 คน คันละ 400 หยวน รถคันเรามาถึงทางเข้าเหมียนซานก่อน รอกันอยู่นานรถอีกคันยังก็ยังไม่มา ติดต่อก็ไม่ได้ เราเลยตัดสินใจเข้าไปก่อน และไลน์พิมพ์ข้อความบอกให้พี่ ๆ ตามเข้าไป ที่นี่มีทางเข้า-ออกทางเดียว ฉะนั้นไม่ต้องกลัวว่าจะหากันไม่เจอ ค่าธรรมเนียมเข้าคนละ 180 หยวน ท่านใดที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป มีส่วนลดให้พิเศษด้วย ดีต่อใจจริง ๆ ปีหน้าถ้าเรามาอีก เราก้อจะได้ใช้สิทธิ์นี้

ด้านในจะมีรถบัสขนาดใหญ่วิ่งรับ-ส่งบริการ ดูจากหน้าตาของคนที่มาที่นี่ มีแต่เจ้าของประเทศ


เห็นรูปปั้นยืนเงยหน้าแบบนี้ ทำให้คิดถึงสุภาษิตจีน ที่ว่า "เงยหน้าไม่อายฟ้า ก้มหน้าไม่อายดิน"

มาต่อกันด้วยความเป็นมาของที่นี่

"เล่ากันว่าในสมัยชุนชิว จิ้นเสี้ยนกงเจ้าผู้ครองแคว้นจิ้น หลงเสน่ห์เมียน้อยชื่อหลีจี ซึ่งนางต้องการให้บุตของนางขึ้นเป็นรัชทายาท บุตรชายทั้งสามของเมียหลวง จึงต้องหนีเอาตัวรอดกลายเป็นเจ้าชายพเนจร เจ้าชายคนที่สองชื่อ "ฉงเอ่อร์" หนีหัวซุกหัวซุน เพื่อไปขอความช่วยเหลือจากแคว้นอื่น ๆ มีครั้งหนึ่งฉงเอ่อร์อดข้าวจนเป็นลม เจี้ยจื่อทุยผู้เป็นอำมาตย์ที่ซื่อสัตย์ไม่รู้จะไปหาอาหารจากที่ใด จึงยอมเฉือนเนื้อจากต้นขาของตนเองหนึ่งชิ้น จัดการย่างให้สุก แล้วให้ฉงเอ่อร์ทาน บอกว่าเป็นเนื้อกระต่ายป่า ฉงเอ่อร์จึงรอดจากความตาย

ผ่านไป 19 ปี บุญพาวาสนาส่ง ฉงเอ่อร์ได้เป็นใหญ่ กลับมาครองแคว้นจิ้นของบิดา มีนามว่า "จิ้นเหวินกง" ได้ตอบแทนคุณผู้เคยจงรักภักดีต่อพระองค์อย่างถ้วนทั่ว แต่กลับลืมชื่อของเจี้ยจื่อทุย ทว่าเจี้ยจื่อทุยไม่ได้น้อยเนื้อต่ำใจ กลับไปดูแลมารดาบนภูเขา กระทั่งเมื่อมีผู้ทักท้วน จิ้นเหวินกงจึงจำได้ รับสั่งให้คนไปติดตามตัวเจี้ยจื่อทุยมาเข้าเฝ้า

จิ้นเหวินกงให้คนไปตามเจี้ยจื่อทุย แต่ด้วยภูเขาเหมียนซานมีความกว้างใหญ่มาก จึงตามหาไม่พบ จิ้นเหวินกงจึงให้จุดไฟเผาไม้บนเขาไว้สามทาง เหลืองทางลงเขาไว้ทางเดียว โดยคิดว่าเจี้ยจื่อทุยต้องพามารดาลงจากเขามาทางนั้นแน่

