เจ้าหน้าที่สายการบิน Thai lion air ปรักปรำความเป็นตาเเดงใส่ ทั้งที่ไม่ได้เป็นตาเเดง ทำให้ไม่สามารถเดินทางได้ เสียทั้งเวลา เสียสุขภาพจิต เสียความรู้สึก เเละต้องมาเสียเงินอีกหลายต่อด้วย ทั้งที่ไม่สมควรจะเสียอะไรเลยด้วยซ้ำ !!!
มีเหตุการณ์เเบบนี้เกิดขึ้นกับเราเเละกลุ่มเพื่อน ไม่รู้ว่าเพื่อนๆเคยเจอหรือเปล่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 10 Jul 2019 เวลา 18:00 น.
ณ.ท่าอากาศยานหาดใหญ่
Flight ที่ : SL 719 (ซึ่งเป็น Flight เที่ยวบินสุดท้ายของ Thai lion air วันนี้ )
เราเเละกลุ่มเพื่อนได้ออกเดินทางจากงานเเต่งเพื่อนที่จังหวัดสตูลมุ่งหน้าไปท่าอากาศยานหาดใหญ่เพื่อกลับไปทำหน้าที่ต่อยัง กทม.
เกิดเหตุการณ์ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับเพื่อนคนนึงในกลุ่มพวกเรา ซึ่งเป็นอะไรที่ให้ความรู้สึกเเย่มากกับทางสายการบิน Thai lion air
เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อมาถึงจุด Check in เราเเละเพื่อนก็ไป Check in ปกติ เเละ เจ้าหน้าที่ก็ถามเราว่า
จนท.จุด check in : เพื่อนคนนั้นตาเป็นอะไร
เรา : เพื่อนมีอาการเคืองตา เนื่องจากการใส่ Contact lens คะ
จนท.จุด check in : ตาแดงมากไหมคะ
เรา : ไม่มากคะ เหตุเกิดจาก Contact lens คะ
ปกติเพื่อนจะใส่เเว่น เเต่ว่าวันนี้เราไปงานเเต่งกัน เพื่อนเลยใส่ Contact lens ปกติไม่ได้ใส่เลย เเต่วันนี้ใส่เพื่อจะได้ถ่ายรูปสวยๆ
เเต่พอใส่ก็เกิดอาการระคายเคืองเลยถอดเเล้วใส่เเว่นปกติคะ เกิดการเคืองตา เมื่อ1 ชั่วโมงก่อนหน้านี่เองคะ
จนท.จุด check in : รู้สึกเหมือนเพื่อนจะตาเเดงทั้ง 2 ข้างนะคะ
ถ้าผู้โดยสารเป็นตาเเดง ไม่สามารถอนุญาตให้เดินทางได้นะคะ เป็นมานานหรือยังคะ
เรา : ก่อนหน้า 1 ชั่วโมงคะ เเล้วก็ซื้อยาหยอดตาเรียบร้อยเเล้วคะ ไม่เป็นอะไรมาก (ร้านยาที่ซื้ออยู่ตรงข้ามกับจุด Chek in ที่สนามบิน)
จนท.จุด check in : เอ่อ . งั้นรบกวนผู้โดยสารพาเพื่อนไปตรวจตรงห้องพยาบาลของทางสนามบินก่อนนะคะ เเล้วบอกให้พยาบาลโทรไปยืนยันกับทาง Flight บินด้วยนะคะ เพื่อยืนยันว่าเพื่อนไม่ได้เป็นตาเเดง ( เเล้ว พนง.ก็ประสานงานไปยัง Flight บินเที่ยวนั้น )
เรา : ได้คะ
เจ้าหน้าที่รับฟังเหตุผลเเต่เพื่อความชัวร์เลยให้พวกเราพาเพื่อนมาตรวจตา พวกเราก็พาเพื่อนมาตรวจตาที่ห้องพยาบาลของสนามบินโดยดี ด้วยความบริสุทธิใจ เพราะพวกเรารู้ดีว่าเพื่อนไม่ได้เป็นตาเเดง เเละสิ่งที่พวกเราคิดคือ คุณพยาบาลตรวจเเละพบว่า เพื่อนไม่ได้เป็นตาเเดง เเละโทร Confirm กับทาง Flight เเละพวกเราได้เดินทางปกติ
มาถึงห้องพยาบาล สิ่งที่เกิดขึ้นกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น !!!
