ประสบการณ์รัก 5 ปี จบลงเพราะไม่ได้มีเเค่ 2 คน จะเเบ่งออกเป็น 3 Part นะครับ
สถานะคือตอนนี้ผมกับภรรยาได้หย่าล้างกันเเล้ว ส่วนลูกชายอยู่กับฝั่งภรรยาครับ เเละเขียนรายระเอียดการส่งเงินการเลี้ยงดูทั้งหมดเรียบร้อย
เเละ มีบทสรุปนะครับ
Part 1
ย้อนกลับไปเมื่อ 3 ปีที่เเล้ว ผมกับภรรยาได้แต่งงานกัน แต่กว่าจะคุยกันลงตัวเรื่อง ค่า สินสอด ก็บานปลายไปไกล เพราะทาง ฝั่ง เเม่ ฝ่ายหญิง ต้องการที่จะเรียก เงิน 300,000 บาท ทอง 3 บาท ทางครอบครัวผมด้วยความที่ตอนนั้นผมพึ่งเป็นเด็กจบใหม่ เเละ ได้งานไม่กี่อาทิตย์ก่อนเเต่งงาน ก็เลยต้องกู้ ธนาคาร จำนวนเงิน 200,000 ใช้ชื่อของคนที่บ้านผมในการกู้ ( คือถ้าธนาคารพวกนี้ดอกเบี้ยถูกมากครับ เเต่ เป็นระยะยาว ) ตั้งเเต่วันเเรกที่เเต่งงาน ผมมี สมบัติร่วมกันคือหนี้จากงานเเต่ง 200,000 บาท เพราะไม่อยากให้พ่อกับเเม่ ออกให้ทั้งหมด เพราะยังไงมันก็คือความรับผิดชอบทั้ง 2 ฝ่าย คือ ผม เเละ ภรรยา
เหตุผลที่เเต่ง : เพราะว่าผมทำเธอท้องเเละมี ลูกชายด้วยกัน 1 คน
นั่นเป็นเหตุการณ์เเรกที่ทำให้ เรา 2 คนเริ่มไม่เข้าใจกัน คือ หลังจากงานเเต่งงานจบ ผมได้มีหนี้ 200,000 บาท จากการกู้ธนาคาร 150,000 บาท ( 3 ปี เดือนละ 5000 บาท ) เเละ เเม่ยายให้ยืมอีก 50,000 บาท (10 เดือน เดือนละ 5000 บาท ) ทำให้รายจ่ายต่อเดือนอยู่ที่ 10,000 บาท ถ้วนเฉพาะใช้หนี้ ไม่รวมค่าเลี้ยงดูลูก เเละ การใช้ชีวิตประจำวันของเราทั้ง 2 คน คือคิดง่าย ๆ ต่อเดือน เเทบไม่เหลือเลยครับ ทำให้พวกเราทะเราะกันบ่อยขึ้น เรื่อย ๆ
Part 2 หลังจากคลอดลูก
หลังจากนั้นได้ไม่นานเเฟนผมก็คลอดลูก เพราะตอนเเต่งงาน นี่ก็ท้องได้ 3 เดือนเเล้ว เรา 2 คน มีเวลาไปเที่ยวกันน้อยลง ภรรยาต้องดูเเลลูก ส่วนผมต้องหาเงินมาให้ได้มากที่สุด เพื่อจะนำมาใช้หนี้ เเละ กิน ต้องบอกก่อนครับว่า เเฟนผมตอนเเรกที่คุยกันคือเค้าบอกว่าเค้าเรียนจบปีนี้ ปีที่ผมกับเธอเเต่งงานกัน เเละรอที่จะรับปริญญา ( แต่เเล้ว เธอก็มายอมรับที่หลังว่า ที่จริงเธอเรียนไม่จบเลิกเรียนมาซักระยะเเล้ว ) มันทำให้ผมรู้สึกผิดหวัง หน่วง ๆ มาก เเต่ก็ต้องยอมรับความจริงเเละ ผ่านมันไปด้วยกัน เเต่ยอมรับเลยครับ ผม พูดกับเค้าเเรงมากพอสมควร เเต่ไม่เคยแต่ไม่เคยทำร้ายร่างกายกัน ผมพูดแรงหลายอย่างมาก เพราะผิดหวัง ผ่านไป 2 เดือน ผมขอให้เธอไปทำงาน ส่วนลูกเนี่ยเราจะจ้าง ให้คนเลี้ยงดูแลให้ ก็ตกลงกัน ว่าจะไปทำงาน เพื่อให้รายได้เข้ามาทั้ง 2 ทาง