ไฟไหม้ลุกไหม้ป่าอยู 3 วัน ก็ไม่มีวี่แววของเจี้ยจื่อทุย พอเพลิงสงบ ทหารจึงได้ออกค้นหา ก็พบศพของเจี้ยจื่อทุยพร้อมกับมารดาของเขา ถูกไฟครอกตายอยู่ใกล้กลับซากต้นหลิวขนาดใหญ่ ยังพบชายเสื้อของเจี้ยจื่อทุยเขียนจดหมายลาตายถึงจิ้นเหวินกงด้วยโลหิต โดยเฉพาะคำว่า "ชิงหมิง" หรือ "เชงเม้ง"  เพื่อเตือนสติจิ้นเหวินกงให้ "สะอาดและโปร่งใส" "เข้าใจอะไรถูกอะไรควร" และเป็นที่มาของคำว่า "เชงเม้ง"

จิ้นเหวินกงอ่านหนังสือโลหิตของเจี้ยจื่อทุยฉบับนั้นด้วยความโศกสลดยิ่งนัก สั่งการให้ฝังศพสองแม่ลูกอย่างสมเกียรติ ณ ภูเขาเหมียนซาน แล้วให้เปลี่ยนชื่อภูเขาลูกนี้เป็น "เจี้ยซาน" พร้อมสร้างอารามไว้อาลัยให้เจี้ยจื่อทุย และกำหนดให้วันที่เจี้ยจื่อทุยถูกไฟครอกตายเป็นวันห้ามจุดไฟ ให้ทานอาหารเย็น ๆ พอครบ 3 ปี จิ้นเหวินกงและข้าราชบริพาธต่างพากันไปเซ่นไหว้หลุมศพของเจี้ยจื่อทุย ก็พบว่าต้นหลิวที่ถูกไฟครอกไหม้ กลับแตกตาออกมาใหม่

จิ้นเหวินกงจึงตั้งชื่อต้นหลิวนี้ว่า "ชิงหมิงหลิ่ว" หรือต้นหลิวเชงเม้ง พร้อมรับสั่งให้ปวงประชาหลังวันทานอาหารเย็น ๆ เป็นวันเชงเม้ง เพื่อเซ่นไหว้ดวงวิญญาณของเจี้ยจื่อทุยกับมารดาของเขา

ปัจจุบันชาวบ้านธรรมดาอาจลืมเลือนเรื่องราวของท่านเจี้ยจื่อทุย แต่ยังคงสืบสานประเพณีวันเซ่นไหว้บรรพบุรุษ ทำความสะอาดสุสานเพื่อแสดงความกตัญญูรู้คุณต่อบรรพบุรุษ

ทุกวันนี้บนโตรกผาอันสูงชันของเทือกเขาเหมียนซานหรือเจี้ยซาน ยังปรากฏสถานที่สำคัญหลายแห่งท่ามกลางภูมิทัศน์อันยิ่งใหญ่ตระการตา เช่น อารามต้าหลัวกง ตำหนักเซียนที่อยู่ชั้นสูงสุดตามความเชื่อของลัทธิเต๋า สร้างแนบภูผาชันของเหมียนซาน ที่ที่เคยเป็นที่พำนักของเจี้ยจื่อทุย

นอกจากจะมีการสร้างรูปเคารพของเจี้ยจื่อทุยแล้ว ยังมีการสร้างวัด เช่น วัดหยุนเฟิงแห่งผาเป้าฟู่ มีประวัติการสร้างมาตั้งแต่ยุคสามก๊ก อายุกว่า 1,700 ปี สร้างขึ้นไปบนหน้าผาเป้าฟู่ มีความสูง 60 เมตร ลึก 50 เมตร ยาว 180 เมตร มีตำหนักสองชั้น เป็นวัดพุทธรวมกับลัทธิเต๋า ภายในมีวิหารพระไวโรจนะ ตำหนักเง็กเซียนฮ่องเต้ ตำหนักห้ามังกร ฯลฯ ภายในเก็บรักษารูปปั้นเจี้ยจื่อทุยที่ชาวบ้านนับถือมากที่สุด และยังเก็บรูปมังสะกายของพระภิกษุชาวจีนฮั่นคนแรกที่บรรละพระอรหันต์ ภายในยังเก็บรักษางานจำหลักสมัยราชวงศ์ถึง ซ่ง หยวน และหมิงไว้เป็นจำนวนมาก เป็นต้น"