เรา : สวัสดีคะ ขอโทษนะคะ คือ จนท.จุด Check in ให้พาเพื่อนมาหาพยาบาลเพื่อประเมินอาการเบื้องต้นให้หน่อยคะ ว่าเพื่อนเป็นตาเเดงหรือไม่
(เเล้วก็เล่าถึงสาเหตุตามข้างต้น ของอาการตาอักเสบให้คุณพยาบาลทราบ พวกเราคิดว่า พยาบาลจะรับฟังเหตุและผลของพวกเราเเละนำไปพิจารณา เเต่ First impression เเรกที่เจอ พยาบาลดูมึนๆ งงๆ ทำอะไรเชื่องช้า รับฟังนะคะ เเต่กว่าจะมาดำเนินการ ใช้เวลาประมาณ 5 นาที )
พยาบาล : มีจนท.ทางสายการบินมาด้วยหรือเปล่าคะ
เรา : ไม่ได้มาด้วยคะ เเจ้งเเต่เพียงให้คุณพยาบาลช่วยตรวจเเละประเมินให้หน่อย เเล้วให้โทรไปยืนยันกับทาง Flight บินด้วยคะว่าผู้โดยสารไม่ได้เป็นตาเเดง
( คุณพยาบาลก็เดินมาเเค่มองหน้าเพื่อนเหมือนเเค่สังเกตไม่ได้มาตรวจหรือส่องเเต่อย่างใด)
พยาบาล : อาการนี้ไม่สามารถประเมินได้คะ ถ้าตามที่เเจ้งมาข้างต้น เนื่องจากน้องมีอาการตาเเดงทั้งสองข้าง ต้องไปพบคุณหมอนะคะ เพื่อให้คุณหมอตรวจก่อนคะ เพื่อยืนยัน ว่าไม่ได้เป็นตาเเดง และเอาใบรับรองแพทย์มายื่น
เราเเละเพื่อนๆ : อ้าว !! เเล้วคุณหมอที่นี่มีหรือเปล่าคะ ?
พยาบาล : ไม่มีคะ ต้องไปตรวจที่สถานพยาบาลด้านนอก
เราเเละเพื่อนๆ : อยู่ห่างจากสนามบินเยอะไหมคะ ไกลหรือเปล่า ?
พยาบาล : ห่างเยอะอยู่คะ
( เเล้วก็ไม่พูดอะไรกับพวกเราต่อรีบไปโทรประสานงานกับทาง Flight บิน Thai lion air ทันที จากที่ฟัง ทางคุณพยาบาลพูดว่า : Case นี้ ไม่สามารถประเมินได้ว่าเป็นตาเเดงหรือไม่ บลาๆๆๆๆ เเล้วเเจ้งให้ พนง. Thai lion air มาเจรจากับพวกเรา )
เหตุการณ์ระหว่างการโทรประสานงานนั้นใช้เวลาประมาณเกือบ 15 นาที ซึ่งใช้เวลาเจรจาจนถึงเวลาที่พวกเราจะขึ้นเครื่องเเล้ว คือมีการประกาศจากเที่ยวบินให้มาขึ้นเครื่อง เเต่เพื่อนยังไม่ได้ข้อสรุปไดๆ ...
ได้เเค่ยืนรอคุณพยาบาลคุยโทรศัพท์ประสานงาน
เพื่อนๆทุกคนก็ งง สรุปว่า เพื่อนจะได้ขึ้นเครื่องหรือไม่ !! เพราะนี่มันถึงเวลาเเล้ว จะมาเสียเวลาอยู่ตรงนี้ไม่ได้เเล้ว
อีกอย่างเที่ยวบินนี้เป็นเที่ยวบินสุดท้าย ถ้าไปหาหมอ ตรวจรักษาเพื่อเอาใบรับรองเเพทย์มายืนยัน สถานพยาบาลก็อยู่ข้างนอก ห่างจากสนามบินหลายกิโล เเล้วหากกลับมาไม่ทัน สถานเดียวคือต้องตกเครื่อง !!!
พยาบาลวางสายพร้อมกับมี จนท.Thai lion air เดินมา
พวกเราคิดอีกว่าพวกเราคงได้ขึ้นเครื่องเเล้วละ คิดว่าเจ้าหน้าที่จะรับฟังเหตุผล สรุปเจ้าหน้าที่มาถึงเเจ้งว่า
" หากผู้โดยสารเป็นตาเเดงไม่สามารถเดินทางกับ Flight บิน
วันนี้ได้นะคะ ! ต้องเลื่อนเป็น Flight อื่นคะ เเละต้องรอให้หายการเป็นตาเเดงก่อนนะคะเพื่อป้องกันการเเพร่เชื้อไปยังผู้โดยสารท่านอื่นค่ะ "
เราเเละเพื่อน : อ้าว !! เเต่เพื่อนไม่ได้เป็นตาเเดงนะคะ ( เราเเละเพื่อนๆก็ได้อธิบายสาเหตุให้ฟังอีกรอบ เเต่ทาง จนท.ไม่รับฟังเหตุผลจากทางเรา )
จนท. : มันเป็นกฎของสายการบินคะ ผู้โดยสารมากันกี่ท่านคะ
เราเเละเพื่อน : มากัน 6 คนคะ เเต่เพื่อนเราไม่ได้เป็นตาเเดงนะคะ
เเล้วคุณพยาบาลก็บอกว่าไม่สามารถประเมินได้ว่าเป็นตาเเดงหรือเปล่าด้วย คุณจะมาเปลี่ยน Flight บินของเราได้ยังไง งั้นคุณก็มั่วไปเองถูกต้องไหมคะ ?
(เราเเละเพื่อนๆโทนเสียงเริ่มแข็งขึ้นเเล้ว !!
