ก่อนอื่นกระทู้นี้จะว่ากันที่ตัวตนของ มิวนิค ที่ผมลองสังเกตมาเกือบ 1 ปีตั้งแต่เดบิวในวันที่ 17 กรกฎาคม 2561 นะครับ
Overate
มิวนิค โดนข้อหานี้ตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกกับตำแหน่ง “ตัวท๊อป” ของรุ่นสองมีหลายต่อหลายครั้งที่ มิวนิค ถูกดึงมาเพื่อแซะรุ่นหนึ่งจากยอดต่างๆทั้ง ยอด Follow IG FB
แต่ที่ฮาที่สุดคือเอายอดขายโฟโต้เซ็ตเดบิวมาเทียบกับยอดเดบิวของรุ่น 1
น้องเป็นคนแรกๆเลยที่โดนยกให้สูงเกินจริงตั้งแต่ยังไม่เปิดตัวเพื่อเอามาแซะเด็กรุ่น 1 หรือจะเอาให้ชัดก็ท๊อปรุ่นของ 1 “ชิโกะซัง” หรือ 453
แต่เอาจริงๆถ้ามองในวงการบันเทิง มิวนิค ถือว่าเป็นเด็กที่มีประสบการณ์ในวงการบันเทิงมากที่สุดคนหนึ่งของวง รับงานมาแล้วทั้งละคร ภาพยนต์ รวมกันกว่า 10 เรื่อง โฆษณา รวมกันเกิน 80 ตัว
ไหนจะงานพิธีกรดิสนีย์คลับที่ทำตั้งแต่อายุ 11 จนถึงก่อนเข้าวงอีก
เพราะฉะนั้น
ถ้ามองในแง่ของไอดอล 48G มิวนิค โดน Overate แน่นอน เพราะเจ้าตัวบอกเองในเซ็มไปว่าร้อง เต้น เล่นดนตรีไม่ได้เลยผิดกับน้องสาว (นาทีที่ 8:00)

แต่ถ้ามองในมุมประสบการณ์ในวงการบันเทิง มิวนิค ไม่ overate แน่นอน
เด็กดัน
หลังจากเปิดตัวมาในฐานะไอดอลความนิยมของมิวนิคที่สูงมากๆในหมู่แฟนคลับของวง(ซึ่งส่วนใหญ่ก็มีคามิอยู่รุ่น 1 อยู่แล้ว)ก็ค่อยๆปรับฐานจนมาอยู่ในจุดที่ควรจะเป็นถึงตรงนี้อาจจะทำให้กลุ่มแอนตี้ “ชิโกะซัง” หลายคนเริ่มเซ็งเพราะอุตส่า overate เอาไว้เยอะเพื่อจะแซะแต่ทำไม่ได้เพราะสุดท้ายหลายๆคนก็กลับเข้าบ้านเข้าด้อมตัวเองกันหมด
นี่อาจจะทำให้เกิดข้อหา “เด็กดัน” ของ มิวนิค ตามมาเพราะในเมื่อใช้เป็นเครื่องมือไม่ได้ก็พยายามทำลายซะแล้วค่อยไปหาเครื่องมือใหม่ๆมาแซะ
เมื่อทุกอย่างของ มิวนิค อยู่ในจุดที่ควรจะเป็นตามสภาพของวงอาจจะไม่โดดเด่นเท่าตอนก่อนเดบิวหรือหลังเดบิวไม่นานขบวนการแซะหรือไม่ก็แฟนคลับ“ชิโกะซัง” ที่โดนเล่นก่อนหรือพวกที่ไม่ชอบ มิวนิค เริ่มยัดข้อหา “เด็กดัน” ให้กับน้อง(และเพื่อนรุ่น 2 อีก 3 คน)
โดยเฉพาะเมื่อน้องติดเซ็ม Festival แถมยังได้เล่นซีรี่ส์ One year เข้าไปอีก
น่าจะมีหลายต่อหลายคนเก็บอาการไม่ค่อยอยู่เริ่มมีการแซะเข้ามาและข้อหาที่ฮาที่สุดก็คงหนีไม่พ้น“โรบอท” ในงานจับมือ
แต่มีสิ่งที่ผมเห็นในตัว มิวนิค ที่น่าสนใจจะนำมาแชร์กับทุกคนนั่นคือ
-ภาพลักษณ์ มิวนิค เป็นเด็กที่ภาพลักษณ์ภายนอกดีโดดเด่นหน้าตามีเอกลักษณ์
-เต้นไม่เก่ง ร้องไม่เก่ง(ถึงขั้นไม่กล้ารับงานร้อง)
สองข้อที่ผมกล่าวมาคุณคิดถึงใครในรุ่น 1 ไหมครับ?
