เมื่อมะเร็งไต มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ และมะเร็งต่อมลูกหมาก มากันเป็น combo

กระทู้สนทนา
ปีใหม่ 2562 ช่วงกลับบ้านต่างจังหวัด ป๋ามีอาการฉี่เป็นเลือด ซึ่งเค้าฉี่เป็นเลือดมา 2 วัน แล้วพึ่งบอกลูกๆ ( ป๋า กับแม่ อยู่บ้านต่างจังหวัดกัน 2 คน เฉพาะช่วง เทศกาลลูกถึงได้กลับบ้านกัน พอรู้วันนั้น ก็พาเข้า รพ ประจำจังหวัด เจอหมอตรวจ โรคทั่วไป และให้กลับบ้าน พร้อมกับนัดมาอีก 2 ครั้ง เพื่อ เอ็กซเรย์ และพบหมอ ต้องใช้เวลาเกือบ 2 อาทิตย์ 

เราเลยตัดสินใจพาป๋าขึ้นมา กรุงเทพวันรุ่งขึ้นและพบหมอที่ รพ พระมงกุฎ ( ป๋ารักษาคลีนิคพิเศษโรคเบาหวาน กับ เส้นเลือดสมองตีบที่นี่ค่ะ) 

ได้เจออาจารย์หมอ และสอบถามอาการ ป๋ามีอาการฉี่เป็นเลือด และไม่มีอาการเจ็บปวดอื่นเลย บวกด้วยปัจจัยที่ป๋าสูบบุหรี่จัด  หมอเลยนัดส่องกล้องอาทิตย์ถัดไป ( ป๋าเป็นเส้นเลือดในสมองตีบ ก่อนผ่าตัด 7 วัน ต้องลดยาสลายลิ่มเลือด ทำให้ไม่สามารถส่องกล้องได้ทันที)

ช่วงที่คุยกับอาจารย์หมอ ก็แนะนำเรื่องค่าใช้จ่าย ท่านบอกเป็นนัยๆว่าต้อง treat กันหลายครั้ง เรามองหน้าหมอ แล้วคิดถึงมะเร็ง เราได้แต่เงียบ และ ภาวนา 

วันนัดส่องกล้องมาถึง ป๋าไป กับลูกสาว 3 คน ( จากพี่น้อง 7 คน) ระหว่างส่องกล้อง คุณหมอ ก็ให้พยาบาล ตามเข้าไปในห้องส่องกล้อง สิ่งที่เห็นในจอ คือ ก้อนเนื้อ 2-3 ก้อน ที่ยื่นออกมาใน กระเพาะปัสสาวะ และ 1 ก้อนในนั้นมีลักษณะเป็นผังผืดเกาะผนัง เราไม่รู้ว่า ณ ตอนนั้น พี่น้องเรา เข้าใจเหมือนเราหรือเปล่า แต่ เราค่อนข้างมั่นใจว่ามันเป็นก้อนมะเร็ง แล้ว อาจารย์หมอ ก็หันพูดกับเราว่า ตกลงมันเป็นแบบนั้น เข้าใจใช่ไหม เราก็พยักหน้า พอหมอส่องเสร็จ เราก็เดินมาหน้าห้อง หมอก็ confirm ว่าจากลักษณะก้อนเนื้อ มันคือมะเร็งในกระเพาะปัสสาวะ