เธอเริ่มทำงานวันแรก และ ผ่านไป 1 อาทิตย์ ผมก็เห็นว่าเธอมีท่าที ที่เปลี่ยนไป คือ 1 เริ่มติดแชทมากขึ้น 2. คือแผนกที่เธอทำงานอยู่จะมีพวกช่าง ผู้ชายอยู่ด้วย อาจจะทำให้ เธออาจจะโอนเอน พอสมควรนั่นทำให้ผมสังเกตุเห็นว่าเธอคุยกับช่างที่เธอทำงานอยู่ได้ซักระยะ พอผมจับได้ เธอก็ยังบอกว่าคือเพื่อนกัน
ตัวผมเองก็ไม่ได้เอะใจอะไร เพราะคิดว่า เธอมีลูกกับเราแล้ว แต่งงานกันแล้ว คงไม่มีอะไร
หลังจากเธอทำงานได้ 1 เดือน เธอก็ลาออกจากงานออกมา และให้เหตุผลว่า ทะเราะกับเพื่อนร่วมงาน และเธอก็ว่างงานต่ออีก หลังจากนั้นเธอก็ไม่ยอมทำงานอีกเลย หลังจากผ่านไปได้ 6 เดือน ผมได้จับแชทลับเพิ่มอีก คือ ผู้ชายคนเดิม ที่ผมเคยถามเค้าว่าเป็นอะไรกัน และเค้าบอกว่าเพื่อน เราก็เกือบมีปากเสียงกัน แต่ผมก็ขอให้เค้า เลิกคุย และ เลิกติดต่อกัน เธอก็บอกว่าจะเลิกคุย
เราเริ่มมีปากเสียงกันมากขึ้น เงินก็ยังไม่มีเก็บเพราะต้องใช้หนี้ / แต่ เรา 2 คนก็ไม่เคยทำให้ลูกอดเลย แต่เงินของผมแต่ละเดือน ก็ เรียกว่าเดือนชนเดือน เลยทีเดียว
Part 3 บทสรุป
หลังจากที่ผมจับเเชทหลุดของเธอกับผู้ชายคนนั้นได้ ก็กลายเป็นว่า เรา 2 คน เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ตัวผม มีความระเเวงมากขึ้น ส่วนเธอ ก็เเทบจะไม่รู้สึกอะไรต่อกัน บอกรักกันน้อยลง กินข้าวด้วยกันน้อยลง เเละ ห่างกันไปเรื่อย ๆ จนเหตุการณ์เริ่มบานปลาย ผมเริ่มมีปากเสียงกับเธอรุนเเรงมากกว่าเก่า จนวันนั้น เรา 2คนคุยกันทั้งคืน เธอพูดกับผมว่าทุกวันนี้ เเทบไม่ได้รู้สึกรักเเล้ว เเค่ อยากให้เป็น พ่อของลูก มากกว่า ผมเลยขอ กลับไปอยู่บ้านตัวเอง ซักระยะ ผมอยู่บ้านตัวเองได้ 1 เดือน เเต่ 1 เดือนนี้คือเราติดต่อกันตลอด คือผมจะถามเธอเรื่องลูกตลอดว่าลูกเป็นยังไงบ้าง สบายดีไหม
ผ่านไปซักระยะ วันนั้นผมจำได้ดีคือวันเกิดของเธอ เธอเลยขอให้ผมพาไปหาไรกินด้วยกัน