มาต่อเรื่องการเป็นเด็กที่เต้นไม่เก่งร้องไม่เก่ง
เคยสังเกตกันไหมครับตั้งแต่ เปิดตัว Tsuki no season ที่ยืนเป็นเซ็นเตอร์มาจนถึงเพลงล่าสุด เปิดตัวเพลง Reborn สิ่งที่ผมเห็นได้จาก มิวนิค คือ
ความมั่นใจในการร้องการเต้นสีหน้าแววตาที่มีความสุขพร้อมส่งพลังให้แฟนคลับที่อยู่ข้างล่างเวที
ดูแฟนแคมเพลง Reborn focus มิวนิค ได้เลยครับน้องมีทุกอย่างที่ผมพิมพ์ไว้ข้างบนหรือถ้าไม่เห็นภาพดูตอนที่ มิวนิค ยืนเต้นข้างๆ รินะ ก็ได้ สีหน้าแววตาใกล้เคียงกับ รินะ ผู้ซึ่งเข้าถึงเพลงนี้มากกว่าใครใน 48G เลย

โอเคว่าอาจจะยังไม่ทรงพลังเท่า รินะจัง แต่อะไรที่ทำให้เด็กที่ร้องไม่เก่งเต้นไม่เก่งเมื่ออยู่บนเวทีถึงมีความมั่นใจและส่งพลังออกมาให้แฟนคลับได้ถึงขนาดนี้
ต้องขอย้อนกลับไปดูโพสต์ใน Facebook ในวันที่ 4 พฤษภาคม เมื่อปีที่แล้ว มิวนิค บอกว่าหลังจากจบคลาสเต้นวันแรกก็ขึ้นไปร้องไห้กับแม่บนรถบ่นกับแม่ว่า “หนูคิดถูกใช่ไหม”
https://www.facebook.com/bnk48official.mewnich/photos/a.254045741819234/255686748321800/
จากวันนั้นผ่านไปอีกแค่ สองเดือนครึ่ง เมื่อถึงวันเปิดตัวรุ่น 2 กับตำแหน่ง เซ็นเตอร์เพลง Tsuki no Season คุณจะได้เห็น มิวนิค เด็กที่ เมื่อ สองเดือน ก่อนเพิ่งโพสต์ข้อความสารภาพว่าไม่มีความมั่นใจในการร้องการเต้นแต่แบกตำแหน่งที่สำคัญที่สุดของเพลงเปิดตัวของรุ่น 2 ทั้ง 27 คน เด็กที่แบกความคาดหวังของแฟนคลับของวงกลับทำได้ค่อนข้างดีมากในเพลงนี้

ถึงแม้ว่าในแววตาจะยังดูมีความกังวลให้เห็นในบางช่วงของการแสดงแต่ก็ถือว่าดีมากๆแล้วกับเด็กที่การร้องการเต้นแทบจะเริ่มจากศูนย์
คิดว่าหากไม่โดนเคี่ยวกรำอย่างหนักจากทางออฟฟิเชียล มิวนิค จะสามารถแสดงสีหน้าที่มีความสุขแสดงแววตาที่ดู “ค่อนข้าง” มั่นใจบนเวทีนั้นได้หรือไม่
(บอกไว้ก่อนตรงนี้เอาแค่ Tsuki no season นะครับ 365 ที่ร้องหลังจากเต้นหนักๆจนหายใจไม่ทันแล้วพังพินาจไม่นับนะเพราะพังกันเกือบทั้งชุดที่อยู่บนเวที)
จากวันนั้นผ่านมาเกือบ 1 ปี (ขาดไปแค่ 12 วัน) เมื่อวานซืนนี้เด็กที่ชื่อ มิวนิค ขึ้นเต้นเปิดตัวเพลง Reborn ด้วยสีหน้าที่มั่นใจมาก แววตาที่มีความสุขที่ได้เต้น และสีหน้าแววตาไม่ดรอปลงเลย
หากคุณบอกว่า มิวนิค เป็น “เด็กดัน” ของออฟฟิเชียล ผมก็คงต้องบอกว่าการดันของออฟฟิเชียลไม่ใช่แค่หลับหูหลับตาดันมั่วๆดันเพียงเพราะขายได้ดันเพียงเพราะขายงานนอกได้ง่าย
แต่คิดว่าคำว่า “เด็กดัน" ก็คือเด็กที่ต้องโดนออฟฟิเชียลเคี่ยวกรำอย่างหนักทั้งการร้องการเต้น
หากถามผมว่าออฟฟิเชียลมอง มิวนิค ยังไง?
