ช่วยทีครับ พนง.ทุจริต เงินเกือบล้านครับ เครียดมากๆ

เริ่มเรื่อง บริษัทผมเป็นบริษัทขายส่งสินค้าครับ ระบบงานคือ ออกออเดอร์สินค้าตามที่เซลไปขายของ โดยมีทีมส่งไปส่งของให้ เซลมีหน้าที่คือ ขายของและเก็บเงินร้านค้าภายใน 14 วัน ร้านค้าก็จะซื้อของใหม่จ่ายของเก่าวนไปเรื่อยๆแบบนี้ครับ

เรื่องเกิดเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2562 เซลผมคนหนึ่งได้มารับสารภาพว่าได้ยักยอกเงินบริษัทไปเป็นจำนวน 41 บิล ยอด 964,288.63 บาท และอ้างว่ามีใบลดหนี้ที่หักหนี้ให้ร้านค้าแล้ว183,640.4 บาท หักเงินเดือน+เงินฝาก+โบนัส 37259 บาท แล้วคงเหลือหนี้อยู่ 743,389.23 บาท

ทางผมได้ไปลงบันทึกประจำวันไว้เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2562 พร้อมทั้งเรียกเซลคนดังกล่าวเข้ามาเพื่อเจรจาว่าจะชดใช้กันอย่างไร(ซึ่งผมเองเข้าใจว่ามันคือการแจ้งความซึ่งมาทราบในภายหลังว่าไม่ใช่เป็นเพียงการลงบันทึกประจำวัน และ ช่วงเวลาตั้งแต่ 25 เมษ.- 5 พค. ทางผมและทีมงานได้ไปตามตรวจสอบรวมรวบบิลว่าได้ทุจริตตามที่สารภาพหรือไม่ ซึ่งผลคือจริง) ผลตกลงว่าทางเซลจะชดใช้เงินให้ก่อนเบื้องต้น 200,000 บาท ภายในวันที่ 21 กรกฎาคม 2562 และส่วนที่เหลือจะผ่อนจ่ายอย่างไรค่อยคุยกันอีกที เนื้อหาในใบบันทึกประจำวันมีเนื้อหาว่า เซลรับสารภาพว่าได้กระทำผิดจริง และยินยอมชดใช้ตามเงื่อนไขดังกล่าว

จากระยะเวลา 25 เมษายน - 5 พฤษภาคม ได้ไปสอบถามข้อมูลจากลูกค้าตามหัวบิลแล้วได้ความว่าหลายๆบิลได้มีการออกออเดอร์ชื่อร้านเขาจริงแต่ทางร้านไม่ได้สั่งและไม่ได้รับสินค้าจริงตามที่ทีมส่งได้ส่งของ คือออกบิลมั่วๆและเอาของไปเร่ขายถูกๆเพื่อให้ร้านค้ายอมจ่ายเงินสด ทำให้ทราบเพิ่มอีกว่าทีมส่งต้องร่วมมือกระทำผิดด้วยอย่างแน่นอน

เวลาผ่านไป 1 สัปดาห์ ทางบริษัท(ครอบครัวผม) เห็นว่าการทิ้งระยะเวลายาวนาน 3 เดือนอาจทำให้เงินที่เซลอาจมีติดตัวอยู่(ซึ่งส่วนตัวคิดว่าต้องมีแหละ เพราะยอดเงินเยอะมาก) หมดไป เลยอยากที่จะเร่งรีบดำเนินนคดีเพื่อติดตามเงินมาคืนให้ได้โดยเร็ว

ผม(ซึ่งเป็นกรรมการบริษัท)เลยได้ไปแจ้งความดำเนินคดีกับเซลคนดังกล่าว (ซึ่งทำให้ได้รู้ว่าก่อนหน้านี้แค่ลงบันทึกประจำวัน) รวบรวมเอกสารหลักฐานก็ประกอบด้วย บิล 41 ใบ ใบลดหนี้ และรายละเอียดเงินเดือน เงินฝาก โบนัส แล้ว คงยอดความเสียหาย 743389 บาทตามข้างต้น (บิลทุกใบมีการเซ็นกำกับจากร้านค้าว่าได้จ่ายเงินให้กับเซลไปแล้วและลงชื่อกำกับ หรือร้านไหนไม่ได้รับของจริงซึ่งเป็นบิลส่วนมาก ก็จะเซ็นว่าไม่ได้รับสินค้าชุดนี้และลงชื่อกำกับ)

ทางบริษัทต้องการให้เรื่องไปถึงศาลให้เร็วที่สุดเพื่อให้ศาลช่วยเป็นผู้พิจารณาคดีให้เพื่อที่จะบังคับข้อตกลงให้เป็นไปตามนั้น คือ วันที่ 21 กรกฏาคม 2562 ชำระหนี้กัน 200,000 บาท และที่เหลือหากศาลบอกให้จ่ายเดือนละเท่าไรเราก็พร้อมทำตามศาล