ภรรยาผมไปอาบน้ำพอดี ระหว่างที่รอผมเลยเปิดคอมที่ห้องเธอเล่นเเละตั้งใจจะเล่น FB. แต่เธอกับ ล็อกอิน เอาไว้ ทำให้ผมอดใจไม่ไหว เเละทันไดนั้นก็มีเเชทเด้งขึ้นมาว่า
มีผชทัคมา
ผู้ชาย : เงี่ย*จัง ไม่ไหวแล้ว
(ผมอึ้งไปพักนึงว่าทำไมถึงมีผู้ชายทัคมาแบบนี้ เลย ส่องไปที่ FB ของคนนั้น ใช่เลยครับ เค้าคือคนเเรกที่เธอบอกว่าเป็นเเค่เพื่อนกันเเละจับได้ครั้งที่ 2 ก็คนนี้ เเต่รอบนี้มาเเรงกว่าเก่าหน่อย ผมเลยดึงสติทั้งหมดที่มี พิมกลับไปเหมือนภรรยาผมพิมทั้งหมดคือ )
ผม : เเละจะให้ทำไง
ผู้ชาย : มาหาหน่อย
ผม : จะให้ไปหาที่ใหน ตอนใหน
ผู้ชาย : ตอนนี้เลย
เรา : ได้ ๆ ทุกทีเรามีอะไรกันที่ใหน
ผู้ชาย : บนรถ
ผมได้เเคปทุกคำพูดเเละ คำพิมของผู้ชายคนนี้ไว้หมด เเต่ก็มือสั่นมาก เลยไม่กล้าที่จะเอาไปโพสประจาร หรือ โพสบอกใคร ๆ เพราะไม่อยากทำร้ายฝั่งภรรยา
ทุกข์มากครับ เศร้ามากด้วย เเต่ไม่รู้จะทำไง เรา 2 คนก็เลยตกลงปลงใจที่จะหย่าครับ เราพึ่งหย่าไปเมื่อเดือน 1 ปี 2562 ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้ผมเศร้ามากพอสมควร ทุกข์เอาการ ผมเเทบไม่เหลือใคร เพราะออกมาตัวเปล่า พร้อมหนี้สิน ไม่ได้ขอเเบ่งอะไรทั้งสิ้น เอากลับมาเเค่เสื้อผ้า เเละ ของใช้ส่วนตัวของตัวเอง
ผมเลยสงสัยไว้ควรทำยังไงต่อไป คือตอนนี้ ผมรู้สึกเหมือนคนไม่กล้าเริ่มไหม่กับใคร ทำงานไม่สนุกเหมือนก่อน ไม่มีความมุ่งมานะ หาเงินเที่ยวไปวัน ๆ เก็บบ้าง เที่ยวบ้าง เเต่ตอนกินก็ประหยัดเหมือนเดิมเพราะทำเป็นนิสัย
ปล. ผมเป็นคนดูเเลตัวเองเอาเรื่องมาก หน้าตาจะคล้าย ๆ ทอม พวกผู้หญิงมักทักว่าหน้าหวาน เเละเหมือนทอมมาก เรื่องผู้หญิงก็มีมาเรื่อย ๆ เเต่ก็ไม่อยากเริ่มใหม่กับใคร เพราะรู้สึกตัวเองไม่พร้อม เหมือนอยากสร้างอะไรไปก่อน เเต่เหงามากครับ เวลาไม่มีใคร T T ผมควรทำไงดี เเละยิ่งเวลาคิดถึงลูกมาก ๆ ผมจะเศร้าตลอด เพราะก่อนหน้านี้ผมกับลูกเล่นด้วยกันทุกวันหลังเลิกงาน นอนด้วยกัน กินด้วยกัน อาบย้ำด้วยกัน เเต่ผ่านมา 6 เดือนเเล้ว การใช้ชีวิตของผมมันเปลี่ยนไปหมด ทำงานน้อยลง ไม่ค่อยกะตือรือร้น
แต่ผมยังมีเป้าหมายนะครับ คือ
1.อยากเที่ยวต่างประเทศ
2.อยากออกรถยนต์
3.เก็บเงินให้ได้ 150,000 ภายในปี 2019
4.น้ำหนักต้องไม่เกิน 65
5.อยากได้ PS4 Pro