ผมคิดว่าออฟฟิเชียล ค่อนข้างหวังกับตัว มิวนิค สูงพอควรจึงเคี่ยวเข็นทักษะต่างๆจนน้องมีความมั่นใจในการขึ้นแสดงบนเวทีอย่างที่ผมได้เห็น
มาถึงตรงนี้คุณตอบผมได้รึยัง
-เด็กที่หน้าตาโดดเด่นมีเอกลักษณ์
-แถม ร้องเต้นไม่เป็น
คุณคิดถึงใคร?
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ผมคิดถึง เฌอปราง ครับ เด็กที่ รุ่น 1 เห็นหน้าปุ๊บก็บอกเลยว่าคนนี้ติดแน่นอน เด็กที่ จ๊อบซัง บอกว่า เป็นเด็กที่หน้าตามีเอกลักษณ์มีตาที่ดูเฉี่ยว
และเป็นเด็กคนเดียวกันกับที่ตอนออดิชั่นร้องเพลงได้ เอ่อ … เอาเป็นว่าอย่างที่เราเห็นในเซ็มไป และอย่างที่เราเห็นซ้ำใน เซ็มไป 2 ตอนครูเอ๊ะเอามาเปิดให้ มิวนิค ดูนั่นแหละครับ
ผมเคยพิมพ์ไว้ในกระทู้เก่าๆ นานมากแล้วว่า ปัญ กับ เจนนิษฐ์ เป็นตัวเลือกที่ดีที่จะเป็นกัปตัน หลังจาก เฌอ แกรดหลังจากอยู่ครบสัญญา ถ้าทั้งคู่ยังต่อสัญญากับวงต่อไปนะ
แต่ก็ได้บอกไว้ว่าเมื่อถึงตอนนั้นทั้งคู่อาจจะไปได้ไกลในวงการบันเทิงแล้วไม่ต่อสัญญากับวงต่อก็ได้
หากตัดเรื่องที่กัปตันต้องแบกทุกอย่างของวงและไม่จำเป็นต้องการันตีเซ็มทุกซิงเหมือนกัปตันของ SKE48 หรือตำแหน่งเลือกตั้งไม่ต้องสูงเหมือนกัปตันของ HKT48
ผมเคยพิมพ์ไว้ว่านอกจาก ปัญ กับ เจนนิษฐ์ ก็มี น้ำใส อีกคนที่น่าสนใจ สั่งน้องแล้วน้องไม่ฟังก็ร้องไห้โชว์เลย เคยพิมพ์ไว้ว่า หรือดีไม่ดีหวยจะมาออกที่ซัทจัง แล้วยังมี เปี่ยม อีกคนหลังจากได้ดู GDC
แต่พอได้มาเห็น มิวนิค ที่ขึ้นแสดงเพลง Reborn ได้ตกผลึกความคิดเด็กคนนี้มีความเหมือน เฌอ คือ
- จุดเริ่มต้นมีหน้าตาโดดเด่นและร้องเต้นไม่เก่ง
- สกิลตอบคำถามสื่อ แน่นอนอยู่กับสื่อตั้งแต่เด็กไม่กลัวไมค์อยู่แล้ว
- ความสามารถในการเต้นบนเวทีที่ขอโทษแฟนคลับ เฌอ นะครับผมว่าในระยะเวลาที่เท่ากันผมว่า มิวนิค ทำได้ค่อนข้างดีกว่า เฌอ อยู่นิดหน่อยเพราะ เฌอ เรียนหนักกว่าหลายเท่าแถมงานนอกเพียบ
และเรื่องการเรียนนี่แหละเป็นหนึ่งในจุดที่ มิวนิค ต่างจาก เฌอ เพราะ เฌอ เรียนเคมีสายวิทย์จ๋ามาเลยส่วน มิวนิค เรียนการจัดการท่องเที่ยว