วิธีการรักษา คือ ผ่าตัดแบบส่องกล้องเข้าไปตัดชิ้นเนื้อ เราก็ไปทำเรื่องนัดตารางผ่าตัดในวันรุ่งขึ้น ได้คิววันที่ 12 มีนาคม ระหว่างที่รอ หมอผู้ช่วยก็อ่านผลให้ฟัง ว่ามีก้อนหนึ่งอยู่ในปล่อง ไม่แน่ใจว่าอาจารย์หมอจะเอาออกอย่างไร  ตอนที่ส่องกล้อง เราเห็นก้อนเนื้อ 3 ก้อน และเห็น เลือดมันไหลมาจากข้างๆ แต่ไม่ได้มาจาก ก้อนทั้ง 3  เราเลยถามว่า ฉี่ที่เป็นเลือดไหลออกมาจากไหน หมอผู้ช่วย ก็บอกว่า ต้องดูผลการส่องกล้องวันที่ 12 ก่อน ว่ามันอาจมาจากกระเพาะปัสสาวะ หรือ ท่อที่มันไหลลงมาจากข้างบน แต่เราค่อนข้างมั่นใจว่าเลือดไม่ได้มาจากก้อนมะเร็ง เลยบอกหมอว่า อยากทำ ct ให้ป๋า หมอผู้ช่วยบอกว่า คิว ct scan ที่นี่ต้องรอ 3-4 เดือน ปกติจะส่งไปที่ รพ ทหารผ่านศึก เพราะเครื่องดี ทันสมัย เห็นชัด แต่ต้องจ่ายเอง (ป๋า หูดับ เลยได้สิทธิบัตรผู้พิการ สิทธิเหมือนบัตรทอง แต่สามารถรักษาได้ทุก รพ รัฐบาล) เรารู้ว่าเรารอไม่ได้ เลยบอกหมอว่า เราจะจ่ายเอง รบกวนทาง รพ ทำหนังสือส่งตัวให้ด้วย) วันรุ่งขึ้นก็เลยพาป๋าไป รพ ทหารผ่านศึก ระหว่างยื่นสิทธิ ก็เลยเอาบัตรสิทธิผู้พิการยื่นก่อน แต่ ที่ผ่านมา ป๋าทำบัตรผู้พิการ ไม่ได้ทำสิทธิรักษาด้วย ต้องใช้เวลา 15 วัน ทำให้ใช้สิทธิไม่ได้ ในจำนวนพี่น้อง 7 คน มีผู้ชายคนเดียว และเป็นทหารผ่านศึก เลย ยื่นบัตรของพี่ด้วย และเข้าใจว่าน่าจะลดได้แค่ 3000 ปกติพี่เบิกของพ่อได้แค่นี้  ใช้เวลาทำ ct scan ไม่นาน ก็เสร็จ พอจะจ่ายเงิน ไม่เสียค่าใช้จ่ายค่ะ เพราะบัตรทหารผ่านศึก(ขอบคุณหน้าที่ของรั้วของชาติ)  เรานัดมาเอาผลวันรุ่งขึ้น 

เมื่อได้ผลเราก็เอาผลไปโหลดที่ รพ พระมงกุฎ วันจันทร์ เพื่อนัดหมอ

ระหว่างที่รอเอาไปโหลด และมี ฟิล์มเอ็กซเรย์ เราก็เอามาเปิดดู ไม่ได้จบแพทย์ แต่จบภาษาอังกฤษมา ก็พออ่านผลที่ได้ ป๋า มีก้อนเนื้อที่ใหญ่กว่าท่ีไต เรานั่งร้องไห้อยู่คนเดียว ไม่รู้จะบอกป๋าอย่างไร เพราะ พวกลูกๆ ยังไม่ได้บอกว่าป๋าเป็นมะเร็ง ป๋าอายุ 84 เรากลัวเค้ารับไม่ได้) 

เจออาจารย์หมอ วันจันทร์ เพื่ออ่านผล ct scan หมอบอกว่า เจอก้อนเนื้อที่กรวยไต 2 ก้อน ขนาดใหญ่กว่าที่ กระเพาะปัสสาวะ แต่หมอยังไม่ฟันธงว่าเป็นมะเร็ง ต้องตัดชิ้นเนื้อมาตรวจ

