ประเทศที่มีพระอริยสงฆ์อยู่ จะช่วยยกระดับชาติได้อย่างไร ?

ประเทศที่ไม่มีพระอริยสงฆ์อยู่เลย กับพระเทศที่มี ต่างกันอย่างไร ?
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 5
พระอริยสงฆ์ไม่ได้มีความสำคัญระดับประเทศ แต่มีความสำคัญระดับจักรวาล เปรียบเหมือนพนักงานองค์การนาซ่าที่ไม่มีใครรู้จัก แต่ก็ทำงานคอยสอดส่องภัยที่มาจากนอกโลกเป็นต้น

หากจักรวาลยุคไหนไม่มีพระอริยสงฆ์ เราจะไม่ได้ยินแม้กระทั่งคำว่าศีล ไม่มีผู้มีปัญญา ไม่มีวิทยาการ ไม่มีสมณะพราหมณ์แม้เหล่าอื่น พระอริยสงฆ์เป็นเหมือนดวงอาทิตย์ที่ดึงดูดสิ่งต่าง ๆ ให้ถึงความเจริญขึ้นได้ เป็นเหมือนแหล่งน้ำที่ดึงดูดสัตว์น้อยใหญ่ให้มารวมกัน ความเจริญจะเกิดขึ้นในช่วงที่มีพระอริยสงฆ์เท่านั้น ไม่งั้นมนุษย์จะดำเนินชีวิตเหมือนสัตว์ป่า คนมีบุญไม่มาเกิดไม่ว่าจะสาขาไหน ๆ เพราะโลกมันไม่น่าอยู่ เป็นโลกที่มืดบอด ซึ่งบางครั้งโลกก็เป็นแบบนั้นอยู่นานนับล้าน ๆ ปีไม่ถ้วน
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 13
ภิกษุทั้งหลาย ! สมัยใด ราชา (ผู้ปกครอง) ทั้งหลาย ไม่ตั้งอยู่ในธรรม, สมัยนั้น ราชยุตต์ (ข้าราชการ) ทั้งหลาย ก็ไม่ตั้งอยู่ในธรรม;     
เมื่อ ราชยุตต์ทั้งหลาย ไม่ตั้งอยู่ในธรรม, พราหมณ์และคหบดีทั้งหลาย ก็ไม่ตั้งอยู่ในธรรม;     
เมื่อ พราหมณ์และคหบดีทั้งหลาย ไม่ตั้งอยู่ในธรรม, ชาวเมืองและชาวชนบททั้งหลาย ก็ไม่ตั้งอยู่ในธรรม;     
เมื่อ ชาวเมืองและชาวชนบททั้งหลาย ไม่ตั้งอยู่ในธรรม, ดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ ก็มีปริวรรต (การเคลื่อนที่, การหมุนเวียน) ไม่สม่ำเสมอ;     
เมื่อ ดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ มีปริวรรตไม่สม่ำเสมอ, ดาวนักษัตรและดาวทั้งหลาย ก็มีปริวรรตไม่สม่ำเสมอ;     
เมื่อ ดาวนักษัตรและดาวทั้งหลาย มีปริวรรตไม่สม่ำเสมอ, คืนและวัน ก็มีปริวรรตไม่สม่ำเสมอ;
เมื่อ คืนและวัน มีปริวรรตไม่สม่ำเสมอ, เดือนและปักษ์ ก็มีปริวรรตไม่สม่ำเสมอ;     
เมื่อ เดือนและปักษ์ มีปริวรรตไม่สม่ำเสมอ, ฤดูและปี ก็มีปริวรรตไม่สม่ำเสมอ;
เมื่อ ฤดูและปี มีปริวรรตไม่สม่ำเสมอ, ลม (ทุกชนิด) ก็พัดไปไม่สม่ำเสมอ;     
เมื่อ ลม (ทุกชนิด) พัดไปไม่สม่ำเสมอ, ปัญชสา (ระบบแห่งทิศทางลมอันถูกต้อง) ก็แปรปรวน;     
เมื่อ ปัญชสา แปรปรวน, เทวดาทั้งหลาย ก็ระส่ำระสาย;     
เมื่อ เทวดาทั้งหลาย ระส่ำระสาย, ฝนก็ตกลงมาอย่างไม่เหมาะสม;     
เมื่อ ฝนตก ลงมาอย่างไม่เหมาะสม, พืชพรรณข้าวทั้งหลาย ก็แก่และสุกไม่สม่ำเสมอ;
ภิกษุทั้งหลาย ! เมื่อมนุษย์ทั้งหลาย บริโภคพืชพรรณข้าวทั้งหลายอันมีความแก่และสุกไม่สม่ำเสมอ ก็กลายเป็นผู้มีอายุสั้น ผิวพรรณทราม ทุพพลภาพและมีโรคภัยไข้เจ็บมาก.
ความคิดเห็นที่ 4
แทนที่คำว่าอริยะสงฆ์ด้วยคำว่า
คนดีมีคุณธรรมสูง
ในสังคมใดมีคนแบบนี้มากๆ
สังคมนั้นก็มีความสุขสงบมากกว่า
ส่วนสังคมที่มีอริยะสงฆ์ จะช่วยให้มีคนดีมีคุณธรรมสูง
เพิ่มขึ้น
ยิ้ม
ความคิดเห็นที่ 17
ต้องเรียกว่า อริยบุคคล  คือฆราวาส ผู้ที่ใช้เหตุใช้ผล นั่นก็เรียกว่าเป็นบุคคลที่ประเสริฐแล้ว
                อริยสงฆ์    คือนักบวชผู้ประเสริฐ เป็นผู้ที่ใช้เหตุใช้ผล เช่นกัน
นักบวชที่ใช้เหตุใช้ผลในการสั่งสอนและทำความเข้าใจกับธรรมชาติของร่างกายจิตใจและสรรพสิ่งก็เรียกว่า นักบวชประเสริฐ
ฆราวาสใช้เหตุใช้ผลในการสั่งสอนดำเนินชีวิตเข้าใจธรรมชาติก็เรียกว่าฆราวาสชั้นเลิศ ชั้นประเสริฐ ชั้นบวร เช่นกัน