อีกอย่างที่ต่างกันคือ มิวนิค มีประสบการณ์ในวงการก่อนเข้าวงกว่า 10 ปี แต่ เฌอ คือเด็กเรียนคนหนึ่ง
มาถึงตรงนี้
ผมไม่รู้หรอกนะครับว่า มิวนิค จะอยู่กับวงไปนานขนาดไหน นานพอที่(ผมมโนเอาเองว่า)จะ
รับตำแหน่งต่อจาก เฌอ เลยรึเปล่า เป็นหนึ่งในตัวเลือกกัปตัน หลังจาก เฌอ หมดสัญญาแล้วแกรดไปเลยรึเปล่า
ซึ่งตรงนี้ไม่สำคัญเท่ากับผลึกความคิดก้อนสำคัญที่ว่า
มิวนิค จากเด็กที่ร้องไม่ดีเต้นไม่เก่งผ่านไปเกือบ 1 ปี ไปยืนบนเวทีด้วยความมั่นใจเต็มร้อยส่งสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความสุขความสนุกที่ได้ร้องได้เต้นให้แฟนคลับดู เป็นเด็กที่เหมาะกับคำว่าไอดอล เหมือนกับที่ เฌอปราง เป็นอยู่ในตอนนี้
คุณล่ะครับ คิดว่าผม Overate มิวนิค เกินไปไหม
คิดว่า มิวนิค เป็นเด็กที่ออฟฟิเชียลหลับหูหลับตาดันโดยไม่สนเหนือสนใต้ไหม
หรือคิดว่า มิวนิค เป็นเด็กที่เกิดมาเพื่อเป็นไอดอลที่แท้จริง
MewnichBNK48 Overate เด็กดัน หรือ เกิดมาเพื่อเป็นไอดอล
Overate
มิวนิค โดนข้อหานี้ตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกกับตำแหน่ง “ตัวท๊อป” ของรุ่นสองมีหลายต่อหลายครั้งที่ มิวนิค ถูกดึงมาเพื่อแซะรุ่นหนึ่งจากยอดต่างๆทั้ง ยอด Follow IG FB
แต่ที่ฮาที่สุดคือเอายอดขายโฟโต้เซ็ตเดบิวมาเทียบกับยอดเดบิวของรุ่น 1
น้องเป็นคนแรกๆเลยที่โดนยกให้สูงเกินจริงตั้งแต่ยังไม่เปิดตัวเพื่อเอามาแซะเด็กรุ่น 1 หรือจะเอาให้ชัดก็ท๊อปรุ่นของ 1 “ชิโกะซัง” หรือ 453
แต่เอาจริงๆถ้ามองในวงการบันเทิง มิวนิค ถือว่าเป็นเด็กที่มีประสบการณ์ในวงการบันเทิงมากที่สุดคนหนึ่งของวง รับงานมาแล้วทั้งละคร ภาพยนต์ รวมกันกว่า 10 เรื่อง โฆษณา รวมกันเกิน 80 ตัว
ไหนจะงานพิธีกรดิสนีย์คลับที่ทำตั้งแต่อายุ 11 จนถึงก่อนเข้าวงอีก
เพราะฉะนั้น
ถ้ามองในแง่ของไอดอล 48G มิวนิค โดน Overate แน่นอน เพราะเจ้าตัวบอกเองในเซ็มไปว่าร้อง เต้น เล่นดนตรีไม่ได้เลยผิดกับน้องสาว (นาทีที่ 8:00)
แต่ถ้ามองในมุมประสบการณ์ในวงการบันเทิง มิวนิค ไม่ overate แน่นอน
เด็กดัน