เเละเพื่อนร่วมทางส่วนนึงไม่สามารถหยุดงานได้เราเลยเเบ่งกลุ่มตือเดินทางกลับ 3 คนเเละอยู่เป็นเพื่อนกัน 3 คน จากนั้นเพื่อนอีก 3 คนก็เเยกย้ายไป ขึ้นเครื่องเพื่อทำหน้าที่ต่อ เหลือเราเเละเพื่อนอีก 2 คน)
จนท. : เหตุการณ์นี้ สามารถเปลี่ยนเป็น Flight พรุ่งนี้ทั้งหมดได้คะ เเต่วันนี้ผู้โดยสารที่เป็นตาเเดงไม่สามารถอนุญาตให้เดินทางได้จริงๆคะ
เรา : เเล้วถ้าเอาใบรับรองเเพทย์มาให้ เเล้วระบุว่าเพื่อนไม่ได้เป็นตาเเดงจริงๆ เเล้วใครจะรับผิดชอบคะ ? คุณ หรือทางสายการบิน ?
(พนง.เงียบไม่สามารถตอบคำถามข้อนี้ได้ ได้เเต่ย้ำอยู่เเค่มันเป็นกฎของการสายการบิน !!)
อีกประเด็นที่เราไม่พอใจ คือ สนามบินที่สำคัญอย่างสนามบินนานาชาติหาดใหญ่สามารถปฎิเสธการเดินทางด้วยข้อกล่าวหาอันเลื่อนลอยเเบบนี้มันเหมาะสมเเล้วหรือ ถ้าเราเพิ่งเลิกกับเเฟน .. เเล้วเราร้องไห้ตาเเดง เราก็ไม่มีสิทธิเดินทางใช่ไหม !!! เเละอะไรคือมาตรฐานในการวินิจฉัย ว่าคุณเป็นโรคตาเเดง
(ซึ่งอาจทำให้ผู้โดยสารคนอื่นเดือนร้อน !!!) หรือคุณไม่มีอาการที่เป็นอันตรายใดๆ
นี่เรามาถึงจุดที่ต้องให้พยาบาลที่ไม่มีคุณวุฒิที่เหมาะสมมาสร้างความเสียหาย ณ สถานที่ซึ่งสำคัญระดับสนามบินนานาชาติเชียวหรือ
โอเค เรายอมเสียเวลาเนื่องจากเข้าใจกฎของทางฝั่งสายการบิน เเล้วฝั่งเราล่ะสายการบินเข้าใจเราว่าไงบ้าง !!
แล้วคือถ้าเรารู้ว่าเราเสี่ยงจะไม่ได้เดินทาง เราก็เอาใบรับรองเเพทย์มาด้วยตั้งเเต่เเรกเเล้วสิ เเล้ว พนง.ก็บอกกับเราว่า ถ้าหากต้องการเดินทาง Flight บินวันถัดไป ทางสายการบินจะรับผิดชอบเรื่องค่าธรรมเนียมให้
เรา : เสียเเค่ค่าธรรมเนียมให้ นั่นหมายความว่าไงคะ ?
คือ เฉพาะเเค่ค่าธรรมเนียมของ Flight บินรอบวันต่อไปเเล้วส่วนต่างราคาค่าเดินทางใน Flight นั้นเราต้องเป็นคนออกเองถูกต้องใช่ไหมคะ
พนง. : ใช่คะ ทางสายการบินรับผิดชอบออกค่าธรรมเนียมให้ เเต่คุณลูกค้าจะต้องชำระเพิ่มคนละ 700 เเต่อันที่จริงอนุญาตเเค่เพื่อนคนที่เป็นตาเเเดงอยู่ได้เเค่คนเดียวนะคะ !!
เพื่อน : เพื่อนก็เเจ้งว่าอยู่ไม่ได้เพราะว่าไม่รู้จักใครที่นี่เลย เเละไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหนเดินทางยังไง ขอมีเพื่อนอยู่ด้วยจะสบายใจกว่า
เรา เเละเพื่อน : ทำไมต้องมาชำระเพิ่มคนละ 700 ในเมื่อทางเราไม่ได้เป็นตาเเดง เเต่เนื่องจากเราก็เข้าใจมุมมองทางฝั่งคุณในกฎที่คุณได้ทำการอ้างมา หากผู้โดยสารเป็นตาเเดงจริงก็อาจจะเเพร่เชื้อเเก่ผู้โดยสารท่านอื่นได้!! อันนี้เข้าใจ
เราเข้าใจฝั่งคุณเเล้ว เเล้วทางเราก็ยอมที่จะเสียเวลาเสียงานให้กับการวินิจฉัยห่วยๆของคุณ ทั้งๆที่เราไม่ได้เป็นตาเเดงตามที่คุณกล่าวหา
เเต่ เเล้วทางสายการบินเข้าใจเรายังไง ทำไมคุณไม่รับผิดชอบฝั่งเราให้มากกว่านี้ เช่นใช้ตั๋วเดิมที่เรามีเเละชำระเงินไปเเล้ว
ประเด็นที่เพิ่มมาคือ เราไม่โอเคที่จะต้องมาจ่ายเงินเพิ่ม เพราะจากสิ่งที่คุณอ้างว่าทำตามกฎ วันนี้ทำให้เราเดือดร้อนมากพออยู่เเล้ว เนื่องจากบ้านเราไม่ได้อยู่เเถวนี้เเละไม่รู้จักใคร เราต้องเดินทางไปหาโรงเเรม จ่ายค่าที่พัก ค่าโดยสาร เเละต้องไปเสียค่าหมอเพื่อได้ใบรับรองเเพทย์มา ถ้าผลออกมาว่าไม่ได้เป็นตาเเดง คุณหรือทางสายการบินต้องรับผิดชอบค่าเสียผลประโยชน์ให้มากกว่านี้ !! เเต่ถ้าเพื่อนเราเป็นตาเเดงจริง Case นี้ทางเราโอเค ยอมจ่ายได้ !!
