[CR] กาลครั้งหนึ่ง ณ เลห์ ลาดัก (Leh Ladakh) สวรรค์บนดิน ชีวิตนึงควรไปเห็นด้วยตาสักครั้ง

กระทู้อื่นๆของเรา

[CR] เมื่อ Maldives ไม่ใช่แค่ฝันอีกต่อไปที่ Finolhu Baa Atoll https://pantip.com/topic/37293004

[CR]ตามล่าแสงเหนือ ไม่เจอเราไม่กลับที่ Iceland & Scandinavia https://pantip.com/topic/37315559

[CR]ดูบอล นอนชิว ฟิวกู๊ดที่อังกฤษ เวลล์ 16 วัน 15 คืน ไปให้สุดแล้วหยุดที่สก๊อตแลนด์ https://pantip.com/topic/37337883

[CR] Road Trip เมื่อฉันถูกเซอร์ไพร์ด้วยแสงใต้ ในแดนกีวี่ นิวซีแลนด์ https://pantip.com/topic/37600989

[CR] ไม่ไปไม่รู้ ลมหายใจแห่งพระเจ้า Bromo Kawa Ijen 4 วัน 3 คืน https://pantip.com/topic/37807241

[CR] ญี่ปุ่นเมืองรองมีอะไรให้ทำมากกว่าที่คิด 10 วัน 9 คืนกับการตะลุยทะเลทราย Tottori ล่าภูติพรายเมืองผี หนีไป kinosaki Onsen https://pantip.com/topic/38497235

[CR] Jordan Trip : ตามฝันวัยเด็ก พิชิต 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่เพตรา ลอยตัวบลาบลาที่ Dead sea https://pantip.com/topic/38639371

อย่าลืมกดไลท์กดติดตามเพจ : https://facebook.com/GoGoSmurf/
.....S'Murf Wander / เมิร์ฟหนีเที่ยว......กันด้วยนะคะ

              วันนี้เมิร์ฟจะมาเล่าประสบการณ์การสดๆร้อนๆเพราะพึ่งกลับมาไม่ถึงอาทิตย์กับการไปเที่ยวอินเดียที่เมืองเลห์ ( Leh Ladakh) ซึ่งเป็นประเทศที่ 39 ของชีวิตเมิร์ฟละกันนะคะ เอาจริงๆแล้วอินเดียเป็นประเทศที่ไกลตัวเมิฟมากๆ เป็นประเทศที่คิดว่ายังไม่อยากไป อาจจะเพราะภาพต่างๆที่เราเคยเห็นกันมาว่าอินเดียเป็นแบบนั้นแบบนี้ เลยทำให้เมิร์ฟมองข้ามประเทศนี้ไป แต่ระยะ2-3ปีหลังมานี้ เมิร์ฟกลับมีแพลนที่อยากจะไปอินเดียเพราะเมืองที่ชื่อเลห์ (Leh Ladakh) เริ่มเห็นรูปสวยๆจากเมืองนี้มากขึ้นเรื่อยๆ รีวิวต่างๆ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้ไปสะทีด้วยห่วงเรื่องความสูงสำหรับคนพื้นที่ราบอย่างคนไทยว่าจะเกิดอาการแพ้ความสูงหรือเปล่า ไหนจะเรื่องอาหารการกิน การเดินทางอีก แต่ด้วยใจที่เรียกร้องว่าอยากลองไปสักครั้ง ก็เลยตัดสินใจว่ารอบนี้ขอลองไปกับทัวร์ก่อนดีกว่าอย่างน้อยก็มีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแล ถ้ามีปัญหาอะไรก็ยังพอสบายใจอยู่บ้าง สรุปทริปนี้เมิร์ฟไปกับทัวร์นะคะ  เป็นทริป 6 วัน 5  คืน (ไม่รวมวันเดินทาง)

ปกติเมิร์ฟไม่ชอบไปทัวร์เนื่องจากมีเวลาที่กำหนดตายตัว ไหนจะพื่อนร่วมทริปอีก ไม่รู้จะเจอแบบไหนบ้าง อยากหยุดถ่ายรูปได้นานเท่าที่เราอยากถ่ายเหมือนเราไปเองมั้ย ข้อนี้เมิร์ฟก็กังวลก่อนไปเหมือนกัน แต่ไม่เป็นไรลองดูก่อนมันอาจจะดีก้อได้