หลังจากเปิดตัวมาในฐานะไอดอลความนิยมของมิวนิคที่สูงมากๆในหมู่แฟนคลับของวง(ซึ่งส่วนใหญ่ก็มีคามิอยู่รุ่น 1 อยู่แล้ว)ก็ค่อยๆปรับฐานจนมาอยู่ในจุดที่ควรจะเป็นถึงตรงนี้อาจจะทำให้กลุ่มแอนตี้ “ชิโกะซัง” หลายคนเริ่มเซ็งเพราะอุตส่า overate เอาไว้เยอะเพื่อจะแซะแต่ทำไม่ได้เพราะสุดท้ายหลายๆคนก็กลับเข้าบ้านเข้าด้อมตัวเองกันหมด
นี่อาจจะทำให้เกิดข้อหา “เด็กดัน” ของ มิวนิค ตามมาเพราะในเมื่อใช้เป็นเครื่องมือไม่ได้ก็พยายามทำลายซะแล้วค่อยไปหาเครื่องมือใหม่ๆมาแซะ
เมื่อทุกอย่างของ มิวนิค อยู่ในจุดที่ควรจะเป็นตามสภาพของวงอาจจะไม่โดดเด่นเท่าตอนก่อนเดบิวหรือหลังเดบิวไม่นานขบวนการแซะหรือไม่ก็แฟนคลับ“ชิโกะซัง” ที่โดนเล่นก่อนหรือพวกที่ไม่ชอบ มิวนิค เริ่มยัดข้อหา “เด็กดัน” ให้กับน้อง(และเพื่อนรุ่น 2 อีก 3 คน)
โดยเฉพาะเมื่อน้องติดเซ็ม Festival แถมยังได้เล่นซีรี่ส์ One year เข้าไปอีก
น่าจะมีหลายต่อหลายคนเก็บอาการไม่ค่อยอยู่เริ่มมีการแซะเข้ามาและข้อหาที่ฮาที่สุดก็คงหนีไม่พ้น“โรบอท” ในงานจับมือ
แต่มีสิ่งที่ผมเห็นในตัว มิวนิค ที่น่าสนใจจะนำมาแชร์กับทุกคนนั่นคือ
-ภาพลักษณ์ มิวนิค เป็นเด็กที่ภาพลักษณ์ภายนอกดีโดดเด่นหน้าตามีเอกลักษณ์
-เต้นไม่เก่ง ร้องไม่เก่ง(ถึงขั้นไม่กล้ารับงานร้อง)
สองข้อที่ผมกล่าวมาคุณคิดถึงใครในรุ่น 1 ไหมครับ?
มาต่อเรื่องการเป็นเด็กที่เต้นไม่เก่งร้องไม่เก่ง
เคยสังเกตกันไหมครับตั้งแต่ เปิดตัว Tsuki no season ที่ยืนเป็นเซ็นเตอร์มาจนถึงเพลงล่าสุด เปิดตัวเพลง Reborn สิ่งที่ผมเห็นได้จาก มิวนิค คือ
ความมั่นใจในการร้องการเต้นสีหน้าแววตาที่มีความสุขพร้อมส่งพลังให้แฟนคลับที่อยู่ข้างล่างเวที
ดูแฟนแคมเพลง Reborn focus มิวนิค ได้เลยครับน้องมีทุกอย่างที่ผมพิมพ์ไว้ข้างบนหรือถ้าไม่เห็นภาพดูตอนที่ มิวนิค ยืนเต้นข้างๆ รินะ ก็ได้ สีหน้าแววตาใกล้เคียงกับ รินะ ผู้ซึ่งเข้าถึงเพลงนี้มากกว่าใครใน 48G เลย
โอเคว่าอาจจะยังไม่ทรงพลังเท่า รินะจัง แต่อะไรที่ทำให้เด็กที่ร้องไม่เก่งเต้นไม่เก่งเมื่ออยู่บนเวทีถึงมีความมั่นใจและส่งพลังออกมาให้แฟนคลับได้ถึงขนาดนี้