"หลังเจรจากันอยู่พักใหญ่ เรื่องมันไม่จบเพียงเเค่นั้น !!"
ทาง จนท.กลับเเจ้งมาใหม่ซึ่งบิดเบือนจากที่เคลียร์กันไว้คือ
พนง.คนนึงพูดว่า : ขออนุญาตเเจ้งนิดนึงนะคะ
เนื่องจาก Flight บินในวันพรุ่งนี้ หลังจากทางสายการบินรับผิดชอบค่าหักธรรมเนียมเรียบร้อยเเล้ว ผู้โดยสารจะต้องออกเงินชำระเพิ่มอีกคนละ 1,200 บาท เเละก่อนการเดินทางจะต้องเอาใบรับรองเเพทย์มายื่นด้วย !!
เราเเละเพื่อน : ไม่โอเคคะ ทำไมต้องมาจ่ายเพิ่มคะ เราไม่ได้ทำผิดอะไร เพราะฉนั้นทางสายการบินต้องรับผิดชอบให้เรานะคะ โดยราคาตั๋วเดินเท่าเดิมตามที่เราได้ทำการจองเเล้วชำระเงินไปเรียบร้อยเเล้ว ไม่ใช่ให้เรามาจ่ายเพิ่ม !!!! เเล้วตอนเเรกบอกจ่ายเพื่มคนละ 700 เเต่นี่มาเปลี่ยนเป็น 1,200.- (คือเสียงไม่โอเคอย่างรุนเเรง !!! )
พนง. : งั้นอนุญาตให้อยู่ได้เป็นเพื่อนเเค่คนเดียวนะคะ (เพิ่งมาเอ่ยปากบอก)
เรา : อ้าวคุณ !! เเล้วทำไมเพิ่งมาเอ่ยปากเเจ้งละคะ เพื่อนคนอื่นเค้าขึ้นเครื่องหมดเเล้ว หืมม ..ยืนเจรจา เวลาผ่านไป 10 นาทีละ เพิ่งมาบอก (เรานี่วิ่งหางจุกตูดเลย ..ละเครื่องก็จะออกละ เราก็รีบโทรประสานงานกับเพื่อนทันใด) คุณน่าจะเเจ้งตั้งเเต่เเรก นี่ถ้าเครื่องออกไปเเล้ว นั่นหมายความว่าเราต้องตกเครื่องและซื้อตั๋วใหม่ ถูกม่ะ !! และทางคุณก็มาบอกว่าไม่รับผิดชอบเราด้วย คุณพนง.ก็คุณคือเเบบทำงานสมองกระเตื้องเชื่องช้า เเย่มาก ทำงานได้เเย่ไม่เเพ้คุณพยาบาลเลยทีเดียว
สุดท้ายเพื่อนเราต้องจ่ายเงินเพิ่มให้กับทางสายการบินอีก 2,400.- เเล้วก็เเยกย้ายหาที่พัก รุ่งเช้าไปหาหมอเพื่อตรวจอาการให้เเน่ชัดเเละขอใบรับรองเเพทย์
(ความซวยซ้ำ ซวยซ้อน ยังไม่จบเพียงเเค่นั้น !! )
- Clinic เเรกไม่มีการออกใบรับรองเเพทย์ได้
- ไปต่อ Clinic ที่ 2 ปรากฎว่าไฟดับ !!
- ต่อด้วย Clinic ที่ 3 ถึงจะได้ใบรับรองเเพทย์มา !!!
เมื่อได้ใบรับรองเเพทย์มา มาถึงสนามบิน สอบถามถึง จนท.คนเมื่อวาน สรุปไม่ได้ความใดๆ ใบรับรองเเพทย์ที่ตระเวนหามาก็ไม่ได้ใช้ ก็มา Check in ตามปกติ และขึ้นเครื่องตามปกติ (ตาหายเป็นปกติแล้ว เพราะได้พัก 1 คืน)
สรุปคืออะไร .. นี่มันวันอะไร พวกเราก้าวขาไหนออกจากบ้านวะเนี๊ยะ !! ถึงได้เจอเหตุการณ์แบบนี้ วุ่นวายจิงๆ
สรุปค่าที่ไม่สมควรจะจ่ายคือ
ซื้อตั๋วใหม่ 2,400.- บาท
รวมค่าที่พัก 800.- บาท
ค่าโดยสาร 900.- บาท
ค่าพบเเพทย์ 500.- บาท
รวมเป็นเงิน ทั้งสิ้น 4,600.-บาท
แล้วทำไมเราต้องมาเดือนร้อนกับเรื่องเเบบนี้ด้วย หน่วยงานไหนจะมารับผิดชอบได้บ้าง !!!