สรุป
เเต่ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีคือ หนี้จากงานเเต่งของผมพึ่งหมดไปเมื่อเดือน 6 ที่ผ่านมา เเละตอนนี้ ใช้เงินคนเดียวก็จะมีส่งให้ลูกเดือนละ 3,500 ตามสัญญาในใบหย่า ติดต่อกับลูกเรื่อย ๆ เจอกันอาทิตย์ละครั้ง เเละมีค่าไฟ ค่ากิน ปะปนกันไป
แต่ตอนนี้ก็วันที่ 04.07.2019 ผมก็ยังรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หายดี พอมีคนที่ชอบมาก เค้าก็ จะไม่ค่อยคุยกับเราเพราะเหมือนเราเคยเเต่งงานมีภรรยามีลูกเเล้ว เค้าเลยกลัวว่าผมจะกลับไปคบกับ คนเดิม เศร้ามากครับ ตอนนี้ ผมนั่งเขียน Pantip ในที่ทำงานเพราะตอนนี้คิดงานไม่ออก ไม่รู้จะทำไง เพื่อน ๆ พอจะเเนะนำได้ไหมครับ ผมคิดถึงลูกมาก ทำตัวเหมือนคนเศร้าทุก ๆ 10 นาทีเลยครับ เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย เดี๋ยวอารมเปลี่ยน
เคยคิดว่าถ้าตายไป จะเป็นยังไงกันนะ (แต่ไม่ถึงขั้นซึมเศร้านะครับเพราะทำแบบประเมินมาหลายเว็บเเล้ว เค้าบอกผมเป็นคนอารมณ์ดีมากด้วยซ้ำ)
*ขอบคุณที่อ่านจนจบนะครับ หากมีคำใดผิดต้องกราบขอโทษมาณ ที่นี้ด้วยครับ
ประสบการณ์รัก 5 ปี จบลงเพราะไม่ได้มีเเค่ 2 คน
สถานะคือตอนนี้ผมกับภรรยาได้หย่าล้างกันเเล้ว ส่วนลูกชายอยู่กับฝั่งภรรยาครับ เเละเขียนรายระเอียดการส่งเงินการเลี้ยงดูทั้งหมดเรียบร้อย
เเละ มีบทสรุปนะครับ
Part 1
ย้อนกลับไปเมื่อ 3 ปีที่เเล้ว ผมกับภรรยาได้แต่งงานกัน แต่กว่าจะคุยกันลงตัวเรื่อง ค่า สินสอด ก็บานปลายไปไกล เพราะทาง ฝั่ง เเม่ ฝ่ายหญิง ต้องการที่จะเรียก เงิน 300,000 บาท ทอง 3 บาท ทางครอบครัวผมด้วยความที่ตอนนั้นผมพึ่งเป็นเด็กจบใหม่ เเละ ได้งานไม่กี่อาทิตย์ก่อนเเต่งงาน ก็เลยต้องกู้ ธนาคาร จำนวนเงิน 200,000 ใช้ชื่อของคนที่บ้านผมในการกู้ ( คือถ้าธนาคารพวกนี้ดอกเบี้ยถูกมากครับ เเต่ เป็นระยะยาว ) ตั้งเเต่วันเเรกที่เเต่งงาน ผมมี สมบัติร่วมกันคือหนี้จากงานเเต่ง 200,000 บาท เพราะไม่อยากให้พ่อกับเเม่ ออกให้ทั้งหมด เพราะยังไงมันก็คือความรับผิดชอบทั้ง 2 ฝ่าย คือ ผม เเละ ภรรยา
เหตุผลที่เเต่ง : เพราะว่าผมทำเธอท้องเเละมี ลูกชายด้วยกัน 1 คน
นั่นเป็นเหตุการณ์เเรกที่ทำให้ เรา 2 คนเริ่มไม่เข้าใจกัน คือ หลังจากงานเเต่งงานจบ ผมได้มีหนี้ 200,000 บาท จากการกู้ธนาคาร 150,000 บาท ( 3 ปี เดือนละ 5000 บาท ) เเละ เเม่ยายให้ยืมอีก 50,000 บาท (10 เดือน เดือนละ 5000 บาท ) ทำให้รายจ่ายต่อเดือนอยู่ที่ 10,000 บาท ถ้วนเฉพาะใช้หนี้ ไม่รวมค่าเลี้ยงดูลูก เเละ การใช้ชีวิตประจำวันของเราทั้ง 2 คน คือคิดง่าย ๆ ต่อเดือน เเทบไม่เหลือเลยครับ ทำให้พวกเราทะเราะกันบ่อยขึ้น เรื่อย ๆ
Part 2 หลังจากคลอดลูก
หลังจากนั้นได้ไม่นานเเฟนผมก็คลอดลูก เพราะตอนเเต่งงาน นี่ก็ท้องได้ 3 เดือนเเล้ว เรา 2 คน มีเวลาไปเที่ยวกันน้อยลง ภรรยาต้องดูเเลลูก ส่วนผมต้องหาเงินมาให้ได้มากที่สุด เพื่อจะนำมาใช้หนี้ เเละ กิน ต้องบอกก่อนครับว่า เเฟนผมตอนเเรกที่คุยกันคือเค้าบอกว่าเค้าเรียนจบปีนี้ ปีที่ผมกับเธอเเต่งงานกัน เเละรอที่จะรับปริญญา ( แต่เเล้ว เธอก็มายอมรับที่หลังว่า ที่จริงเธอเรียนไม่จบเลิกเรียนมาซักระยะเเล้ว ) มันทำให้ผมรู้สึกผิดหวัง หน่วง ๆ มาก เเต่ก็ต้องยอมรับความจริงเเละ ผ่านมันไปด้วยกัน เเต่ยอมรับเลยครับ ผม พูดกับเค้าเเรงมากพอสมควร เเต่ไม่เคยแต่ไม่เคยทำร้ายร่างกายกัน ผมพูดแรงหลายอย่างมาก เพราะผิดหวัง ผ่านไป 2 เดือน ผมขอให้เธอไปทำงาน ส่วนลูกเนี่ยเราจะจ้าง ให้คนเลี้ยงดูแลให้ ก็ตกลงกัน ว่าจะไปทำงาน เพื่อให้รายได้เข้ามาทั้ง 2 ทาง
เธอเริ่มทำงานวันแรก และ ผ่านไป 1 อาทิตย์ ผมก็เห็นว่าเธอมีท่าที ที่เปลี่ยนไป คือ 1 เริ่มติดแชทมากขึ้น 2. คือแผนกที่เธอทำงานอยู่จะมีพวกช่าง ผู้ชายอยู่ด้วย อาจจะทำให้ เธออาจจะโอนเอน พอสมควรนั่นทำให้ผมสังเกตุเห็นว่าเธอคุยกับช่างที่เธอทำงานอยู่ได้ซักระยะ พอผมจับได้ เธอก็ยังบอกว่าคือเพื่อนกัน
ตัวผมเองก็ไม่ได้เอะใจอะไร เพราะคิดว่า เธอมีลูกกับเราแล้ว แต่งงานกันแล้ว คงไม่มีอะไร
หลังจากเธอทำงานได้ 1 เดือน เธอก็ลาออกจากงานออกมา และให้เหตุผลว่า ทะเราะกับเพื่อนร่วมงาน และเธอก็ว่างงานต่ออีก หลังจากนั้นเธอก็ไม่ยอมทำงานอีกเลย หลังจากผ่านไปได้ 6 เดือน ผมได้จับแชทลับเพิ่มอีก คือ ผู้ชายคนเดิม ที่ผมเคยถามเค้าว่าเป็นอะไรกัน และเค้าบอกว่าเพื่อน เราก็เกือบมีปากเสียงกัน แต่ผมก็ขอให้เค้า เลิกคุย และ เลิกติดต่อกัน เธอก็บอกว่าจะเลิกคุย
