[ FORZA AZZURRI - Italy ] 13 ปีแห่งความทรงจำ | รำลึกความหลัง อิตาลี แชมป์ฟุตบอลโลก 2006

สวัสดีค่ะ แฟนๆ ทีมมักกะโรนี ทุกคน >.<

พาพันชอบ

วันนี้เมื่อ 13 ปีที่แล้ว เป็นวันที่สาวกอัซซูรี่อย่างพวกเรามีความสุขมากที่สุด 
เพราะทีมรักสามารถฟันฝ่าอุปสรรคด่านต่างๆ จนคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกสมัยที่ 4 มาครองได้สำเร็จ
หลังจากห่างหายไปนานถึง 24 ปี (แชมป์โลกล่าสุดตอนนั้นคือ ปี 1982 ยุคสมัยของ เปาโล รอสซี่)

ฟิน













ประวัติการคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกของอิตาลี

ครั้งที่ 1 : ปี 1934  |  ครั้งที่ 2 : ปี 1938  |  ครั้งที่ 3 : ปี 1982  |  ครั้งที่ 4 : ปี 2006



แชมป์โลก กับ คดีอื้อฉาว

suggestion : พาทนี้อาจจะเข้มข้นนิดนึง ถ้าใครไม่ชอบแนวนี้แนะนำให้เลื่อนผ่านไปได้เลยค่ะ 

          การคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกของทีมชาติอิตาลี มักจะเกิดขึ้นหลังจากที่วงการฟุตบอลอิตาลีมีความเกี่ยวพันกับคดีอื้อฉาว ซึ่งเป็นคดีอันโด่งดังในหน้าประวัติศาสตร์ของวงการฟุตบอลอิตาลี เปรียบเสมือนฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนวงการบอลกัลโช่ตลอดมา คดีที่โด่งดังมากๆ มี อยู่ 2 คดีค่ะ คือ คดีโตโต้เนโร่ และ คดีกัลโช่โปลี

          คดีโตโต้เนโร่ (Totonero Scandal) เกิดขึ้นในปี 1980 เป็นคดีอื้อฉาวที่สโมสรฟุตบอลหลายๆ ทีมของอิตาลีในตอนนั้น ได้แก่ อเวลลิโน่ โบโลญญ่า เปรูจา ปาแลร์โม่ ตารันโต้ ลาซิโอ้ ไม่เว้นแม้กระทั่ง เอซี มิลาน ที่มี เฟลิเซ่ โคลอมโบ ประธานสโมสรในขณะนั้น ได้เข้าไปมีส่วนพัวพันกับการล็อกผลฟุตบอลของเซียนพนัน ผลจากคดีทีว่านี้ ทำให้มิลาน โดนปรับตกชั้น ซึ่งเป็นการตกจากลีกสูงสุดครั้งแรกของสโมสร และถูกริบสิทธิ์การไปเล่นยูฟ่า คัพ, ลาซิโอ้ โดนหัก 10 แต้ม ส่งผลให้ต้องตกชั้นตามไปด้วย, ส่วนทีมอื่นๆ ถูกหัก 5 แต้ม ในฤดูกาลถัดไป นอกจากนี้ นักเตะที่เป็นความหวังของทัพอัซซูรี่อย่าง เปาโล รอสซี่ ก็พลอยโดนหางเลขไปด้วย จากการที่เขาเล่นให้กับสโมสรเปรูจาในตอนนั้น โดยโดนโทษแบน 3 ปี แต่ปรับลดแล้วเหลือ 2 ปี ทำให้เขาสามารถลงเล่นในศึกฟุตบอลโลกปี 1982 ได้ และเขาก็เป็นนักเตะคนสำคัญที่มีส่วนพาทัพอัซซูรี่คว้าแชมป์โลกในปี 82 มาครองได้สำเร็จ
          คดีกัลโช่โปลี (Calciopoli) เกิดขึ้นในปี 2006 เป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับการอาศัยอิทธิพลจากตำแหน่งหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้กับทีม เริ่มเรื่องหลังจากสิ้นสุดคัมปิโอนาโต้ฤดูกาล 2005/06 ก่อนหน้าที่จะมีการแข่งขันฟุตบอลโลกเกิดขึ้น ยูเวนตุสถูกกล่าวหาว่ามีการติดสินบนกรรมการ ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติของยูเว่ที่โดนว่าในลักษณะนี้อยู่บ่อยครั้ง (แม้กระทั่งปัจจุบันก็ยังโดน) แต่ครั้งนี้ตำรวจพบว่ามีหลักฐานที่ชัดเจน เป็นเทปดักฟังบทสนทนาของผู้จัดการทั่วไปของสโมสรเบียงโคเนรี่ และชายที่เป็นต้นเหตุของเรื่องราวอื้อฉาวทั้งหมดในครั้งนี้ ก็คือ ลูชาโน่ มอจจี้  หนึ่งในบอร์ดบริหารของยูเวนตุสที่มีอิทธิพลมากคนหนึ่ง 

          มอจจี้ถูกตำรวจใช้ระบบดักฟังโทรศัพท์สืบทราบถึงเรื่องที่ตัวเขาเกี่ยวข้องกับการหลีกเลี่ยงภาษี และมีส่วนในการติดต่อกับ เปาโล แบร์กาโม่ หัวหน้าผู้ตัดสิน นอกจากนี้ยังมีอีกหลายสโมสรที่ได้มีการจ้างวานผ่านมอจจี้ให้ช่วยกำหนดตัวผู้ตัดสินให้ ได้แก่ ลาซิโอ้ ฟิออเรนติน่า เรจจิน่า ส่วนเอซี มิลานก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้ด้วยเช่นกัน โดยมีการติดต่อกับผู้ตัดสินด้วยตนเอง ไม่ได้ทำเรื่องผ่านมอจจี้

