จากกระทู้นี้เมื่อสองปีก่อน
https://pantip.com/topic/36122486
ผ่านมาร่วม2ปีกว่าๆกับการตกลงคบกับลุงเป็นแฟน ซึ่งเราห่างกันถึง18ปี (ตอนนี้ผม25 ลุง43) วันนี้อยากมาอัพเดทและแชร์ปัญหาที่เกิดขึ้นกับช่วงว่างระหว่างวัย ความคิดทัศนคติ ต่างๆที่ผมกับลุงไม่ตรงกัน แต่เราก็ผ่านมันมาได้ครับ
หลังจากที่เราคบกันมาจากวันนั้นถึงวันนี้ ชีวิตผมเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยครับ ผมได้มีโอกาสไปเที่ยวในที่ไม่เคยไป ใช้ชีวิตในแบบที่ผมไม่รู้ว่าจะสามารถทำแบบนี้ด้วยตัวของตัวเองไหม ได้กิน ได้บิน ได้นอน ในระดับพรีเมี่ยมทั้งนั้น ซึ่งมองแล้ว ชีวิตเด็กต่างจังหวัดแบบผมแทบไม่มีโอกาสเลยด้วยซ้ำ ทุกครั้งที่ผมนึกถึงเรื่องเหล่านี้ ผมก็อดที่จะขอบคุณเค้าไม่ได้เลย
หลังจากคบกันได้ซักพัก ผมก็ได้ย้ายมาอยู่คอนโดใกล้บ้านลุง แน่นอนเค้าออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด อยู่ใกล้กับสยาม สนามกีฬาแห่งชาติ ซึ่งเป็นทำเลที่สะดวกกับผมมากๆ ตอนนี้ก็อยู่คอนโดนี้มาเริ่มย่างเข้าปีที่3ละครับ
ผมกับลุงหลังจากคบกันเป็นแฟน หลายครั้งความน่ารัก ความอ่อนโยนของลุงคนนั้นก็หายไปแบบน่าตกใจ พอไม่ได้จีบกันแล้ว ตกลงคบกันเป็นแฟนแล้ว เราก็ได้มาร็ว่าจริงๆลุงเป็นคนเอาแต่ใจคนนึงเลย และเป็นคนอารมณ์ร้อนพอสมควร และที่สำคัญ ผมกับลุงมีความคิดเห็นทางการเมืองที่ต่างขั้วกันมาก 555555555555
สำหรับผม ผมจะเป็นฝ่ายเย็น จะเป็นฝ่ายที่คอยรับอารมณ์ร้อนของเค้า พอเรารู้ว่าธรรมชาติของเค้าเป็นคนยังไง หลังๆเราจะรับมือกับมันง่ายมากๆ
มีครั้งนึงที่อยู่ๆเค้าก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เพราะผมไปแนะนำให้เค้าดูซีรี่ย์แล้วเร่งแสงจอให้สว่าง เพราะตอนนี้มันมืดมากๆ (เป็นซีรี่ย์เท่าเราดูเหมือนกันซึ่งผมมีโอกาสได้ดูก่อนเลยแนะนำเค้าไป) กลับกลายเป็นว่า เค้ามองว่าผมสปอยเค้า เค้าโกรธจนบอกเลิกผมเลยล่ะ แต่สุดท้ายเราได้คุยกัน มันก็ผ่านมาได้ และเค้าก็ขอโทษผม ผมก็ได้ขอโทษเค้ากลับเหมือนกัน ต่อมาหลายๆครั้งผมก็เลือกที่จะเป็นฝ่ายถอยและฝ่ายยอม โดยก่อนหน้าผมว่าผมก็เป็นคนเอาแต่ใจและใจร้อนเหมือนกัน แต่กับการเป็นแฟนกับลุง ต้องมีคนใดคนหนึ่งเป็นฝ่ายยอม เพราะยังไงนอกจากความรักที่ผมมีให้เค้า ก็มีความเคารพนี่แหละที่ผมมีพอๆกับความรัก