เราเริ่มมีปากเสียงกันมากขึ้น เงินก็ยังไม่มีเก็บเพราะต้องใช้หนี้ / แต่ เรา 2 คนก็ไม่เคยทำให้ลูกอดเลย แต่เงินของผมแต่ละเดือน ก็ เรียกว่าเดือนชนเดือน เลยทีเดียว
Part 3 บทสรุป
หลังจากที่ผมจับเเชทหลุดของเธอกับผู้ชายคนนั้นได้ ก็กลายเป็นว่า เรา 2 คน เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ตัวผม มีความระเเวงมากขึ้น ส่วนเธอ ก็เเทบจะไม่รู้สึกอะไรต่อกัน บอกรักกันน้อยลง กินข้าวด้วยกันน้อยลง เเละ ห่างกันไปเรื่อย ๆ จนเหตุการณ์เริ่มบานปลาย ผมเริ่มมีปากเสียงกับเธอรุนเเรงมากกว่าเก่า จนวันนั้น เรา 2คนคุยกันทั้งคืน เธอพูดกับผมว่าทุกวันนี้ เเทบไม่ได้รู้สึกรักเเล้ว เเค่ อยากให้เป็น พ่อของลูก มากกว่า ผมเลยขอ กลับไปอยู่บ้านตัวเอง ซักระยะ ผมอยู่บ้านตัวเองได้ 1 เดือน เเต่ 1 เดือนนี้คือเราติดต่อกันตลอด คือผมจะถามเธอเรื่องลูกตลอดว่าลูกเป็นยังไงบ้าง สบายดีไหม
ผ่านไปซักระยะ วันนั้นผมจำได้ดีคือวันเกิดของเธอ เธอเลยขอให้ผมพาไปหาไรกินด้วยกัน
ภรรยาผมไปอาบน้ำพอดี ระหว่างที่รอผมเลยเปิดคอมที่ห้องเธอเล่นเเละตั้งใจจะเล่น FB. แต่เธอกับ ล็อกอิน เอาไว้ ทำให้ผมอดใจไม่ไหว เเละทันไดนั้นก็มีเเชทเด้งขึ้นมาว่า
มีผชทัคมา
ผู้ชาย : เงี่ย*จัง ไม่ไหวแล้ว
(ผมอึ้งไปพักนึงว่าทำไมถึงมีผู้ชายทัคมาแบบนี้ เลย ส่องไปที่ FB ของคนนั้น ใช่เลยครับ เค้าคือคนเเรกที่เธอบอกว่าเป็นเเค่เพื่อนกันเเละจับได้ครั้งที่ 2 ก็คนนี้ เเต่รอบนี้มาเเรงกว่าเก่าหน่อย ผมเลยดึงสติทั้งหมดที่มี พิมกลับไปเหมือนภรรยาผมพิมทั้งหมดคือ )
ผม : เเละจะให้ทำไง
ผู้ชาย : มาหาหน่อย
ผม : จะให้ไปหาที่ใหน ตอนใหน
ผู้ชาย : ตอนนี้เลย
เรา : ได้ ๆ ทุกทีเรามีอะไรกันที่ใหน
ผู้ชาย : บนรถ
ผมได้เเคปทุกคำพูดเเละ คำพิมของผู้ชายคนนี้ไว้หมด เเต่ก็มือสั่นมาก เลยไม่กล้าที่จะเอาไปโพสประจาร หรือ โพสบอกใคร ๆ เพราะไม่อยากทำร้ายฝั่งภรรยา
ทุกข์มากครับ เศร้ามากด้วย เเต่ไม่รู้จะทำไง เรา 2 คนก็เลยตกลงปลงใจที่จะหย่าครับ เราพึ่งหย่าไปเมื่อเดือน 1 ปี 2562 ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้ผมเศร้ามากพอสมควร ทุกข์เอาการ ผมเเทบไม่เหลือใคร เพราะออกมาตัวเปล่า พร้อมหนี้สิน ไม่ได้ขอเเบ่งอะไรทั้งสิ้น เอากลับมาเเค่เสื้อผ้า เเละ ของใช้ส่วนตัวของตัวเอง