เราไม่ได้เดินทางบ่อยเลยจะขอคำเเนะนำจากเพื่อนๆด้วยคะ
เจ้าหน้าที่สายการบิน Thai lion air ปรักปรำความเป็นตาเเดงใส่ ทั้งที่ไม่ได้เป็นตาเเดง ทำให้ไม่สามารถเดินทางได้
* กระทู้นี้สามารถใช้งานได้เฉพาะผู้ที่มี Link นี้เท่านั้นค่ะมีเหตุการณ์เเบบนี้เกิดขึ้นกับเราเเละกลุ่มเพื่อน ไม่รู้ว่าเพื่อนๆเคยเจอหรือเปล่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 10 Jul 2019 เวลา 18:00 น.
ณ.ท่าอากาศยานหาดใหญ่
Flight ที่ : SL 719 (ซึ่งเป็น Flight เที่ยวบินสุดท้ายของ Thai lion air วันนี้ )
เราเเละกลุ่มเพื่อนได้ออกเดินทางจากงานเเต่งเพื่อนที่จังหวัดสตูลมุ่งหน้าไปท่าอากาศยานหาดใหญ่เพื่อกลับไปทำหน้าที่ต่อยัง กทม.
เกิดเหตุการณ์ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับเพื่อนคนนึงในกลุ่มพวกเรา ซึ่งเป็นอะไรที่ให้ความรู้สึกเเย่มากกับทางสายการบิน Thai lion air
เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อมาถึงจุด Check in เราเเละเพื่อนก็ไป Check in ปกติ เเละ เจ้าหน้าที่ก็ถามเราว่า
จนท.จุด check in : เพื่อนคนนั้นตาเป็นอะไร
เรา : เพื่อนมีอาการเคืองตา เนื่องจากการใส่ Contact lens คะ
จนท.จุด check in : ตาแดงมากไหมคะ
เรา : ไม่มากคะ เหตุเกิดจาก Contact lens คะ
ปกติเพื่อนจะใส่เเว่น เเต่ว่าวันนี้เราไปงานเเต่งกัน เพื่อนเลยใส่ Contact lens ปกติไม่ได้ใส่เลย เเต่วันนี้ใส่เพื่อจะได้ถ่ายรูปสวยๆ
เเต่พอใส่ก็เกิดอาการระคายเคืองเลยถอดเเล้วใส่เเว่นปกติคะ เกิดการเคืองตา เมื่อ1 ชั่วโมงก่อนหน้านี่เองคะ
จนท.จุด check in : รู้สึกเหมือนเพื่อนจะตาเเดงทั้ง 2 ข้างนะคะ
ถ้าผู้โดยสารเป็นตาเเดง ไม่สามารถอนุญาตให้เดินทางได้นะคะ เป็นมานานหรือยังคะ
เรา : ก่อนหน้า 1 ชั่วโมงคะ เเล้วก็ซื้อยาหยอดตาเรียบร้อยเเล้วคะ ไม่เป็นอะไรมาก (ร้านยาที่ซื้ออยู่ตรงข้ามกับจุด Chek in ที่สนามบิน)
จนท.จุด check in : เอ่อ . งั้นรบกวนผู้โดยสารพาเพื่อนไปตรวจตรงห้องพยาบาลของทางสนามบินก่อนนะคะ เเล้วบอกให้พยาบาลโทรไปยืนยันกับทาง Flight บินด้วยนะคะ เพื่อยืนยันว่าเพื่อนไม่ได้เป็นตาเเดง ( เเล้ว พนง.ก็ประสานงานไปยัง Flight บินเที่ยวนั้น )
เรา : ได้คะ
เจ้าหน้าที่รับฟังเหตุผลเเต่เพื่อความชัวร์เลยให้พวกเราพาเพื่อนมาตรวจตา พวกเราก็พาเพื่อนมาตรวจตาที่ห้องพยาบาลของสนามบินโดยดี ด้วยความบริสุทธิใจ เพราะพวกเรารู้ดีว่าเพื่อนไม่ได้เป็นตาเเดง เเละสิ่งที่พวกเราคิดคือ คุณพยาบาลตรวจเเละพบว่า เพื่อนไม่ได้เป็นตาเเดง เเละโทร Confirm กับทาง Flight เเละพวกเราได้เดินทางปกติ
มาถึงห้องพยาบาล สิ่งที่เกิดขึ้นกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น !!!