ซึ่งช่องว่างระหว่างวัย ทำให้เรามีปัญหากันบ่อยๆ แต่ไม่ถึงขั้นทะเลาะกันรุนแรงนะครับ เช่น เรียนจบมาผมมีงานทำ มีเงินที่หาได้เองครั้งแรก ผมก็อยากได้ และอยากมีของที่ตัวเองอยากจะมี ซึ่งการที่ผมซื้อของพวกนี้ บ่อยครั้งก็จะโดนลุงดุ เพราะเค้าอยากให้เก็บเงิน ถ้าอยากได้อะไรให้บอกเค้า เค้าจะซื้อให้ ซึ่งเราก็อยากจะซื้อเองโดยที่ไม่ต้องไปรบกวนเค้า เพราะบางทีมันก็ไร้สารระตามประสา ซึ่งเงินเก็บผมก็เก็บส่วนนึง ถึงไม่เยอะมาก แต่ก็พอมี เพราะอยู่นี่ผมก็แทบไม่ต้องจ่ายอะไรแล้ว แต่ถามว่าเงินเก็บเยอะไหมก็ไม่เลยครับ พอไม่มีภาระของตัวเอง ผมก็เอาเงินที่ผมได้แบ่งเบาภาระที่บ้านครับ(ปล.ผมไม่เคยเอาเงินหรือขอเงินลุงให้ที่บ้านนะครับ และไม่เคยขอเงินสดลุงมาใช้ส่วนตัว ถึงอยู่ๆจะโอนมาให้แต่ก็โอนกลับครับ555 หลังๆเลยไม่ได้เลยครับ) ผมใช้ชีวิตด้วยเงินเดือนสองหมื่นกว่าๆตามที่เด็กจบใหม่ควรจะได้ไปวันๆครับ 555 ในสายตาเค้า เงินที่ผมได้เนี่ย มันน้อยแบบ น้อยมากๆ ถ้าเอามาซื้อของพวกนี้อีกจะเอาไหนมากินมาใช้ ซึ่งลุงเข้าใจว่าคนทั่วไปกินข้าวมื้อละ2พัน ซึ่งมันไม่ใช่เลย พักเที่ยงข้าวที่ออฟฟิศรวมน้ำขนมอย่างมากก็120บาทอ่ะลุง
และในส่วนการเมือง พอครั้งแรกเราร็ว่าอยู่คนละขั้ว เราตกลงกันเลยครับว่าจะไม่มีการพูดเรื่องการเมืองตอนอยู่ด้วยกันครับ ซึ่งเป็นข้อดีมากๆที่เรารีบตกลงกันตั้งแต่คบกันใหม่ๆ ส่วนตัวผมก็ยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่างอยู่แล้วครับ เลยไม่ได้เป็นปัญหาอะไร แต่ไม่พูดก็จะดีกว่านะครับ
และที่เป็นปัญหาที่ต้องปรับความเข้าใจกันหลายครั้งเลยช่วงแรกๆ ก็คือการใช้โซเชียลมีเดี่ย ลุงจะเป็นคนที่ต้องคอยใส่ใจกับพื้นที่สาธารณะในนั้น กลับกัน พื้นที่ในโซเชียลสำหรับผม คือกลุ่มสังคมนึงของผม ซึ่งโดยรวมผมไม่ต้องแคร์อะไรมาก เพราะไม่มีญาติผู้ใหญ่ หรือพ่อแม่มาเป็นเพื่อนในนั้นเลยครับ เพราะฉนั้น การพูด การโพสต์ การแสดงความคิดเห็นต่างๆ จึงจัดเต็ม และใช้คำหยาบพอสมควร ซึ่งอยู่กับลุงผมทำตัวเหมือนลูกแมว แต่ในนั้นผมเหมือนหมาบ้าตัวนึงเลยครับ 55555555 นักเลงคีย์บอร์ดตัวจริงเสียงจริง ถึงจะหยาบคายในนั้น แต่ตรรกกะผมไม่ป่วยนะครับ ส่วนใหญ่แชร์ข่าวมาด่าเช่นน้ำมะนาวโซดารักษามะเร็งอะไรพวกนี้ครับ เวลาด่า เพื่อนในเฟซมันก็จะแชร์ต่ออีกที เพราะส่วนใหญ่ก็เห็นด้วยแต่ไม่กล้าหยาบคายเท่าผม ซึ่งกับลุง พอเค้ามาเป็นเพื่อนในโซเชียลผม หลายๆครั้งเค้าก็จะไม่สบายใจกับคำพูดพวกนี้ หลังๆมาผมเลือกที่จะปิดไม่ให้ลุงเห็น55555 แต่ยังหยาบคายในมุมเล็กๆนั้น