ตำรวจให้ทางผมพาตำรวจไปสอบสวนร้านค้าตามหัวบิลให้มาให้การเพิ่มเติม ซึ่งมีปัญหาดังนี้คือ1.ร้านค้าไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับคดี 2.ร้านค้าอยู่ไกลหลายอำเภอ 3.บิลมีจำนวนเยอะมาก ซึ่งพูดคุยกันแล้ว เลยตกลงไปสอบสวนเพียงร้านเดียวเพื่อให้เรื่องเดินถึงศาลให้เร็วที่สุด

ตำรวจเรียกเซลมาสอบสวนทางเซลก็สารภาพว่าทำผิดจริงและยินดีชดใช้ตลอด

ถึงคำถามแล้วครับขอสอบถามว่า
1.รูปแบบคดีตำรวจพยายามจะชี้แจงให้ศาลทราบว่าเซลนำสินค้าไปส่งร้านใด เก็บเงินสดมาหรือไม่ และคนเก็บคือเซลไหม?
ซึ่งผมเห็นว่าไม่ใช่ประเด็น ผมไม่ต้องการรู้ว่าใครเอาของผมไป เซลเอาไปเร่ขายให้ใคร
ผมรู้ว่าออเดอร์เซลที่ทีมส่งไปส่งของ ได้มีการร่วมมือกันทั้งเซลและทีมส่งยักยอกสินค้าบริษัทไปแล้วไม่นำเงินมาส่งบริษัทจริงแท้แน่นอน และมีหลักฐานว่าเซลได้มารับสารภาพแล้วว่าได้กระทำผิดจริง ยังไม่เพียงพออีกหรือ? ผมจะรู้ไปทำไมว่าสินค้าผมตอนนี้อยู่ไหน? ใครเป็นคนรับของโจร?
ทำไมตำรวจจึงพยายามหาหลักฐานในรูปแบบนั้น?

2.ผู้กระทำผิดได้สารภาพทุกครั้งที่มาให้การเพิ่มเติมต่อเจ้าหน้าที่ แต่ทำไมกฏหมายจึงไม่สามารถทำอะไรผู้กระทำผิดได้เลย เหลือหลักฐานอะไรหรือ?
(ปัจจุบันผมได้รวบรวมเอกสารส่งเพิ่มเติมดังนี้คือ
1.เอกสารการเซ็นต์รับเงินเดือนเพื่อยืนยันว่าผู้กระทำผิดได้ทำงานที่บริษัทจริง
2.เอกสารการส่งบิล ก็คือใบส่งสินค้าที่ทีมส่งไปส่งของและรานค้าเซ็นรับสินค้ากลับมาเพื่อยืนยันว่าสินค้าออกจากคลังสินค้าจริงและได้ส่งสินค้าเรียบร้อยแล้ว
3.เอกสารการเบิกบิลของเซลว่าเซลได้เบิกบิลเพื่อไปเก็บเงินลูกค้าจริง
4.เอกสารการส่งเงิน ว่ารายการบิลที่มีปัญหายังไม่มีการส่งเงินจริง)

3.อัยการที่รับเรื่องอาจจะได้รับข้อความที่ไม่ถูกต้อง หรือไม่ครบถ้วนจากสื่อกลางก็คือเอกสารสำนวนและตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจ เราไม่สามารถไปให้ข้อมูลโดยตรงกับอัยการได้หรือครับ?

4.ส่วนตัวนะครับ ผมได้ยินมาเยอะว่าประเทศไทยเป็นระบบกล่าวหา เช่น คดีคุณ ธนาธร อนาคตใหม่ คนร้องก็ร้องไปคนโดนร้องก็ต้องหาหลักฐานมาสู้คดี แต่ของผมทำไมผมเป็นคนร้อง แต่ต้องหาหลักฐานมากมายมาสู้คดี ทั้งๆที่ผู้กระทำผิดก็มาให้การ และรับสารภาพต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกครั้ง

5.หากท่านใดมีคำแนะนำการสู้คดีหรือมีสิ่งใดอยากแนะนำเพิ่มเติมก็ช่วยพิมพ์ไว้ทีนะครับ

ปล.ผมไม่ต้องการให้ผู้ต้องหาต้องมีคดีความเข้าคุกเข้าตาราง ผมเพียงแค่อยากให้เรื่องไปถึงชั้นศาลและให้ศาลช่วยเป็นคนกลางในการไกล่เกลี่ย และตกลงรูปแบบการชำระหนี้ให้กับทางบริษัท แต่หากสุดๆแล้วจำเป็นต้องเข้าคุกก็เป็นตัวเลือกสุดท้ายจริงๆครับ เพราะเซลก็อยู่กับบริษัทมานานครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่