          หลังจากที่เกิดคดีนี้ขึ้นมาได้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมาย และเสียงเรียกร้องจากบางสื่อให้มีการถอดถอนนักเตะยูเว่ทุกคนออกจากทีมชาติ และคนที่โดนหนักที่สุดก็คือ คันนาวาโร่  ถึงขนาดที่แฟนบอลบางส่วนเรียกร้องให้คันนาวาโร่สละปลอกแขนกัปตันทีม แต่ตัวคันนาวาโร่ยืนกรานว่าตัวเองบริสุทธ์ และไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับคดีนี้ และพร้อมที่จะพิสูจน์ตัวเองให้แฟนบอลได้เห็นว่าตัวเขาเหมาะสมกับตำแหน่งกัปตันทีมมากขนาดไหน เมื่อฟุตบอลโลกได้เริ่มต้นขึ้น ด้วยความมุมานะ เพียรพยายาม เล่นตามระบบและแท็กติกของโค้ช ประกอบกับเทคนิคและฝีเท้าความสามารถของนักเตะแต่ละคนทำให้อิตาลีได้ฟันฝ่าด่านต่างๆ และคว้าโทรฟีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกมาครองได้สำเร็จ

          หลังจากรายการฟุตบอลโลกจบลงและอิตาลีกลายเป็นแชมป์โลกสมัยที่ 4 ทาง UEFA ได้มีการประชุมกับ FIGC ของอิตาลี ถึงเรื่องราวของคดีดังกล่าว และต้องการบทสรุปภายใน 3 เดือนหลังจากที่เกิดคดีขึ้น เพราะมีความเกี่ยวข้องต่อการลงเล่นในเวทียุโรปของสโมสรต่างๆ ที่เกี่ยวพันกับคดีนี้ ทำให้ทาง FIGC ได้มีการเร่งรัดผลการตัดสิน ซึ่งโดยปกติความผิดในครั้งนี้ของสโมสรยูเวนตุส เป็นความผิดตามบทลงโทษมาตรา 1 (unsportman-like conduct) ตามกฎของ FIGC ซึ่งก็คือมีการติดต่อกับหัวหน้าผู้ตัดสินให้กำหนดตัวผู้ตัดสินในแต่ละนัดที่ยูเว่ทำการแข่งขัน โทษตามมาตรานี้คือ โดนแบน หรือตัดแต้ม ไม่ได้มีโทษร้ายแรงเท่ากับมาตรา 6 (matchfixing) ที่เกี่ยวข้องกับการล้มบอลโดยตรง และมีโทษสูงสุดคือปรับตกชั้น แต่ FIGC ได้มองรวมหลายๆ พฤติกรรมของมอจจี้เข้าด้วยกันและพิจารณาให้มีความผิดเทียบเท่ากับมาตรา 6 ซึ่งไม่เคยมีการตัดสินในลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้นมาก่อน
          
          ผลจากการตัดสินของ FIGC ทำให้ยูเวนตุส ถูกปรับตกชั้น ตัดแต้ม และริบสคูเด็ตโต้ 2 สมัย ซึ่งในฤดูกาล 2005/06 ได้ทำการเลื่อนให้สโมสรอินเตอร์มิลานที่ได้ที่ 3 ขึ้นมาเป็นแชมป์แทน (ต่อมาภายหลังก็สืบทราบว่าอินเตอร์ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับการติดต่อผู้ตัดสินเช่นกัน แต่เนื่องด้วยคดีหมดอายุความไปก่อน ทำให้ไม่สามารถเอาผิดได้) ส่วนมิลาน ลาซิโอ้ ฟิออเรนติน่า และเรจจิน่าถูกตัดแต้มและปรับเงิน

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

:: จบแล้วค่ะสำหรับพาร์ทนี้ ค่อนข้างเครียดทีเดียว ตอนแรกกะว่าจะเขียนนิดเดียว แต่ไหนๆ ก็เขียนแล้วเลยเพิ่มนิดนึง
จริงๆ เนื้อหาเกี่ยวกับ 2 คดีนี้มีรายละเอียดเยอะและซับซ้อนกว่านี้มากค่ะ แต่คิดว่าไม่ค่อยเกี่ยวกับกระทู้เท่าไหร่ เลยเอาพอประมาณละกัน ::

เพี้ยนเพลีย






ผลงานทีมชาติอิตาลีในฟุตบอลโลก 2006

7 นัด  |  ชนะ 5  |  เสมอ 2  |  แพ้ 0  |  ทำประตูได้ 12  |  เสียประตู 2

อันดับดาวซัลโวภายในทีม 🇮🇹

มาร์โก มาเตรัซซี่ 2 ประตู ⚽️⚽️  |  ลูกา โทนี่ 2 ประตู ⚽️⚽️  |  อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ 1 ประตู ⚽️

ฟรานเชสโก้ ต๊อตติ 1 ประตู ⚽️  |  อัลแบร์โต้ จิลาร์ดิโน่ 1 ประตู ⚽️  |  ฟิลิปโป้ อินซากี้ 1 ประตู ⚽️

ฟาบิโอ กรอสโซ่ 1 ประตู ⚽️  |  วินเชนโซ่ ยาควินต้า 1 ประตู ⚽️  |  จานลูกา ซัมบร็อทต้า 1 ประตู ⚽️  |  อันเดรีย ปีร์โล่ 1 ประตู ⚽️

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้



ภาพบรรยากาศในอดีต











พลุพลุพลุพลุ


♥ Forza Azzurri ♥

ปลื้มปริ่มoppaminiheart


แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่