ธุรกิจที่มีหน้าร้านมีโอกาสกลับมาเฟื่องฟูมั้ยครับ?

ผมเคยมีร้านเสื้อผ้าส่ง 1 ร้าน ร้านปลีกอีก 2 ร้าน มีร้านกาแฟ 2 ร้าน (ชาพะยอมซื้อแฟรนไชส์มาครับ) ตอนนี้ทั้งหมดปิดตัวลงแล้วครับ ตอนนี้หันมาไลฟ์สดขายเองกับภรรยา เพื่อนๆที่ขายของกันตลาดเดิมนี่โอดโอยกันมาก มูลค่าห้องมูลค่าล๊อคที่เซ้งกันมาตกฮวบฮาบ พ่อค้าแม่ค้าตลาดนัดก็หันมาขายออนไลน์ แล้วในอนาคตธุรกิจที่มีหน้าร้านแบบนี้จะกลับมามั้ยครับ

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 18
ส่วนตัวเราทำงานขายสินค้าออนไลน์ ทำงานอยู่บ้าน และสั่งสินค้าออนไลน์มานานมากๆตั้งแต่ยุคแรกๆเลยค่ะ มีร้านตั้งแต่ใน welove จนถึงใน shopee  

สิ่งที่รู้สึกตอนนี้คือ ไม่ชอบเดินห้างค่ะ รู้สึกว่ามันเสียเวลาชีวิต ไม่ใช่วัยที่จะไปเดินเล่นด้วยแล้วมั้งคะ มีแค่ธุระบางอย่างที่จำเป็นจริงๆถึงจะออกค่ะ ยิ่งให้ไปเดินเล่นตลาดร้อนๆนี่คือไม่เอาเลยค่ะ

เมื่อก่อนต้องไปซื้อของที่จำเป็นต้องใช้ทำงานที่สำเพ็ง ตอนนี้สั่งโดนตรงจากจีน ถูกกว่า ไม่ร้อน ไม่ต้องคอยเดินหลบมอเตอร์ไซต์ ค่าจอดรถก็แพง เราสั่งของจีน ส่งเร็วสุดคือสั่งของวันศุกร์ ของถึงวันอาทิตย์ค่ะ คือเร็วกว่า emsในประเทศอีกค่ะ สุดยอดมากๆ

หลังๆมานี่แม้แต่ส่งของก็ไม่ออกไปส่งเองแล้วค่ะ ให้ขนส่งมารับที่บ้านเลย

อาหารก็สั่งให้มาส่ง มีของแปลกๆที่อยากทาน ก็สั่งเอา ไม่ต้องไปเดินหา ขนส่งตอนนี้เร็วมากๆ เราว่ามันสะดวกมากๆเลยค่ะ

พวกกาแฟ ชานม ก็ซื้อเครื่องบดเครื่องชงมาทำเองเลย ถูกปากกว่า คุณภาพดีกว่าเพราะเลือกวัตถุดิบเองได้ เวลาไปข้างนอก ยังชงแล้วใส่แก้วสแตนเลสไปแทนเลยค่ะ