ตอนคบกันใหม่ๆ ลุงก็ถามครับ เค้าให้เลือกระหว่างเปิดตัวว่าคบกันแบบจริงจัง หรือว่าจะเลือกอยู่กันเงียบๆ ถ้าเปิดตัว เวลาผมจะทำอะไรจะไปที่ไหนยังไง ต้องบอกเค้า100% เพราะมันมีผลต่อหน้าตาในสังคมของเค้า ซึ่ง สังคมของเค้าแค่ผมฟังก็เหนื่อยแล้วครับ ไม่ใช่แค่ผม ลุงก็ต้องมาเหนื่อยกับผมอีกเป็นเท่าตัวเลย เพราะผมต้องไปเรียนมารยาทบนโต๊ะอาหาร การแต่งกาย การพูด การกระทำต่างๆต้องเป็นผู้ดีครับ 5555555555 ขำ มันมีจริงๆนะครับผู้ดีไฮโซแบบในหนัง คุญหญิงคุณนายทำหัวโป่งมากินข้าว หลายครั้งที่ลุงมักติดธุระหรือมีประชุดที่ลุงคิดว่าผมต้องรอเค้า เค้าจะให้ผมใส่กางเกงขายาวและหยิบเสื้อสูตรห้ามรองเท้าแตะ เพื่อที่ผมจะได้ไปนั่งรอที่เลานจ์ที่เค้าสมัครสมาชิกไว้ครับ การไปใช้เลานจ์เหล่านี้ ผมแค่แจ้งว่าเป็นแขกของลุงก็จะสามารถไปนั่งรอ สั่งอาหารมากินระหว่างนั้นได้ครับ ซึ่งที่นี่แหละผมมักจะได้เจอพวกคุณหญิงคุณนาย มานั่งจิบชาเม้าท์กัน ซึ่งผมแอบๆฟังก็ตลกดี ส่วนใหญ่ก็จะเป็นการพูดจาอวดกันไปมา หรือมีคนนึงพยายามเล่นมุขแต่แป้ก แต่ว่าป้าๆทั้งโต๊ะเค้าก็พร้อมใจเอามือป้องปากแล้วหัวเราะโฮะๆๆๆ สนุกดีครับ ไม่เคยเบื่อเลยเวลาไปรอที่เลานจ์ 555
ผมเลือกที่จะอยู่เงียบๆ มีเพื่อนสนิท ครอบครัวเค้า เพื่อนสนิทผมเท่านั้นที่รู้ว่าเค้าเป็นใคร และคนสนิทเค้าเท่านั้นที่รู้ว่าผมกับเค้าเป็นแฟนกัน บางคนในโซเชียลผมนี่ยังเข้าใจว่าผมแกล้งมีแฟนด้วยซ้ำ 5555 บอกหลายๆครั้งว่ามีแฟนแล้วนะ แค่ไม่เปิดตัว แต่เป็นพวกพูดความจริงไม่มีใครเชื่อ แต่พูดเรื่องโกหกมีคนเชื่อเต็มเลย = =
ผมกับลุงเราใช้เวลาด้วยกันส่วนใหญ่เลยคือกินมื้อเย็นและต่อด้วยดูหนังครับ ซึ่งจะเป็นโรงที่ปรับนอนได้เท่านั้น ส่วนตัวมองว่าแพงอยู่ดีที่นั่งละ1พันบาทแต่ลุงจะนอนลุงจ่าย ก็เอาตามที่เค้าสะดวกละกันครับ ซึ่งผมดูคนเดียวก็120บาท -*-