เรา : สวัสดีคะ ขอโทษนะคะ คือ จนท.จุด Check in ให้พาเพื่อนมาหาพยาบาลเพื่อประเมินอาการเบื้องต้นให้หน่อยคะ ว่าเพื่อนเป็นตาเเดงหรือไม่
(เเล้วก็เล่าถึงสาเหตุตามข้างต้น ของอาการตาอักเสบให้คุณพยาบาลทราบ พวกเราคิดว่า พยาบาลจะรับฟังเหตุและผลของพวกเราเเละนำไปพิจารณา เเต่ First impression เเรกที่เจอ พยาบาลดูมึนๆ งงๆ ทำอะไรเชื่องช้า รับฟังนะคะ เเต่กว่าจะมาดำเนินการ ใช้เวลาประมาณ 5 นาที )
พยาบาล : มีจนท.ทางสายการบินมาด้วยหรือเปล่าคะ
เรา : ไม่ได้มาด้วยคะ เเจ้งเเต่เพียงให้คุณพยาบาลช่วยตรวจเเละประเมินให้หน่อย เเล้วให้โทรไปยืนยันกับทาง Flight บินด้วยคะว่าผู้โดยสารไม่ได้เป็นตาเเดง
( คุณพยาบาลก็เดินมาเเค่มองหน้าเพื่อนเหมือนเเค่สังเกตไม่ได้มาตรวจหรือส่องเเต่อย่างใด)
พยาบาล : อาการนี้ไม่สามารถประเมินได้คะ ถ้าตามที่เเจ้งมาข้างต้น เนื่องจากน้องมีอาการตาเเดงทั้งสองข้าง ต้องไปพบคุณหมอนะคะ เพื่อให้คุณหมอตรวจก่อนคะ เพื่อยืนยัน ว่าไม่ได้เป็นตาเเดง และเอาใบรับรองแพทย์มายื่น
เราเเละเพื่อนๆ : อ้าว !! เเล้วคุณหมอที่นี่มีหรือเปล่าคะ ?
พยาบาล : ไม่มีคะ ต้องไปตรวจที่สถานพยาบาลด้านนอก
เราเเละเพื่อนๆ : อยู่ห่างจากสนามบินเยอะไหมคะ ไกลหรือเปล่า ?
พยาบาล : ห่างเยอะอยู่คะ
( เเล้วก็ไม่พูดอะไรกับพวกเราต่อรีบไปโทรประสานงานกับทาง Flight บิน Thai lion air ทันที จากที่ฟัง ทางคุณพยาบาลพูดว่า : Case นี้ ไม่สามารถประเมินได้ว่าเป็นตาเเดงหรือไม่ บลาๆๆๆๆ เเล้วเเจ้งให้ พนง. Thai lion air มาเจรจากับพวกเรา )
เหตุการณ์ระหว่างการโทรประสานงานนั้นใช้เวลาประมาณเกือบ 15 นาที ซึ่งใช้เวลาเจรจาจนถึงเวลาที่พวกเราจะขึ้นเครื่องเเล้ว คือมีการประกาศจากเที่ยวบินให้มาขึ้นเครื่อง เเต่เพื่อนยังไม่ได้ข้อสรุปไดๆ ...
ได้เเค่ยืนรอคุณพยาบาลคุยโทรศัพท์ประสานงาน
เพื่อนๆทุกคนก็ งง สรุปว่า เพื่อนจะได้ขึ้นเครื่องหรือไม่ !! เพราะนี่มันถึงเวลาเเล้ว จะมาเสียเวลาอยู่ตรงนี้ไม่ได้เเล้ว
อีกอย่างเที่ยวบินนี้เป็นเที่ยวบินสุดท้าย ถ้าไปหาหมอ ตรวจรักษาเพื่อเอาใบรับรองเเพทย์มายืนยัน สถานพยาบาลก็อยู่ข้างนอก ห่างจากสนามบินหลายกิโล เเล้วหากกลับมาไม่ทัน สถานเดียวคือต้องตกเครื่อง !!!
พยาบาลวางสายพร้อมกับมี จนท.Thai lion air เดินมา
พวกเราคิดอีกว่าพวกเราคงได้ขึ้นเครื่องเเล้วละ คิดว่าเจ้าหน้าที่จะรับฟังเหตุผล สรุปเจ้าหน้าที่มาถึงเเจ้งว่า
" หากผู้โดยสารเป็นตาเเดงไม่สามารถเดินทางกับ Flight บิน
วันนี้ได้นะคะ ! ต้องเลื่อนเป็น Flight อื่นคะ เเละต้องรอให้หายการเป็นตาเเดงก่อนนะคะเพื่อป้องกันการเเพร่เชื้อไปยังผู้โดยสารท่านอื่นค่ะ "
เราเเละเพื่อน : อ้าว !! เเต่เพื่อนไม่ได้เป็นตาเเดงนะคะ ( เราเเละเพื่อนๆก็ได้อธิบายสาเหตุให้ฟังอีกรอบ เเต่ทาง จนท.ไม่รับฟังเหตุผลจากทางเรา )
จนท. : มันเป็นกฎของสายการบินคะ ผู้โดยสารมากันกี่ท่านคะ
เราเเละเพื่อน : มากัน 6 คนคะ เเต่เพื่อนเราไม่ได้เป็นตาเเดงนะคะ
เเล้วคุณพยาบาลก็บอกว่าไม่สามารถประเมินได้ว่าเป็นตาเเดงหรือเปล่าด้วย คุณจะมาเปลี่ยน Flight บินของเราได้ยังไง งั้นคุณก็มั่วไปเองถูกต้องไหมคะ ?
(เราเเละเพื่อนๆโทนเสียงเริ่มแข็งขึ้นเเล้ว !!