ถ้าเป็นการลาม ปกติจะเป็นการลามจากบนลงล่าง อาจารย์หมอ เลยดูคิวผ่าตัดให้ไวขึ้นมาเป็นวันที่ 5 กพ โดยจะใช้การผ่าตัดส่องกล้องไปทางจู๋ เพื่อ clear ก้อนเนื้อใน กระเพาะปัสสาวะ และ จะใช้ เครื่องมือพิเศษยื่นไปทางท่อ เพื่อไปตัดชิ้นเนื้อที่กรวยไต ( อันนี้จะเป็นเครื่องมือพิเศษ เบิกไม่ได้ ค่าตัวกล้อง 16000 ค่าสายกล้อง ใช้แล้วทิ้งอีก 5500 ) เราโอเครเพราะป๋าจะได้ไม่ช้ำมาก)

หลังจากนั้นก็นัดวันให้ป๋ามาตรวจความพร้อมก่อนการผ่าตัด 1 วัน หมอจะต้องประเมินว่าป๋าผ่าได้ไหม ก็ตรวจเลือด เอกซเรย์ ตรวจคลื่นหัวใจ เจอหมอ อายุรกรรม เจอหมอวิสัญญี (หมอดมยา) และหมอผ่าตัด เพื่อสรุปผล

ระหว่างที่รอผ่าตัด ก็พาป๋ากลับบ้าน ให้แกดูแลตัวเอง บอกแค่ว่า มาผ่าชิ้นเนื้อ ไม่ได้บอกว่าเป็นมะเร็ง ป๋ายังสูบบุหรี่อยู่เหมือนเดิม แต่ท่านก็พยายามลดนะ

4 กพ ป๋ามาเช็คอินที่ รพ เพื่อเลือกห้อง ป๋าได้ห้องรวม เพราะห้องเดี๋ยวเต็ม ส่วนเราไปซื้อสายกล้อง 5500 เพื่อเตรียมไว้วันรุ่งขึ้น ห้องรวมที่นี่จะไม่มีคนเฝ้า แต่พวกเรากลัวป๋าเหงา และท่านเบลอบางครั้ง เลยจ้างพยาบาลพิเศษ อยู่เฝ้าได้ถึง 2 ทุ่ม ก็กลับ

5 กพ ตี 5 ลูกสาวป๋า 4 คนก็มาถึง ยืนโบกมือให้ป๋า ว่ามาแล้ว แต่เข้าไม่ได้ เพราะเปิดให้ญาติเฝ้าได้หลัง 10 โมง ลูกทุกคน ต้องแบ่งหน้าที่ พี่ 2 คนต้องกลับไปอยู่เป็นเพื่อนแม่ที่ต่างจังหวัด ส่วนคนสุดท้องอยู่อเมริกา แต่ก็ line VDO มา 

เวลาประมาณ 8.30 ก็มีคนมาเข็นป๋าไปห้องผ่าตัด พวกเราก็ย้ายไปเฝ้าป๋าที่หน้าห้องผ่าตัด 

ประมาณ บ่ายโมงกว่า ป๋าก็ถูกเข็นออกมา ป๋ายิ้มแย้ม หน้าตาสดใส และชูมือ 2 นิ้ว ทุกคนดีใจว่าป๋าแข็งแรง และไม่มีผลจากการดมยาสลบ แต่เรามาเอะใจ เพราะเห็นสายกล้อง 5500 เอาออกมา พร้อมโน๊ตที่บอกว่า ไม่ได้ใช้ (หมอเคยบอกว่า ถ้าส่องเข้าไปแล้วมันตีบ หรือเลือดไหลมาก ก็ตัดชิ้นเนื้อไม่ได้)