ดังนั้นที่ถามมา บางประเทศในบางเขตทำไมเจริญแสดงว่าที่นั่นมีฆราวาสชั้นประเสริฐอยู่ และมีลูกหลานก็ย่อมได้กายที่เป็นกรรมเก่าอันดีเป็นนาดี จากพ่อแม่ ปลูกเพาะต้นกล้าคือเยาวชนคนรุ่นใหม่ ๆ ที่มีเหตุผลจำนวนมากขึ้น ๆ รวมถึงบริบทอื่นๆ ในการปกครอง มีเหตุปัจจัยที่เอื้อต่อการปกครองเช่นขนาดประเทศที่เล็ก ภูมิอากาศ สินค้าส่งออกที่มีมูลค่ามากในปริมาณที่น้อยกว่าเป็นต้น จึงทำให้เป็นประเทศที่เจริญกว่าได้มาก

สรุปทุกสิ่งอาศัยเหตุปัจจัย ปฏิจจสมุปบาท ในการมีอยู่และดับไป
ความคิดเห็นที่ 8
การมีพระอริยสงฆ์ นั่นคือความเจริญทางด้านจิตใจของผู้คนในประเทศนั้นๆย่อมทำให้ความเจริญด้านต่างๆมีตามมาครับ
ความคิดเห็นที่ 6
เป็นเรื่องของคำสอนที่คนในประเทศนั้นจะได้รับ คือ ถ้ามีพระอริยะสงฆ์ก็แสดงว่าประเทศนั้นต้องมีพุทธศาสนาอยู่ไม่มากก็น้อย

อีกอย่างก็คือกระแสจิตของท่าน ได้ยินเรื่องเล่าจากครูบาอาจารย์มาว่าครูบาอาจารย์ของท่านจะแผ่พรหมวิหารอัปปมัญญาทุกคืน คนที่ฝึกจิตมาดี จะรับรู้ตรงนี้ได้
กระแสจิตนี่ไม่ใช่เรื่องงมงายหลอกลวงนะครับ เพียงแต่ว่ามันเป็นเรื่องที่มองเห็นได้ยากเท่านั้นเอง คนฝึกจิต ฝึกกรรมมฐานจะรู้ดีครับว่ากระแสจิตนี้สำคัญอย่างไรต่อคนรอบข้างและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะของผู้ที่ทรงสมาธิ
คนที่ทรงสมาธิเป็นปกติได้นี่มีอิทธิพลทางจิตมากนะครับ ถ้าได้ศึกษาก็จะเข้าใจเลยครับว่าสำคัญมากตรงนี้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่