ต่อด้วยเรื่องเซ็กส์ ผมกับลุงเราแทบไม่ได้มีอะไรกันเลยครับ แปลกไหม ไม่ใช่ว่าลุงไม่มีความรู้สึกนะครับ ลุงก็มี ผมก็มี แต่เรากลับไม่ได้มีความรู้สึกที่อยากมีอะไรกันครับ ผมรักลุง การที่ผมได้กอดได้หอมแก้มได้อ้อนเค้า นั่นก็เพียงพอแล้ว สำหรับเค้าก็เป็นสิ่งที่เค้าต้องการแค่นี้เหมือนกัน เล่าให้เพื่อนฟังก็มีแต่คนไม่เชื่อ ไปต่างประเทศคำถามแรกๆที่เพื่อนถามส่วนใหญ่ก็จะแซวเรื่องเมื่อคืนกี่รอบล่ะ อะไรทำนองนี้ ซึ่งจริงๆแข่งกันนอนกรน -*-
หลายครั้งที่ผมได้โอกาสได้ประสบการณ์แปลกๆ ได้รับสิ่งดีดีจากลุง ซึ่งผมก็ไม่รู้จะตอบแทนอะไรเค้าดี สิ่งที่ผมทำให้เค้าได้ก็คือการที่สามารถทำให้เค้ามีความสุข ทำให้เค้าไม่เครียด อะไรยอมได้ก็ยอมเค้าเถอะ ผมมองว่าในมุมของเค้า ถึงเค้าจะมีเงินมากมาย แต่เค้าก็มีเรื่องที่เค้าเครียดและเหนื่อยเหมือนกัน
ซึ่งบางทีอาจจะเป็นเรื่องที่อยากซื้อรูปราคา30ล้าน แค่คนขายไม่ขายให้ นั่นทำให้เค้าเครียดมากๆ ซึ่งผมพยายามเข้าใจเรื่องพวกนี้อยู่
เพื่อนๆล่ะครับ กับคนรักมีปัญหาอะไรไหม ไม่ว่าจะวัยเดียวกัน ต่างวัย ต่างมากต่างน้อย มาแชร์ประสบการณ์ ปัญหาที่เจอ แล้วแก้ไขยังไง เผื่อผมจะเอาไปใช้บ้างครับ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะครับ
อัพเดทประสบการณ์รักต่างวัย ผมกับลุงห่างกัน18ปี กับ2ปี5เดือนที่ผ่านมา
https://pantip.com/topic/36122486
ผ่านมาร่วม2ปีกว่าๆกับการตกลงคบกับลุงเป็นแฟน ซึ่งเราห่างกันถึง18ปี (ตอนนี้ผม25 ลุง43) วันนี้อยากมาอัพเดทและแชร์ปัญหาที่เกิดขึ้นกับช่วงว่างระหว่างวัย ความคิดทัศนคติ ต่างๆที่ผมกับลุงไม่ตรงกัน แต่เราก็ผ่านมันมาได้ครับ
หลังจากที่เราคบกันมาจากวันนั้นถึงวันนี้ ชีวิตผมเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยครับ ผมได้มีโอกาสไปเที่ยวในที่ไม่เคยไป ใช้ชีวิตในแบบที่ผมไม่รู้ว่าจะสามารถทำแบบนี้ด้วยตัวของตัวเองไหม ได้กิน ได้บิน ได้นอน ในระดับพรีเมี่ยมทั้งนั้น ซึ่งมองแล้ว ชีวิตเด็กต่างจังหวัดแบบผมแทบไม่มีโอกาสเลยด้วยซ้ำ ทุกครั้งที่ผมนึกถึงเรื่องเหล่านี้ ผมก็อดที่จะขอบคุณเค้าไม่ได้เลย
หลังจากคบกันได้ซักพัก ผมก็ได้ย้ายมาอยู่คอนโดใกล้บ้านลุง แน่นอนเค้าออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด อยู่ใกล้กับสยาม สนามกีฬาแห่งชาติ ซึ่งเป็นทำเลที่สะดวกกับผมมากๆ ตอนนี้ก็อยู่คอนโดนี้มาเริ่มย่างเข้าปีที่3ละครับ