ผมเลยสงสัยไว้ควรทำยังไงต่อไป คือตอนนี้ ผมรู้สึกเหมือนคนไม่กล้าเริ่มไหม่กับใคร ทำงานไม่สนุกเหมือนก่อน ไม่มีความมุ่งมานะ หาเงินเที่ยวไปวัน ๆ เก็บบ้าง เที่ยวบ้าง เเต่ตอนกินก็ประหยัดเหมือนเดิมเพราะทำเป็นนิสัย
ปล. ผมเป็นคนดูเเลตัวเองเอาเรื่องมาก หน้าตาจะคล้าย ๆ ทอม พวกผู้หญิงมักทักว่าหน้าหวาน เเละเหมือนทอมมาก เรื่องผู้หญิงก็มีมาเรื่อย ๆ เเต่ก็ไม่อยากเริ่มใหม่กับใคร เพราะรู้สึกตัวเองไม่พร้อม เหมือนอยากสร้างอะไรไปก่อน เเต่เหงามากครับ เวลาไม่มีใคร T T ผมควรทำไงดี เเละยิ่งเวลาคิดถึงลูกมาก ๆ ผมจะเศร้าตลอด เพราะก่อนหน้านี้ผมกับลูกเล่นด้วยกันทุกวันหลังเลิกงาน นอนด้วยกัน กินด้วยกัน อาบย้ำด้วยกัน เเต่ผ่านมา 6 เดือนเเล้ว การใช้ชีวิตของผมมันเปลี่ยนไปหมด ทำงานน้อยลง ไม่ค่อยกะตือรือร้น
แต่ผมยังมีเป้าหมายนะครับ คือ
1.อยากเที่ยวต่างประเทศ
2.อยากออกรถยนต์
3.เก็บเงินให้ได้ 150,000 ภายในปี 2019
4.น้ำหนักต้องไม่เกิน 65
5.อยากได้ PS4 Pro
สรุป
เเต่ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีคือ หนี้จากงานเเต่งของผมพึ่งหมดไปเมื่อเดือน 6 ที่ผ่านมา เเละตอนนี้ ใช้เงินคนเดียวก็จะมีส่งให้ลูกเดือนละ 3,500 ตามสัญญาในใบหย่า ติดต่อกับลูกเรื่อย ๆ เจอกันอาทิตย์ละครั้ง เเละมีค่าไฟ ค่ากิน ปะปนกันไป
แต่ตอนนี้ก็วันที่ 04.07.2019 ผมก็ยังรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หายดี พอมีคนที่ชอบมาก เค้าก็ จะไม่ค่อยคุยกับเราเพราะเหมือนเราเคยเเต่งงานมีภรรยามีลูกเเล้ว เค้าเลยกลัวว่าผมจะกลับไปคบกับ คนเดิม เศร้ามากครับ ตอนนี้ ผมนั่งเขียน Pantip ในที่ทำงานเพราะตอนนี้คิดงานไม่ออก ไม่รู้จะทำไง เพื่อน ๆ พอจะเเนะนำได้ไหมครับ ผมคิดถึงลูกมาก ทำตัวเหมือนคนเศร้าทุก ๆ 10 นาทีเลยครับ เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย เดี๋ยวอารมเปลี่ยน
เคยคิดว่าถ้าตายไป จะเป็นยังไงกันนะ (แต่ไม่ถึงขั้นซึมเศร้านะครับเพราะทำแบบประเมินมาหลายเว็บเเล้ว เค้าบอกผมเป็นคนอารมณ์ดีมากด้วยซ้ำ)
*ขอบคุณที่อ่านจนจบนะครับ หากมีคำใดผิดต้องกราบขอโทษมาณ ที่นี้ด้วยครับ