เราได้เจอหมอวันถัดมา หมอบอกว่า ตัดก้อนเนื้อ 2 ก้อนไปแล้ว แต่ก้อนที่อยู่ในกระเปอะ เอาออกไม่ได้ (ปกติกระเพาะปัสสาวะปัสสาวะคนเราจะมีกล้ามเนื้อเป็นก้อนกลมๆ แต่ของป๋า มันมีกระเปอะโผล่ออกมาจากกระเพาะปัสสาวะ แล้วไม่มีกล้ามเนื้อรองรับ ลักษณะผิวจะบาง หมอไม่กล้าเสี่ยงตัดชิ้นเนื้อที่อยู่ในกระเปอะ เพราะกลัวมันรั่ว ถ้ารั่ว เชื้อมะเร็งก็จะลามไปทั่วช่องท้อง) ส่วนที่ไต ใช้เครื่องมือไม่ได้ เพราะมันตีบ ถ้าที่ไตเป็นมะเร็งด้วย กลัวตอนแทงขึ้นไปแล้ว แล้วโดนก้อนเนื้อมะเร็ง ก็จะแพร่อีกเหมือนกัน หมอทำได้เพียงเอาน้ำฉี่ที่มาจากกรวยไตมาตรวจ เพื่อดูเชื้อ

ตอนนี้ต้องรอผลตรวจชิ้นเนื้ออย่างเดียว

เราพาป๋ามาพักกับเราก่อนที่ กทม ระหว่างที่รอผล และดูอาการจากการผ่าตัด 

ผ่านมาได้ 4-5 วัน เราเห็นป๋าฉี่บ่อยมาก เกือบทุกครึ่งชั่วโมง เราเลยจดสถิติเอาไว้ พอครบ 1 วัน ก็ตัดสินใจพาป๋ามาหาหมออีกครั้ง ผลปรากฏว่า ป๋าติดเชื้อ ซึ่งคุณหมอก็เปลี่ยนยาฆ่าเชื้อให้ กลับมากิน อาการก็ดีขึ้น 

เมื่อถึงวันอ่านผล มันคือมะเร็งที่กรวยไต แล้วน่าจะลามเข้ากระเพาะปัสสาวะ เชื้อมะเร็งมันตกลงมาที่กระเพาะปัสสาวะ และในกระเปอะ ก็มีน้ำฉี่ขัง พอมันมีเชื้อมะเร็ง ปนกับฉี่ตกลงมา ก็เลยเกิดมะเร็งที่กระเปอะด้วย ลักษณะการเกิดไม่เหมือนมะเร็งทั่วไป

ตรงที่กรวยไต ก้อนใหญ่กว่า 3 เซ็น เพราะฉะนั้น จะตัดชิ้นเนื้อออกลำบาก หมอแนะนำให้ตัดออกหมด ทั้ง ไต และ กรวยไต ข้างที่เจอ ซึ่งเราก็เห็นด้วย

ส่วนตรงกระเพาะปัสสาวะ หมอแนะนำให้ตัดออก แล้วทำเทียมไว้ข้างนอก ถ้าไม่ต้อง ให้คีโม และ ฉายแสง แต่จะเสี่ยง เพราะผิวตรงกระเปอะจะบาง อาจจะรั่วได้

เราเลยต้องตัดสินใจบอกป๋า แล้วให้ป๋าเลือก แต่พวกลูกทุกคนก็เห็นด้วย ให้ตัดออกหมด ทั้งไต และกระเพาะปัสสาวะ ถึงแม้การผ่าตัด ป๋าจะเสี่ยงจากการดมยา และเป็นการผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้อง (ไม่ใช่แบบส่องกล้อง)

ป๋าเป็นคนที่ต้องดูดีอยู่ตลอดเวลา การที่มีถุงฉี่ห้อยมาจากหน้าท้อง เรากลัวว่าป๋าจะไม่ยอมผ่าตัด  ยอมตาย แต่ไม่ยอมดูไม่ดี ก็โดนอาจารย์หมอติงมาว่า ตอนนี้ต้องคิดถึงชีวิตแล้ว ก็เลยตัดสินใจบอกป๋า ป๋าก็อึ้งไป เราเห็นป๋าน้ำตาคลอเบ้าและบอกว่าถ้าลูกๆ เห็นว่าดี เหมาะกับป๋า ป๋าเชื่อลูกอยู่แล้ว จะได้อยู่กับลูกๆ นานๆ

(ยาวนิดหนึ่งนะคะ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่