ผมกับลุงหลังจากคบกันเป็นแฟน หลายครั้งความน่ารัก ความอ่อนโยนของลุงคนนั้นก็หายไปแบบน่าตกใจ พอไม่ได้จีบกันแล้ว ตกลงคบกันเป็นแฟนแล้ว เราก็ได้มาร็ว่าจริงๆลุงเป็นคนเอาแต่ใจคนนึงเลย และเป็นคนอารมณ์ร้อนพอสมควร และที่สำคัญ ผมกับลุงมีความคิดเห็นทางการเมืองที่ต่างขั้วกันมาก 555555555555
สำหรับผม ผมจะเป็นฝ่ายเย็น จะเป็นฝ่ายที่คอยรับอารมณ์ร้อนของเค้า พอเรารู้ว่าธรรมชาติของเค้าเป็นคนยังไง หลังๆเราจะรับมือกับมันง่ายมากๆ
มีครั้งนึงที่อยู่ๆเค้าก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เพราะผมไปแนะนำให้เค้าดูซีรี่ย์แล้วเร่งแสงจอให้สว่าง เพราะตอนนี้มันมืดมากๆ (เป็นซีรี่ย์เท่าเราดูเหมือนกันซึ่งผมมีโอกาสได้ดูก่อนเลยแนะนำเค้าไป) กลับกลายเป็นว่า เค้ามองว่าผมสปอยเค้า เค้าโกรธจนบอกเลิกผมเลยล่ะ แต่สุดท้ายเราได้คุยกัน มันก็ผ่านมาได้ และเค้าก็ขอโทษผม ผมก็ได้ขอโทษเค้ากลับเหมือนกัน ต่อมาหลายๆครั้งผมก็เลือกที่จะเป็นฝ่ายถอยและฝ่ายยอม โดยก่อนหน้าผมว่าผมก็เป็นคนเอาแต่ใจและใจร้อนเหมือนกัน แต่กับการเป็นแฟนกับลุง ต้องมีคนใดคนหนึ่งเป็นฝ่ายยอม เพราะยังไงนอกจากความรักที่ผมมีให้เค้า ก็มีความเคารพนี่แหละที่ผมมีพอๆกับความรัก
ซึ่งช่องว่างระหว่างวัย ทำให้เรามีปัญหากันบ่อยๆ แต่ไม่ถึงขั้นทะเลาะกันรุนแรงนะครับ เช่น เรียนจบมาผมมีงานทำ มีเงินที่หาได้เองครั้งแรก ผมก็อยากได้ และอยากมีของที่ตัวเองอยากจะมี ซึ่งการที่ผมซื้อของพวกนี้ บ่อยครั้งก็จะโดนลุงดุ เพราะเค้าอยากให้เก็บเงิน ถ้าอยากได้อะไรให้บอกเค้า เค้าจะซื้อให้ ซึ่งเราก็อยากจะซื้อเองโดยที่ไม่ต้องไปรบกวนเค้า เพราะบางทีมันก็ไร้สารระตามประสา ซึ่งเงินเก็บผมก็เก็บส่วนนึง ถึงไม่เยอะมาก แต่ก็พอมี เพราะอยู่นี่ผมก็แทบไม่ต้องจ่ายอะไรแล้ว แต่ถามว่าเงินเก็บเยอะไหมก็ไม่เลยครับ พอไม่มีภาระของตัวเอง ผมก็เอาเงินที่ผมได้แบ่งเบาภาระที่บ้านครับ(ปล.ผมไม่เคยเอาเงินหรือขอเงินลุงให้ที่บ้านนะครับ และไม่เคยขอเงินสดลุงมาใช้ส่วนตัว ถึงอยู่ๆจะโอนมาให้แต่ก็โอนกลับครับ555 หลังๆเลยไม่ได้เลยครับ) ผมใช้ชีวิตด้วยเงินเดือนสองหมื่นกว่าๆตามที่เด็กจบใหม่ควรจะได้ไปวันๆครับ 555 ในสายตาเค้า เงินที่ผมได้เนี่ย มันน้อยแบบ น้อยมากๆ ถ้าเอามาซื้อของพวกนี้อีกจะเอาไหนมากินมาใช้ ซึ่งลุงเข้าใจว่าคนทั่วไปกินข้าวมื้อละ2พัน ซึ่งมันไม่ใช่เลย พักเที่ยงข้าวที่ออฟฟิศรวมน้ำขนมอย่างมากก็120บาทอ่ะลุง