              หลังจากจองทัวร์ไปล่วงหน้านานพอสมควร และแล้ววันเดินทางก็มาถึงเราบินด้วย Air India ตอนประมาณสามทุ่มแล้วไปถึง New Delhi ตอนประมาณ เกือบตีหนึ่ง แล้วเราต้องต่อเครื่องอีกทีจากเมือง New Delhi ไป Leh อีกทีตอน 7 โมงเช้า เราก็คิดว่าเวลาห่างขนาดนี้เราจะอยู่ยังไงที่ไหนดี สรุปนะคะ กว่าจะรับกระเป๋าแล้วเชคอินเข้าไปใหม่อีกรอบ กว่าจะเสร็จปาเข้าไปเกือบตีสาม ที่อินเดียทำงานช้ามาก แถมเค้าตรวจผู้หญิงเข้มละเอียดแบบสุดๆ มีให้เดินเข้าห้องปิดมิดชิดเพื่อตรวจหลังจากผ่านเครื่องแสกนแล้ว แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ เจ้าหน้าที่ที่ตรวจเป็นผู้หญิงค่ะ เค้าก็ใช้เครื่องมือแสกนแล้วก้อลูบๆคลำๆแล้วก็ปล่อยออกมา หลังจากนั้นก็หาที่นอนกันตามสะดวก

ทริค: แนะนำว่าหลังจากผ่านตม.มาแล้วให้เดินเข้ามาลึกๆ ตาม Gate จะมีที่นั่งรอ และจะมีเตียง Day bed ให้ประมาณ 4-5 ตัวในแต่ละ Gate แต่ตอนที่เมิร์ฟเดินไปถึงมันเต็มหมดแล้ว มีคนจับจองหมด เซ็งสิคะ ก็นั่งหลับนอนหลับมันตามเก้าอี้นี่แหละ ปวดตัวไปหมด (เปิดประสบการณ์รูปแบบใหม่)

               นั่งหลับนอนหลับไปสักพัก ก็ถึงเวลาขึ้นเครื่องบินต่อไปยังเมืองเลห์กันค่ะ จะบอกว่าถ้าเลือกได้ให้เลือกนั่งด้านซ้ายของเครื่องบินนะคะ เพราะเราจะได้เห็นวิวภูเขาจากด้านบน มันสวยมาก ใช้เวลาบินคร่าวๆประมาณ 1.30 ชั่วโมง รอบนี้เราบินโดยสายการบิน Vistara ค่ะ แต่จากเดลีไปเลห์ก็มีอีกประมาณ 3-4 สายการบิน เลือกเอาตามใจชอบได้เลยค่ะ
รูปวิวมุมสูงจากเครื่องบิน
                    ลืมบอกไป รอบนี้เมิร์ฟมากับทัวร์ที่ชื่อ Travel Therapy พี่เค้าชำนาญเส้นทางนี้ ซึ่งทั้งพี่สุ พี่โรจ์นดูแลเอาใจใส่อย่างดีมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเตรียมตัวก่อนไป ตอบคำถามที่สงสัย คอยเตือนให้ทานยา มีตรวจวัดอ๊อกซิเจนกันทุกวัน หรือแม้แต่เรื่องอาหาร ทัวร์นี้ทำได้ดีมาก ตอนแรกเมิร์ฟคิดว่ากลับมาคงต้องผอมแน่ๆเพราะน่าจะกินอะไรไม่ได้ แต่บอกเลยพี่ๆเค้าจัดอาหารไทยไปเต็มไม่ใช่แค่น้ำพริก มาม่า โจ๊กทั่วๆไปนะคะ แต่พี่เค้าเตรียมเป็นอาหารสดๆไปเลย เช่น หมูยอ ใช่ค่ะ หมูยอจริงๆนางแบกกันไป คั่วกลิ้ง แกงหน่อไม้ ปลาสลิดผัดพริกขิง น้ำพริกต่างๆ ส้มตำ หมูแดดเดียว ไปเสริมให้ในทุกๆมื้อ ขอบอกว่าประทับใจมากจริงๆ ทางติดต่อเพื่อใครอยากไปเที่ยวเลห์กับทัวร์ เมิร์ฟแนะนำเจ้านี้เลยค่ะ https://www.facebook.com/lovetraveltherapy/?epa=SEARCH_BOX

               และแล้วเราก็มาถึงเลห์ เมิร์ฟเริ่มดี๊ด๊า แต่ก่อนลงจากเครื่องบินพี่ไกด์ก็บอกทุกคนว่าลงไปแล้วอย่าพึ่งถ่ายรูป อย่าลืมหายใจ ใช่ค่ะต้องหายใจนะคะทุกคนเพราะตอนนี้เราบินมาลงที่ความสูงประมาณ 3,300 – 3,500 เมตรจากระดับน้ำทะเล ซึ่งเราเป็นคนไทย กทม. สูงจากระดับน้ำทะเลไม่น่าเกิน 50 เมตรจากระดับน้ำทะเลเท่านั้น พอเกิดความแตกต่างของความสูงบางทีร่างกายของเราก็จะปรับตัวไม่ทัน ทำให้เกิด High altitude sickness หรือเข้าใจง่ายๆคือเป็นภาวะหรือโรคที่พบในนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปในพื้นที่ที่มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลมากๆ เช่น ไปเที่ยวทิเบต เที่ยวประเทศเปรู โบลิเวีย หรือไปปีนเขาในประเทศเนปาล ฯลฯ ซึ่งโรคดังกล่าวเกิดจากร่างกายไม่สามารถปรับตัวให้อยู่ในภาวะที่มีออกซิเจนน้อยได้ ทำให้เกิดอาการต่างๆตามมา เช่น ปวดศีรษะ นอนไม่หลับ เหนื่อยง่าย ฯลฯ ซึ่งอาการอาจจะรุนแรงมากขึ้น จนอาจเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะในรายที่ยังฝืนเดินทางขึ้นที่สูงต่อ และไม่ได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง ภาวะ altitude sickness มักจะเกิดขึ้นในพื้นที่ที่มีความสูงมากกว่า 2,000-2,500 เมตร เหนือระดับน้ำทะเลปานกลางเป็นต้นไป ซึ่งยิ่งขึ้นไปที่สูงมากจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะดังกล่าวมากขึ้น เช่น ถ้าสถานที่นั้นสูงกว่า 3,000 เมตร จะมีความดันออกซิเจนเพียงประมาณ 70 % เมื่อเทียบกับในระดับน้ำทะเล ซึ่งเลห์ที่เรามาเที่ยวอยู่สูงถึง 3,524 เมตร และบางจุดที่เราจะต้องไปอย่างทะเลสาบแปงกองจะสูงกว่านี้ คนที่ไปเที่ยวตามสถานที่เหล่านี้ ก็ควรจะรู้จักภาวะนี้และการป้องกันไว้บ้างเพื่อการท่องเที่ยวของเราจะได้ปลอดภัยและมีความสุข สนุกกันนะคะ
             สำหรับ High altitude sickness ก็มีวิธีการป้องกันโดยการกินยาที่ชื่อ Diamox ซึ่งยานี้ควรจะให้แพทย์สั่งนะคะ คือไปหาหมอแล้วบอกหมอว่าเราจะมีเดินทางไปในที่สูง ขอยาตัวนี้หน่อย ซึ่งทางหมอก็จะเชคร่างกายเราว่าเราแพ้ยาตัวนี้ไม๊ ถ้าไม่ หมอก็จะจ่ายยามาให้ค่ะ แล้ววิธีกินต้องกินยังไงล่ะ คือเราควรจะกินล่วงหน้าก่อนเดินทางไปถึงจุดหมายที่ที่เราจะไป 2 วัน ยา 1 เม็ด มัน 250 mg. 1 วันควรกิน 1 เม็ด หรือจะแบ่งเป็นกินทีละครึ่งเม็ดทุก 12 ชั่วโมงก็ได้ค่ะ (ยังไงอันนี้ควรปรึกษาคุณหมอก่อนก็ดีนะคะ) สำหรับเมิร์ฟ เมิร์ฟกินแบบล่วงหน้าก่อนเดินทาง 2 วัน โดยจะแบ่งเป็นกินทีละครึ่งเม็ดทุก 12 ชั่วโมงค่ะ

              ตัดกลับมาหลังจากเดินลงจากเครื่อง เราก็เชื่อฟังพี่ไกด์โดยการหายใจจิงๆจังๆเพื่อเพิ่มอ๊อกซิเจนเข้าร่างกายให้มากที่สุด (กลัวป่วย ไม่สบายแล้วจะอดเที่ยว 555) ที่สนามบินเลห์ด้านในห้ามถ่ายรูปนะคะ (แต่ก็แอบถ่ายมา ^-^) จากนี้เป็นต้นไปในทุกๆพื้นที่จะมีพี่ทหารอยู่เต็มไปหมด เพราะเป็นเขตปกครองพิเศษ และอยู่ค่อนข้างห่างไกลจากอินเดียกลางๆที่เรารู้จัก แถมไม่ไกลมากแค่ข้ามเขาก็จะเป็นประเทศปากีสถานแล้ว ดังนั้นเมืองเลห์จะมีทหารอยู่เต็มไปหมด เอาจริงๆเรารู้สึกว่าปลอดภัยดี 555
สนามบินเลห์เล็กมากเล็กกว่าเชียงใหม่อีก มีประมาณ 2 สายพานสั้นๆ เท่านั้น พอออกตม.มาได้ รถมินิบัสก็มารอรับเราอยู่ อึ้งแรกของเมิร์ฟคือคนขับตัวเล็กๆ ผอมๆ ยกกระเป๋าเดินทาง 28 นิ้ว 18 กิโลขึ้นหลังคารถอย่างสบายๆนางเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน พอโหลดของเสร็จ เราก็ไปที่พักกันเลยค่ะซึ่งห่างไปประมาณ 20 นาที ตอนนี้เป็นเวลาประมาณ 9 โมงเช้า พี่ๆเค้าให้เราเข้าเชคอินโรงแรมและให้ทุกคนนอนพักผ่อน ห้ามอาบน้ำ แล้วค่อยตื่นมาเที่ยวกันอีกทีช่วงบ่าย เนื่องจากต้องให้ร่างกายพักผ่อนและปรับตัวกับที่สูงก่อน ซึ่งพี่ๆเค้าบอกว่าถ้าใครมีอาการเรื่องความสูง จะมีอาการตั้งแต่ช่วงตื่นมานี้เลย ถ้าเป็นมากก็จะต้องพาไปโรงพยาบาลให้หมอฉีดยาและนอน Admit ดม Oxygen กันไป แถมถ้าเป็นเยอะอาจจะไม่ได้ไปเที่ยววันอื่นๆด้วยเพราะแต่ละที่ที่จะไปจะยิ่งสูงขึ้นไปเรื่อยๆ เมิร์ฟเลยภาวนาและรีบนอนปฏิบัติตัวอย่างเคร่งครัดตามที่พี่ๆเค้าบอก ก็ไม่อยากป่วยนี่นา

ข้อควรระวัง เมื่อมาถึงเมืองเลห์แล้วควรปฏิษัติตัวดังนี้
1) อย่าลืมหายใจ เพราะปกติเราอยู่เมืองไทย เราจะหายใจบ้างไม่หายใจบ้างแต่เราไม่รู้สึกตัวเพราะเป็นที่ลุ่มมีอ๊อกซิเจนสูงเราเลยไม่รู้สึกอะไร แต่พอมาอยู่ที่นี่ การหายใจให้ลึกๆสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญ
2) พยายามทำอะไรอย่างเชื่องช้า เพราะมันเหนื่อยง่ายจริงๆ ทำตัวให้เหมือนตัวสลอต
3) จิบน้ำบ่อยๆ
4) ทานยา Diamox เพื่อป้องกันการแพ้ความสูง
5) ทำตามที่ไกด์บอกอย่างเคร่งครัด เพราะเค้ามีประสบการณ์และเห็นลูกทัวร์ดื้อๆมาเยอะแล้ว ป่วยแล้วจะไม่สนุกเอา

วันนี้เราจะนอนกันที่ New Antelop Hotel ห้องนอนโอเค มีน้ำอุ่นให้อาบ อยู่ใกล้ถนนคนเดิน (Main Barzar) เดินไปแป๊บเดียวก็ถึง แถมวิวหน้าโรงแรมสามารถมองเห็น Leh Palace ที่เป็นที่เที่ยวสำคัญของเมืองด้วย ตรงข้ามโรงแรมมีคาเฟ่ให้นั่งด้วย แต่เมิร์ฟไม่ได้เข้าไปลองดูเลยค่ะ ง่วงนอนทุกวัน

  
ชื่อสินค้า:   เลห์ ลาดักห์,Leh Ladakh,india,อินเดีย,north india
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่