ต้องขอย้อนกลับไปดูโพสต์ใน Facebook ในวันที่ 4 พฤษภาคม เมื่อปีที่แล้ว มิวนิค บอกว่าหลังจากจบคลาสเต้นวันแรกก็ขึ้นไปร้องไห้กับแม่บนรถบ่นกับแม่ว่า “หนูคิดถูกใช่ไหม”
https://www.facebook.com/bnk48official.mewnich/photos/a.254045741819234/255686748321800/
จากวันนั้นผ่านไปอีกแค่ สองเดือนครึ่ง เมื่อถึงวันเปิดตัวรุ่น 2 กับตำแหน่ง เซ็นเตอร์เพลง Tsuki no Season คุณจะได้เห็น มิวนิค เด็กที่ เมื่อ สองเดือน ก่อนเพิ่งโพสต์ข้อความสารภาพว่าไม่มีความมั่นใจในการร้องการเต้นแต่แบกตำแหน่งที่สำคัญที่สุดของเพลงเปิดตัวของรุ่น 2 ทั้ง 27 คน เด็กที่แบกความคาดหวังของแฟนคลับของวงกลับทำได้ค่อนข้างดีมากในเพลงนี้
ถึงแม้ว่าในแววตาจะยังดูมีความกังวลให้เห็นในบางช่วงของการแสดงแต่ก็ถือว่าดีมากๆแล้วกับเด็กที่การร้องการเต้นแทบจะเริ่มจากศูนย์
คิดว่าหากไม่โดนเคี่ยวกรำอย่างหนักจากทางออฟฟิเชียล มิวนิค จะสามารถแสดงสีหน้าที่มีความสุขแสดงแววตาที่ดู “ค่อนข้าง” มั่นใจบนเวทีนั้นได้หรือไม่
(บอกไว้ก่อนตรงนี้เอาแค่ Tsuki no season นะครับ 365 ที่ร้องหลังจากเต้นหนักๆจนหายใจไม่ทันแล้วพังพินาจไม่นับนะเพราะพังกันเกือบทั้งชุดที่อยู่บนเวที)
จากวันนั้นผ่านมาเกือบ 1 ปี (ขาดไปแค่ 12 วัน) เมื่อวานซืนนี้เด็กที่ชื่อ มิวนิค ขึ้นเต้นเปิดตัวเพลง Reborn ด้วยสีหน้าที่มั่นใจมาก แววตาที่มีความสุขที่ได้เต้น และสีหน้าแววตาไม่ดรอปลงเลย
หากคุณบอกว่า มิวนิค เป็น “เด็กดัน” ของออฟฟิเชียล ผมก็คงต้องบอกว่าการดันของออฟฟิเชียลไม่ใช่แค่หลับหูหลับตาดันมั่วๆดันเพียงเพราะขายได้ดันเพียงเพราะขายงานนอกได้ง่าย
แต่คิดว่าคำว่า “เด็กดัน" ก็คือเด็กที่ต้องโดนออฟฟิเชียลเคี่ยวกรำอย่างหนักทั้งการร้องการเต้น
หากถามผมว่าออฟฟิเชียลมอง มิวนิค ยังไง?
ผมคิดว่าออฟฟิเชียล ค่อนข้างหวังกับตัว มิวนิค สูงพอควรจึงเคี่ยวเข็นทักษะต่างๆจนน้องมีความมั่นใจในการขึ้นแสดงบนเวทีอย่างที่ผมได้เห็น
มาถึงตรงนี้คุณตอบผมได้รึยัง
-เด็กที่หน้าตาโดดเด่นมีเอกลักษณ์
-แถม ร้องเต้นไม่เป็น
คุณคิดถึงใคร?