และในส่วนการเมือง พอครั้งแรกเราร็ว่าอยู่คนละขั้ว เราตกลงกันเลยครับว่าจะไม่มีการพูดเรื่องการเมืองตอนอยู่ด้วยกันครับ ซึ่งเป็นข้อดีมากๆที่เรารีบตกลงกันตั้งแต่คบกันใหม่ๆ ส่วนตัวผมก็ยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่างอยู่แล้วครับ เลยไม่ได้เป็นปัญหาอะไร แต่ไม่พูดก็จะดีกว่านะครับ
และที่เป็นปัญหาที่ต้องปรับความเข้าใจกันหลายครั้งเลยช่วงแรกๆ ก็คือการใช้โซเชียลมีเดี่ย ลุงจะเป็นคนที่ต้องคอยใส่ใจกับพื้นที่สาธารณะในนั้น กลับกัน พื้นที่ในโซเชียลสำหรับผม คือกลุ่มสังคมนึงของผม ซึ่งโดยรวมผมไม่ต้องแคร์อะไรมาก เพราะไม่มีญาติผู้ใหญ่ หรือพ่อแม่มาเป็นเพื่อนในนั้นเลยครับ เพราะฉนั้น การพูด การโพสต์ การแสดงความคิดเห็นต่างๆ จึงจัดเต็ม และใช้คำหยาบพอสมควร ซึ่งอยู่กับลุงผมทำตัวเหมือนลูกแมว แต่ในนั้นผมเหมือนหมาบ้าตัวนึงเลยครับ 55555555 นักเลงคีย์บอร์ดตัวจริงเสียงจริง ถึงจะหยาบคายในนั้น แต่ตรรกกะผมไม่ป่วยนะครับ ส่วนใหญ่แชร์ข่าวมาด่าเช่นน้ำมะนาวโซดารักษามะเร็งอะไรพวกนี้ครับ เวลาด่า เพื่อนในเฟซมันก็จะแชร์ต่ออีกที เพราะส่วนใหญ่ก็เห็นด้วยแต่ไม่กล้าหยาบคายเท่าผม ซึ่งกับลุง พอเค้ามาเป็นเพื่อนในโซเชียลผม หลายๆครั้งเค้าก็จะไม่สบายใจกับคำพูดพวกนี้ หลังๆมาผมเลือกที่จะปิดไม่ให้ลุงเห็น55555 แต่ยังหยาบคายในมุมเล็กๆนั้น
ตอนคบกันใหม่ๆ ลุงก็ถามครับ เค้าให้เลือกระหว่างเปิดตัวว่าคบกันแบบจริงจัง หรือว่าจะเลือกอยู่กันเงียบๆ ถ้าเปิดตัว เวลาผมจะทำอะไรจะไปที่ไหนยังไง ต้องบอกเค้า100% เพราะมันมีผลต่อหน้าตาในสังคมของเค้า ซึ่ง สังคมของเค้าแค่ผมฟังก็เหนื่อยแล้วครับ ไม่ใช่แค่ผม ลุงก็ต้องมาเหนื่อยกับผมอีกเป็นเท่าตัวเลย เพราะผมต้องไปเรียนมารยาทบนโต๊ะอาหาร การแต่งกาย การพูด การกระทำต่างๆต้องเป็นผู้ดีครับ 5555555555 ขำ มันมีจริงๆนะครับผู้ดีไฮโซแบบในหนัง คุญหญิงคุณนายทำหัวโป่งมากินข้าว หลายครั้งที่ลุงมักติดธุระหรือมีประชุดที่ลุงคิดว่าผมต้องรอเค้า เค้าจะให้ผมใส่กางเกงขายาวและหยิบเสื้อสูตรห้ามรองเท้าแตะ เพื่อที่ผมจะได้ไปนั่งรอที่เลานจ์ที่เค้าสมัครสมาชิกไว้ครับ การไปใช้เลานจ์เหล่านี้ ผมแค่แจ้งว่าเป็นแขกของลุงก็จะสามารถไปนั่งรอ สั่งอาหารมากินระหว่างนั้นได้ครับ ซึ่งที่นี่แหละผมมักจะได้เจอพวกคุณหญิงคุณนาย มานั่งจิบชาเม้าท์กัน ซึ่งผมแอบๆฟังก็ตลกดี ส่วนใหญ่ก็จะเป็นการพูดจาอวดกันไปมา หรือมีคนนึงพยายามเล่นมุขแต่แป้ก แต่ว่าป้าๆทั้งโต๊ะเค้าก็พร้อมใจเอามือป้องปากแล้วหัวเราะโฮะๆๆๆ สนุกดีครับ ไม่เคยเบื่อเลยเวลาไปรอที่เลานจ์ 555
ผมเลือกที่จะอยู่เงียบๆ มีเพื่อนสนิท ครอบครัวเค้า เพื่อนสนิทผมเท่านั้นที่รู้ว่าเค้าเป็นใคร และคนสนิทเค้าเท่านั้นที่รู้ว่าผมกับเค้าเป็นแฟนกัน บางคนในโซเชียลผมนี่ยังเข้าใจว่าผมแกล้งมีแฟนด้วยซ้ำ 5555 บอกหลายๆครั้งว่ามีแฟนแล้วนะ แค่ไม่เปิดตัว แต่เป็นพวกพูดความจริงไม่มีใครเชื่อ แต่พูดเรื่องโกหกมีคนเชื่อเต็มเลย = =
ผมกับลุงเราใช้เวลาด้วยกันส่วนใหญ่เลยคือกินมื้อเย็นและต่อด้วยดูหนังครับ ซึ่งจะเป็นโรงที่ปรับนอนได้เท่านั้น ส่วนตัวมองว่าแพงอยู่ดีที่นั่งละ1พันบาทแต่ลุงจะนอนลุงจ่าย ก็เอาตามที่เค้าสะดวกละกันครับ ซึ่งผมดูคนเดียวก็120บาท -*-
ต่อด้วยเรื่องเซ็กส์ ผมกับลุงเราแทบไม่ได้มีอะไรกันเลยครับ แปลกไหม ไม่ใช่ว่าลุงไม่มีความรู้สึกนะครับ ลุงก็มี ผมก็มี แต่เรากลับไม่ได้มีความรู้สึกที่อยากมีอะไรกันครับ ผมรักลุง การที่ผมได้กอดได้หอมแก้มได้อ้อนเค้า นั่นก็เพียงพอแล้ว สำหรับเค้าก็เป็นสิ่งที่เค้าต้องการแค่นี้เหมือนกัน เล่าให้เพื่อนฟังก็มีแต่คนไม่เชื่อ ไปต่างประเทศคำถามแรกๆที่เพื่อนถามส่วนใหญ่ก็จะแซวเรื่องเมื่อคืนกี่รอบล่ะ อะไรทำนองนี้ ซึ่งจริงๆแข่งกันนอนกรน -*-
หลายครั้งที่ผมได้โอกาสได้ประสบการณ์แปลกๆ ได้รับสิ่งดีดีจากลุง ซึ่งผมก็ไม่รู้จะตอบแทนอะไรเค้าดี สิ่งที่ผมทำให้เค้าได้ก็คือการที่สามารถทำให้เค้ามีความสุข ทำให้เค้าไม่เครียด อะไรยอมได้ก็ยอมเค้าเถอะ ผมมองว่าในมุมของเค้า ถึงเค้าจะมีเงินมากมาย แต่เค้าก็มีเรื่องที่เค้าเครียดและเหนื่อยเหมือนกัน
ซึ่งบางทีอาจจะเป็นเรื่องที่อยากซื้อรูปราคา30ล้าน แค่คนขายไม่ขายให้ นั่นทำให้เค้าเครียดมากๆ ซึ่งผมพยายามเข้าใจเรื่องพวกนี้อยู่
เพื่อนๆล่ะครับ กับคนรักมีปัญหาอะไรไหม ไม่ว่าจะวัยเดียวกัน ต่างวัย ต่างมากต่างน้อย มาแชร์ประสบการณ์ ปัญหาที่เจอ แล้วแก้ไขยังไง เผื่อผมจะเอาไปใช้บ้างครับ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะครับ