สำหรับแฟนละครกลิ่นกาสะลอง “ซ้องปีบ” ตัวร้ายในละครเรื่องนี้ คงเป็นคนที่ใครหลายคนคงไม่ปรารถนาให้มีตัวตนมาใช้ชีวิตอยู่ข้างๆกาย แต่ถ้ามองโลกผ่านสายตาของซ้องปีบ เธอคงไม่คิดว่าตนเองผิดอะไร เพราะสิ่งที่ซ้องปีบทำไป เธอทำทุกอย่างเพื่อสนับสนุนความพึงพอใจและ #ค่านิยม ของตนเอง
.
ตั้งแต่ซ้องปีบเติบโตขึ้นมา ซ้องปีบเชื่อมั่นเสมอว่าเธออยู่ในฐานะที่สามารถจะทำอะไรก็ได้ตามที่ใจปรารถนา เพราะไม่ว่าเธอจะ ต้องการ “อะไร” หรือ “ใคร” ซ้องปีบย่อมต้องได้อย่างที่ใจเธอต้องการ
.
โดยเฉพาะคนที่สนับสนุนความคิดนี้ของเธอมาตลอดเวลาคือพ่อ “นายแคว้นมั่ง” ผู้ที่รักและเลี้ยงดูซ้องปีบมา เพราะ ซ้องปีบเป็นลูกที่ได้ดั่งใจและเป็นที่เชิดหน้าชูตา จึงไม่เคยที่จะขัดใจ ไม่เคยว่าและทำทุกอย่างเพื่อสนับสนุนให้ซ้องปีบได้มาซึ่งสิ่งที่เธอต้องการ แตกต่างจาก ”กาสะลอง” ลูกสาวอีกคนที่ทำอะไรก็พลอยขัดหูขัดตา ยิ่งมีเหตุที่ทำให้พ่อเข้าใจผิดคิดว่า กาสะลองทำความผิดร้ายแรงจนไม่สามารถให้อภัย ยิ่งทำให้นายแคว้นมั่งผลักไสและไม่เคยเห็นกาสะลองเป็นลูกอีกคนหนึ่งในสายตา
.
เมื่อค่านิยมในการมีชีวิตอยู่ของซ้องปีบคือ “Achievement” มุ่งมั่นไปที่ความสำเร็จและชัยชนะจากอุปสรรคทั้งหลาย ซ้องปีบจึงไม่เคยลังเลใจที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาเพื่อให้ตนเองบรรลุเป้าหมายที่ตนเองต้องการ โดยไม่เคยสนใจเลยว่าวิธีการที่จะได้มาซึ่งสิ่งนั้น จะได้มาจากการทำร้ายและทำลายใครบ้าง แม้กระทั่ง “กาสะลอง” พี่สาวฝาแฝดของซ้องปีบเอง
.
เพราะไม่ว่าสิ่งใดเมื่อมากเกินไปย่อมมีผลร้าย
เมื่อ “Achievement” ซึ่งเป็นค่านิยมที่ดีนำมาซึ่งผลร้าย
.
เปรียบเช่นเดียวกับในชีวิตการทำงาน ผู้ที่มีค่านิยมในการทำงาน “Achievement” ที่มากเกินไป จึงมักจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งความสำเร็จและบรรลุเป้าหมาย จนขาดคุณธรรม ไม่สนใจวิธีการและคนรอบข้างที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำของตน
.
เมื่อมีคนตักเตือนไป ผู้ที่มีค่านิยม“Achievement” และยึดมั่นไว้มากเกินไป จึงมักจะสงสัยและคิดในว่า “ก็ปกตินี่” เป็นเรื่องที่จำเป็นต้องทำเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ถึงจะกระทบจิตใจใครก็ไม่เห็นเป็นไร ในเมื่อทำไปเพื่อผลงานและเป็นผลดีกับบริษัทด้วยซ้ำ สุดท้ายเมื่อยึดมั่นเกินไป ผลลัพธ์ทำได้ แต่คนรอบกายต่างส่ายหน้าเอือมระอาจนไม่อยากร่วมงานด้วย
.
เมื่อ “ความรัก” ซึ่ง ถ้ามากเกินไปก็มักจะทำลาย
.
เฉกเช่นเดียวกับ นายแคว้นมั่ง ”พ่อ” ของ กาสะลองและซ้องปีบ “หัวหน้างาน”ที่มีลูกน้องอยู่ในปกครอง ย่อมปฏิเสธได้ยากว่าในสายตาของตน ย่อมมีลูกน้องบางคนที่ได้รับบท “ลูกรัก” ที่มีผลงานดีเสมอมา ทำงานได้บรรลุเป้าหมายทุกอย่าง จนอดไม่ได้ที่จะให้ความรักและความไว้วางใจ และไม่อยากจะว่ากล่าวตักเตือนให้ “ลูกรัก” เสียใจ แต่หัวหน้าที่ดีนอกจากความรักที่มีให้ ต้องมีใจที่เป็นธรรม ยึดมั่นในหลักการและมีความยุติธรรมให้กับทุกคน เพราะนอกจาก”ลูกรัก” จงอย่าลืมว่าสมาชิกในทีมคนอื่นๆ ก็มีค่าและมีความสำคัญกับทีมไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
.
เพราะชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร ในบางครั้งตัวเราเองก็เป็นเพื่อนร่วมงานแบบ”ซ้องปีบ” ที่อยากบรรลุเป้าหมายจนไม่สนใจคุณธรรมใดๆ ในบางครั้งเราก็เป็นหัวหน้างานแบบ “นายแคว้นมั่ง’ ที่อดจะเข้าข้างลูกน้องที่เรารักเราไว้วางใจมากกว่าคนที่ทำงานไม่เข้าตาเรา จนเผลอไปทำร้ายและทำลาย “กาสะลอง” ผู้ร่วมงานแสนดีที่มีอยู่ในชีวิตจริง
ย้อนไปอ่านมองโลกในสายตาของ "กาสะลอง"
https://pantip.com/topic/39061401
.
#ดูกลิ่นกาสะลอง แล้วมองย้อนดูตัว
#สับสนทางปัญญา เพราะรักญาญ่าแต่ชังซ้องปีบ
------------------------------------
Credit content by: FB coach for goal
https://www.facebook.com/coachforgoalgroup/posts/487558678659701?__tn__=K-R
Photo: ละครกลิ่นกาสะลอง ช่องสาม
กลิ่นกาสะลอง กรณีศึกษาเมื่อมองโลกในสายตาของ “ซ้องปีบ”
.
ตั้งแต่ซ้องปีบเติบโตขึ้นมา ซ้องปีบเชื่อมั่นเสมอว่าเธออยู่ในฐานะที่สามารถจะทำอะไรก็ได้ตามที่ใจปรารถนา เพราะไม่ว่าเธอจะ ต้องการ “อะไร” หรือ “ใคร” ซ้องปีบย่อมต้องได้อย่างที่ใจเธอต้องการ
.
โดยเฉพาะคนที่สนับสนุนความคิดนี้ของเธอมาตลอดเวลาคือพ่อ “นายแคว้นมั่ง” ผู้ที่รักและเลี้ยงดูซ้องปีบมา เพราะ ซ้องปีบเป็นลูกที่ได้ดั่งใจและเป็นที่เชิดหน้าชูตา จึงไม่เคยที่จะขัดใจ ไม่เคยว่าและทำทุกอย่างเพื่อสนับสนุนให้ซ้องปีบได้มาซึ่งสิ่งที่เธอต้องการ แตกต่างจาก ”กาสะลอง” ลูกสาวอีกคนที่ทำอะไรก็พลอยขัดหูขัดตา ยิ่งมีเหตุที่ทำให้พ่อเข้าใจผิดคิดว่า กาสะลองทำความผิดร้ายแรงจนไม่สามารถให้อภัย ยิ่งทำให้นายแคว้นมั่งผลักไสและไม่เคยเห็นกาสะลองเป็นลูกอีกคนหนึ่งในสายตา
.
เมื่อค่านิยมในการมีชีวิตอยู่ของซ้องปีบคือ “Achievement” มุ่งมั่นไปที่ความสำเร็จและชัยชนะจากอุปสรรคทั้งหลาย ซ้องปีบจึงไม่เคยลังเลใจที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาเพื่อให้ตนเองบรรลุเป้าหมายที่ตนเองต้องการ โดยไม่เคยสนใจเลยว่าวิธีการที่จะได้มาซึ่งสิ่งนั้น จะได้มาจากการทำร้ายและทำลายใครบ้าง แม้กระทั่ง “กาสะลอง” พี่สาวฝาแฝดของซ้องปีบเอง
.
เพราะไม่ว่าสิ่งใดเมื่อมากเกินไปย่อมมีผลร้าย
เมื่อ “Achievement” ซึ่งเป็นค่านิยมที่ดีนำมาซึ่งผลร้าย
.
เปรียบเช่นเดียวกับในชีวิตการทำงาน ผู้ที่มีค่านิยมในการทำงาน “Achievement” ที่มากเกินไป จึงมักจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งความสำเร็จและบรรลุเป้าหมาย จนขาดคุณธรรม ไม่สนใจวิธีการและคนรอบข้างที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำของตน
.
เมื่อมีคนตักเตือนไป ผู้ที่มีค่านิยม“Achievement” และยึดมั่นไว้มากเกินไป จึงมักจะสงสัยและคิดในว่า “ก็ปกตินี่” เป็นเรื่องที่จำเป็นต้องทำเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ถึงจะกระทบจิตใจใครก็ไม่เห็นเป็นไร ในเมื่อทำไปเพื่อผลงานและเป็นผลดีกับบริษัทด้วยซ้ำ สุดท้ายเมื่อยึดมั่นเกินไป ผลลัพธ์ทำได้ แต่คนรอบกายต่างส่ายหน้าเอือมระอาจนไม่อยากร่วมงานด้วย
.
เมื่อ “ความรัก” ซึ่ง ถ้ามากเกินไปก็มักจะทำลาย
.
เฉกเช่นเดียวกับ นายแคว้นมั่ง ”พ่อ” ของ กาสะลองและซ้องปีบ “หัวหน้างาน”ที่มีลูกน้องอยู่ในปกครอง ย่อมปฏิเสธได้ยากว่าในสายตาของตน ย่อมมีลูกน้องบางคนที่ได้รับบท “ลูกรัก” ที่มีผลงานดีเสมอมา ทำงานได้บรรลุเป้าหมายทุกอย่าง จนอดไม่ได้ที่จะให้ความรักและความไว้วางใจ และไม่อยากจะว่ากล่าวตักเตือนให้ “ลูกรัก” เสียใจ แต่หัวหน้าที่ดีนอกจากความรักที่มีให้ ต้องมีใจที่เป็นธรรม ยึดมั่นในหลักการและมีความยุติธรรมให้กับทุกคน เพราะนอกจาก”ลูกรัก” จงอย่าลืมว่าสมาชิกในทีมคนอื่นๆ ก็มีค่าและมีความสำคัญกับทีมไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
.
เพราะชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร ในบางครั้งตัวเราเองก็เป็นเพื่อนร่วมงานแบบ”ซ้องปีบ” ที่อยากบรรลุเป้าหมายจนไม่สนใจคุณธรรมใดๆ ในบางครั้งเราก็เป็นหัวหน้างานแบบ “นายแคว้นมั่ง’ ที่อดจะเข้าข้างลูกน้องที่เรารักเราไว้วางใจมากกว่าคนที่ทำงานไม่เข้าตาเรา จนเผลอไปทำร้ายและทำลาย “กาสะลอง” ผู้ร่วมงานแสนดีที่มีอยู่ในชีวิตจริง
ย้อนไปอ่านมองโลกในสายตาของ "กาสะลอง"
https://pantip.com/topic/39061401
.
#ดูกลิ่นกาสะลอง แล้วมองย้อนดูตัว
#สับสนทางปัญญา เพราะรักญาญ่าแต่ชังซ้องปีบ
------------------------------------
Credit content by: FB coach for goal
https://www.facebook.com/coachforgoalgroup/posts/487558678659701?__tn__=K-R