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ผมคิดถึง เฌอปราง ครับ เด็กที่ รุ่น 1 เห็นหน้าปุ๊บก็บอกเลยว่าคนนี้ติดแน่นอน เด็กที่ จ๊อบซัง บอกว่า เป็นเด็กที่หน้าตามีเอกลักษณ์มีตาที่ดูเฉี่ยว
และเป็นเด็กคนเดียวกันกับที่ตอนออดิชั่นร้องเพลงได้ เอ่อ … เอาเป็นว่าอย่างที่เราเห็นในเซ็มไป และอย่างที่เราเห็นซ้ำใน เซ็มไป 2 ตอนครูเอ๊ะเอามาเปิดให้ มิวนิค ดูนั่นแหละครับ
ผมเคยพิมพ์ไว้ในกระทู้เก่าๆ นานมากแล้วว่า ปัญ กับ เจนนิษฐ์ เป็นตัวเลือกที่ดีที่จะเป็นกัปตัน หลังจาก เฌอ แกรดหลังจากอยู่ครบสัญญา ถ้าทั้งคู่ยังต่อสัญญากับวงต่อไปนะ
แต่ก็ได้บอกไว้ว่าเมื่อถึงตอนนั้นทั้งคู่อาจจะไปได้ไกลในวงการบันเทิงแล้วไม่ต่อสัญญากับวงต่อก็ได้
หากตัดเรื่องที่กัปตันต้องแบกทุกอย่างของวงและไม่จำเป็นต้องการันตีเซ็มทุกซิงเหมือนกัปตันของ SKE48 หรือตำแหน่งเลือกตั้งไม่ต้องสูงเหมือนกัปตันของ HKT48
ผมเคยพิมพ์ไว้ว่านอกจาก ปัญ กับ เจนนิษฐ์ ก็มี น้ำใส อีกคนที่น่าสนใจ สั่งน้องแล้วน้องไม่ฟังก็ร้องไห้โชว์เลย เคยพิมพ์ไว้ว่า หรือดีไม่ดีหวยจะมาออกที่ซัทจัง แล้วยังมี เปี่ยม อีกคนหลังจากได้ดู GDC
แต่พอได้มาเห็น มิวนิค ที่ขึ้นแสดงเพลง Reborn ได้ตกผลึกความคิดเด็กคนนี้มีความเหมือน เฌอ คือ
- จุดเริ่มต้นมีหน้าตาโดดเด่นและร้องเต้นไม่เก่ง
- สกิลตอบคำถามสื่อ แน่นอนอยู่กับสื่อตั้งแต่เด็กไม่กลัวไมค์อยู่แล้ว
- ความสามารถในการเต้นบนเวทีที่ขอโทษแฟนคลับ เฌอ นะครับผมว่าในระยะเวลาที่เท่ากันผมว่า มิวนิค ทำได้ค่อนข้างดีกว่า เฌอ อยู่นิดหน่อยเพราะ เฌอ เรียนหนักกว่าหลายเท่าแถมงานนอกเพียบ
และเรื่องการเรียนนี่แหละเป็นหนึ่งในจุดที่ มิวนิค ต่างจาก เฌอ เพราะ เฌอ เรียนเคมีสายวิทย์จ๋ามาเลยส่วน มิวนิค เรียนการจัดการท่องเที่ยว
อีกอย่างที่ต่างกันคือ มิวนิค มีประสบการณ์ในวงการก่อนเข้าวงกว่า 10 ปี แต่ เฌอ คือเด็กเรียนคนหนึ่ง
มาถึงตรงนี้
ผมไม่รู้หรอกนะครับว่า มิวนิค จะอยู่กับวงไปนานขนาดไหน นานพอที่(ผมมโนเอาเองว่า)จะ
รับตำแหน่งต่อจาก เฌอ เลยรึเปล่าเป็นหนึ่งในตัวเลือกกัปตัน หลังจาก เฌอ หมดสัญญาแล้วแกรดไปเลยรึเปล่าซึ่งตรงนี้ไม่สำคัญเท่ากับผลึกความคิดก้อนสำคัญที่ว่า
มิวนิค จากเด็กที่ร้องไม่ดีเต้นไม่เก่งผ่านไปเกือบ 1 ปี ไปยืนบนเวทีด้วยความมั่นใจเต็มร้อยส่งสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความสุขความสนุกที่ได้ร้องได้เต้นให้แฟนคลับดู เป็นเด็กที่เหมาะกับคำว่าไอดอล เหมือนกับที่ เฌอปราง เป็นอยู่ในตอนนี้
คุณล่ะครับ คิดว่าผม Overate มิวนิค เกินไปไหม
คิดว่า มิวนิค เป็นเด็กที่ออฟฟิเชียลหลับหูหลับตาดันโดยไม่สนเหนือสนใต้ไหม
หรือคิดว่า มิวนิค เป็นเด็กที่เกิดมาเพื่อเป็นไอดอลที่แท้จริง