เเละเพื่อนร่วมทางส่วนนึงไม่สามารถหยุดงานได้เราเลยเเบ่งกลุ่มตือเดินทางกลับ 3 คนเเละอยู่เป็นเพื่อนกัน 3 คน จากนั้นเพื่อนอีก 3 คนก็เเยกย้ายไป ขึ้นเครื่องเพื่อทำหน้าที่ต่อ เหลือเราเเละเพื่อนอีก 2 คน)
จนท. : เหตุการณ์นี้ สามารถเปลี่ยนเป็น Flight พรุ่งนี้ทั้งหมดได้คะ เเต่วันนี้ผู้โดยสารที่เป็นตาเเดงไม่สามารถอนุญาตให้เดินทางได้จริงๆคะ
เรา : เเล้วถ้าเอาใบรับรองเเพทย์มาให้ เเล้วระบุว่าเพื่อนไม่ได้เป็นตาเเดงจริงๆ เเล้วใครจะรับผิดชอบคะ ? คุณ หรือทางสายการบิน ?
(พนง.เงียบไม่สามารถตอบคำถามข้อนี้ได้ ได้เเต่ย้ำอยู่เเค่มันเป็นกฎของการสายการบิน !!)
อีกประเด็นที่เราไม่พอใจ คือ สนามบินที่สำคัญอย่างสนามบินนานาชาติหาดใหญ่สามารถปฎิเสธการเดินทางด้วยข้อกล่าวหาอันเลื่อนลอยเเบบนี้มันเหมาะสมเเล้วหรือ ถ้าเราเพิ่งเลิกกับเเฟน .. เเล้วเราร้องไห้ตาเเดง เราก็ไม่มีสิทธิเดินทางใช่ไหม !!! เเละอะไรคือมาตรฐานในการวินิจฉัย ว่าคุณเป็นโรคตาเเดง
(ซึ่งอาจทำให้ผู้โดยสารคนอื่นเดือนร้อน !!!) หรือคุณไม่มีอาการที่เป็นอันตรายใดๆ
นี่เรามาถึงจุดที่ต้องให้พยาบาลที่ไม่มีคุณวุฒิที่เหมาะสมมาสร้างความเสียหาย ณ สถานที่ซึ่งสำคัญระดับสนามบินนานาชาติเชียวหรือ
โอเค เรายอมเสียเวลาเนื่องจากเข้าใจกฎของทางฝั่งสายการบิน เเล้วฝั่งเราล่ะสายการบินเข้าใจเราว่าไงบ้าง !!
แล้วคือถ้าเรารู้ว่าเราเสี่ยงจะไม่ได้เดินทาง เราก็เอาใบรับรองเเพทย์มาด้วยตั้งเเต่เเรกเเล้วสิ เเล้ว พนง.ก็บอกกับเราว่า ถ้าหากต้องการเดินทาง Flight บินวันถัดไป ทางสายการบินจะรับผิดชอบเรื่องค่าธรรมเนียมให้
เรา : เสียเเค่ค่าธรรมเนียมให้ นั่นหมายความว่าไงคะ ?
คือ เฉพาะเเค่ค่าธรรมเนียมของ Flight บินรอบวันต่อไปเเล้วส่วนต่างราคาค่าเดินทางใน Flight นั้นเราต้องเป็นคนออกเองถูกต้องใช่ไหมคะ
พนง. : ใช่คะ ทางสายการบินรับผิดชอบออกค่าธรรมเนียมให้ เเต่คุณลูกค้าจะต้องชำระเพิ่มคนละ 700 เเต่อันที่จริงอนุญาตเเค่เพื่อนคนที่เป็นตาเเเดงอยู่ได้เเค่คนเดียวนะคะ !!
เพื่อน : เพื่อนก็เเจ้งว่าอยู่ไม่ได้เพราะว่าไม่รู้จักใครที่นี่เลย เเละไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหนเดินทางยังไง ขอมีเพื่อนอยู่ด้วยจะสบายใจกว่า
เรา เเละเพื่อน : ทำไมต้องมาชำระเพิ่มคนละ 700 ในเมื่อทางเราไม่ได้เป็นตาเเดง เเต่เนื่องจากเราก็เข้าใจมุมมองทางฝั่งคุณในกฎที่คุณได้ทำการอ้างมา หากผู้โดยสารเป็นตาเเดงจริงก็อาจจะเเพร่เชื้อเเก่ผู้โดยสารท่านอื่นได้!! อันนี้เข้าใจ
เราเข้าใจฝั่งคุณเเล้ว เเล้วทางเราก็ยอมที่จะเสียเวลาเสียงานให้กับการวินิจฉัยห่วยๆของคุณ ทั้งๆที่เราไม่ได้เป็นตาเเดงตามที่คุณกล่าวหา
เเต่ เเล้วทางสายการบินเข้าใจเรายังไง ทำไมคุณไม่รับผิดชอบฝั่งเราให้มากกว่านี้ เช่นใช้ตั๋วเดิมที่เรามีเเละชำระเงินไปเเล้ว
ประเด็นที่เพิ่มมาคือ เราไม่โอเคที่จะต้องมาจ่ายเงินเพิ่ม เพราะจากสิ่งที่คุณอ้างว่าทำตามกฎ วันนี้ทำให้เราเดือดร้อนมากพออยู่เเล้ว เนื่องจากบ้านเราไม่ได้อยู่เเถวนี้เเละไม่รู้จักใคร เราต้องเดินทางไปหาโรงเเรม จ่ายค่าที่พัก ค่าโดยสาร เเละต้องไปเสียค่าหมอเพื่อได้ใบรับรองเเพทย์มา ถ้าผลออกมาว่าไม่ได้เป็นตาเเดง คุณหรือทางสายการบินต้องรับผิดชอบค่าเสียผลประโยชน์ให้มากกว่านี้ !! เเต่ถ้าเพื่อนเราเป็นตาเเดงจริง Case นี้ทางเราโอเค ยอมจ่ายได้ !!