เวลาออกไปข้างนอกของเราคือ ไปเที่ยว ไปพักผ่อน ไปตปท.  ถึงจะได้ซื้อของข้างนอกบ้างค่ะ แต่ถ้าในชีวิตประจำวันนี้ 90% อยู่บ้านค่ะ
ความคิดเห็นที่ 8
สำหรับเสื้อผ้า เราเป็นคนที่ต้องลองก่อนซื้อ ไม่ซื้อในเน็ตเด็ดขาด เพราะรูปร่างเราไม่ได้มาตราฐาน ซื้อมาใส่ไม่ได้ เสียดายเงินมาก
เสื้อฝรั่งตัวใหญ่ๆ เราใส่ไซด์S ยังได้เลย แต่เสื้อฟรีไซด์คนไทย ขนาดก็เท่ากับไซด์M แต่เราใส่ไม่ได้ กลายเป็นเราตัวใหญ่กว่าฟรีไซด์อีก
เสื้อมาตราฐานบางยี่ห้อ เราใส่ไซด์M แต่ยี่ห้อเดียวกัน แค่เปลี่ยนรุ่น เรายังใส่ไซด์L เลย  ดังนั้นถ่ายรูปสวยแค่ไหน บอกขนาดทุกตารางนิ้วยังไงก็ไม่ซื้อ
เราอยากจะลองใส่ดูก่อน ว่ามันโอเคกับเราหรือเปล่า  เราจึงไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายที่ซื้อผ้าออนไลน์แน่นอน ตลาดนัดที่ลองเสื้อไม่ได้เรายังไม่ซื้อเลย
จับต้องได้ แต่สวมใส่ไม่ได้ก็ไม่เอา  ต้องเป็นร้านที่มีห้องลองเสื้อเท่านั้น เราถึงจะซื้อ   ดังนั้นร้านเสื้อผ้าในห้างไม่เจ๊งแน่นอน
เพราะยังมีลูกค้าอย่างเราอยู่ที่ชอบลองใส่ก่อนซื้อ

กางเกงก็เหมือนกัน ยี่ห้อเดียวกัน แค่เปลี่ยนรุ่น เปลี่ยนสไตล์ ไม่รู้วัดเอวจากตรงไหน รุ่นหนึ่งใส่ได้ อีกรุ่นใส่ไม่ได้แล้ว
การซื้อเสื้อผ้าเป็นอะไรที่น่าปวดหัวสำหรับเรามาก เจอรุ่นไหนใส่ได้ เราเหมารุ่นนั้น ครบทุกสีเลย เพราะเราไม่ใช่คนที่ใส่อะไรก็ได้หมด
เราใส่ได้แค่บางรุ่น บางไซด์เท่านั้น  แล้วเราเป็นคนที่ชอบสไตล์เรียบๆ ฉุดฉาดมาก สีสันเยอะเกินไป ลายมากเกินไป ก็ไม่ชอบอีก ใส่แล้วปวดหัว
เป็นคนเรื่องเยอะ




ส่วนตัวก็เปิดร้านขายของ การมีหน้าร้านทำให้ได้คุยกับลูกค้า ได้อธิบายหลายๆอย่างให้เข้าใจ  ที่เราคุยกับลูกค้ามากที่สุดก็คือเรื่องโปรเน็ต
โปรเน็ตมือถือ เป็นอะไรที่ต้องอธิบายเยอะ เพราะหลายคนไม่เข้าใจคำว่า "ไม่อั้น" ที่โฆษณา ว่าอะไรไม่อั้น  ความเร็วไม่อั้น หรือ ปริมาณไม่อั้น
บอกเน็ตไม่อั้น ทำไมใช้หมดเร็วจัง  โฆษณาว่าใช้ได้ 30 วัน ทำไมใช้แค่ 10 วันหมดแล้ว การอ่านแค่คำโฆษณาหรือป้ายโฆษณาว่าไม่อั้น ใช้ได้กี่วัน
มันไม่ทำให้ลูกค้าทุกคนเข้าใจ ว่าความต่าง 1 Mbps กับ 1 Gb ที่บอกว่าไม่อั้น มันต่างกันยังไง  หลายคนมาถามเราเรื่องพวกนี้เยอะมาก
โปรไหนดี โปรไหนแรง ทั้งที่เราไม่ได้โทรศัพท์มือถือนะ  เราแค่รับเติมเงินโทรศัพท์มือถือแค่นั้นเอง

คนบางคนก็ไม่ชอบที่จะค้นคว้าหาข้อมูลเอง แต่ชอบให้มีคนป้อนข้อมูลให้ การมีหน้าร้าน ก็เหมือนเป็นแหล่งที่ลูกค้าจะมาหาข้อมูลได้
เพราะมักจะคิดว่าคนขายย่อมรู้ดี ต้องตอบได้ หาคำตอบจากคนขาย ง่ายกว่าไปหาจากกูเกิ้ลเอง ซึ่งบางคนขี้เกียจ ฟังเอาง่ายกว่า ถามตอบได้ด้วย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่