ขอบคุณข้อมูลจาก >> https://www.facebook.com/AsianStudiesTH/posts/d41d8cd9/1841794085895498/

เราได้นั่งรถไปลงที่วัดหยุนเฟิงแบบงง ๆ เห็นคนลงกันแยะเลยลงไปตาม ไม่ทราบว่าเป็นวัดดัง และเป็นวัดที่มีความศักดิ์สิทธิ์ ทางขึ้นสูงมาก เราก็แกลังเดินมึน ๆ เข้าไปที่โรงแรม แล้วขึ้นลิฟท์มาออกชั้นที่ 10 ประหยัดแรงไปได้แยะ แต่ก็ไม่ได้เดินชมโดยรอบ เพราะเรานัดพี่ในรถอีกคันที่ตามมาว่าจะออกมาเจอกันัดตรงทางเข้าเวลา 14.00 น. เลยทำให้พลาดไปหลายอย่าง มีความตั้งใจจะกลับไปเมืองโบราณผิงเหยาอีกรอบ และจะกลับไปเก็บส่วนที่พลาดที่เขาเหมียนซาน



เป็นจุดแรกที่เราลงเก็บภาพสวย ๆ


แล้วเราก็ขึ้นรถบัสลอดประตูนี้ออกไป ระยะทางยาว และสวยมาก รถบัสรอไม่นานคะ


ลิฟท์ที่ขึ้นไปคะ ออกที่ชั้น 10 โรงแรมนี้ชื่อ "ํYunfeng Field Hotel" ด้านในมีโรงแรมหลายแห่ง ใครต้องการเที่ยวที่นี่แบบหลาย ๆ วัน ก็เข้าไปพักได้

วัดนี้ชื่อ "วัดหยุนเฟิงแห่งผาเป้าฟู่" (Yunfeng Temple and Baofu Rock) วัดนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 220 - 265 ในอาณาจักรเว่ย (Kingdom of Wei) ด้านบนของผาจะเห็นมีระฆังแขวนอยู่จำนวนมาก ทำให้เราจินตนาการขึ้นไปแขวนระฆัง โดยการใช้กำลังภายในแบบหนังจีน


เทพเจ้ากวนอู



เรานั่งรถไปลงสุดสาย และนั่งรถกลับออกมา มาลงจุดแรกที่ลง เพื่อขึ้นกระเช้าไปชมมุมสูง และมันก็สูงจริง เสียวมาก กระเช้าหนึ่งนั่ง 2 คัน ขาขึ้น 35 หยวน ขาลง 25 หยวน เดินลงไม่ไหวเข่าไม่ดี


ภาพมุมสูงจากกระเช้า


แล้วเราก็เห็น "วัดหัวมังกร" (Dragon Head Temple)


ใครไปเที่ยวเมืองโบราณผิงเหยา ที่นี่ขอแนะนำว่าควรไปคะ มาที่นี่ไม่ผิดหวัง สามารถเที่ยวได้ทั้งวัด สุดสายรถด้านในมีร้านอาหาร มีหลายจุดที่น่าสนใจ มีอารามบนเขาที่ต้องตะกายขึ้นไป ด้านในมีกระเช้าในขึ้น เสียดายที่ไม่ได้ขึ้นไปจุดสูงสุดของตำหนักเซียน

ส่วนที่ที่ไปเยี่ยมชมมา จะค่อย ๆ ทะยอยลงให้นะคะ โปรดดิตตามตอนต่อไป

"ป้อมปราการโบราณจางปิ (Zhangbi Ancient Fortress)" *** https://pantip.com/topic/39077233 ***
ชื่อสินค้า:   CHINA
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่