"หลังเจรจากันอยู่พักใหญ่ เรื่องมันไม่จบเพียงเเค่นั้น !!"
ทาง จนท.กลับเเจ้งมาใหม่ซึ่งบิดเบือนจากที่เคลียร์กันไว้คือ
พนง.คนนึงพูดว่า : ขออนุญาตเเจ้งนิดนึงนะคะ
เนื่องจาก Flight บินในวันพรุ่งนี้ หลังจากทางสายการบินรับผิดชอบค่าหักธรรมเนียมเรียบร้อยเเล้ว ผู้โดยสารจะต้องออกเงินชำระเพิ่มอีกคนละ 1,200 บาท เเละก่อนการเดินทางจะต้องเอาใบรับรองเเพทย์มายื่นด้วย !!
เราเเละเพื่อน : ไม่โอเคคะ ทำไมต้องมาจ่ายเพิ่มคะ เราไม่ได้ทำผิดอะไร เพราะฉนั้นทางสายการบินต้องรับผิดชอบให้เรานะคะ โดยราคาตั๋วเดินเท่าเดิมตามที่เราได้ทำการจองเเล้วชำระเงินไปเรียบร้อยเเล้ว ไม่ใช่ให้เรามาจ่ายเพิ่ม !!!! เเล้วตอนเเรกบอกจ่ายเพื่มคนละ 700 เเต่นี่มาเปลี่ยนเป็น 1,200.- (คือเสียงไม่โอเคอย่างรุนเเรง !!! )
พนง. : งั้นอนุญาตให้อยู่ได้เป็นเพื่อนเเค่คนเดียวนะคะ (เพิ่งมาเอ่ยปากบอก)
เรา : อ้าวคุณ !! เเล้วทำไมเพิ่งมาเอ่ยปากเเจ้งละคะ เพื่อนคนอื่นเค้าขึ้นเครื่องหมดเเล้ว หืมม ..ยืนเจรจา เวลาผ่านไป 10 นาทีละ เพิ่งมาบอก (เรานี่วิ่งหางจุกตูดเลย ..ละเครื่องก็จะออกละ เราก็รีบโทรประสานงานกับเพื่อนทันใด) คุณน่าจะเเจ้งตั้งเเต่เเรก นี่ถ้าเครื่องออกไปเเล้ว นั่นหมายความว่าเราต้องตกเครื่องและซื้อตั๋วใหม่ ถูกม่ะ !! และทางคุณก็มาบอกว่าไม่รับผิดชอบเราด้วย คุณพนง.ก็คุณคือเเบบทำงานสมองกระเตื้องเชื่องช้า เเย่มาก ทำงานได้เเย่ไม่เเพ้คุณพยาบาลเลยทีเดียว
สุดท้ายเพื่อนเราต้องจ่ายเงินเพิ่มให้กับทางสายการบินอีก 2,400.- เเล้วก็เเยกย้ายหาที่พัก รุ่งเช้าไปหาหมอเพื่อตรวจอาการให้เเน่ชัดเเละขอใบรับรองเเพทย์
(ความซวยซ้ำ ซวยซ้อน ยังไม่จบเพียงเเค่นั้น !! )
- Clinic เเรกไม่มีการออกใบรับรองเเพทย์ได้
- ไปต่อ Clinic ที่ 2 ปรากฎว่าไฟดับ !!
- ต่อด้วย Clinic ที่ 3 ถึงจะได้ใบรับรองเเพทย์มา !!!
เมื่อได้ใบรับรองเเพทย์มา มาถึงสนามบิน สอบถามถึง จนท.คนเมื่อวาน สรุปไม่ได้ความใดๆ ใบรับรองเเพทย์ที่ตระเวนหามาก็ไม่ได้ใช้ ก็มา Check in ตามปกติ และขึ้นเครื่องตามปกติ (ตาหายเป็นปกติแล้ว เพราะได้พัก 1 คืน)
สรุปคืออะไร .. นี่มันวันอะไร พวกเราก้าวขาไหนออกจากบ้านวะเนี๊ยะ !! ถึงได้เจอเหตุการณ์แบบนี้ วุ่นวายจิงๆ
สรุปค่าที่ไม่สมควรจะจ่ายคือ
ซื้อตั๋วใหม่ 2,400.- บาท
รวมค่าที่พัก 800.- บาท
ค่าโดยสาร 900.- บาท
ค่าพบเเพทย์ 500.- บาท
รวมเป็นเงิน ทั้งสิ้น 4,600.-บาท
แล้วทำไมเราต้องมาเดือนร้อนกับเรื่องเเบบนี้ด้วย หน่วยงานไหนจะมารับผิดชอบได้บ้าง !!!
เราไม่ได้เดินทางบ่อยเลยจะขอคำเเนะนำจากเพื่อนๆด้วยคะ